เทคโนโลยี Cloud เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังจะมีบทบาทสำคัญในแวดวงไอที ด้วยข้อมูลที่ถูกจัดเก็บอยู่ในส่วนกลาง (หรือจะเรียกว่ากลางอากาศก็ย่อมได้) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดึงข้อมูลที่ต้องการใช้งานได้จากทุกอุปกรณ์เครือข่ายและที่ใดก็ได้ตราบเท่าที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตอยู่ นอกจากนี้ข้อมูลเหล่านี้ยังสามารถถูกแชร์ได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน เทคโนโลยี cloud จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะเข้ามาปฏิวัติโลกอินเทอร์เน็ตได้ในอนาคต และเมื่อการเข้ามาของเทคโนโลยีบล็อกเชนจึงทำให้มีกลุ่มธุรกิจที่นำเอาเทคโนโลยีทั้ง 2 อย่างนี้เข้ามารวมไว้ด้วยกันจนเกิดเป็นแพลตฟอร์มและเหรียญโทเคนคริปโตเพื่อใช้เฉพาะกับเทคโนโลยี cloud โดยเหรียญนั้นมีชื่อว่า Arcblock ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นในบทความนี้

 

คริปโตเคอเรนซี่ ประโยชน์

เหรียญ arcblock หรือเหรียญ abt คืออะไร

Arcblock เป็นเหรียญโทเคนที่มีการใช้งานอยู่ในแพลตฟอร์มที่มีชื่อเดียวกัน โดยแพลตฟอร์ม Arcblock เป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นการให้บริการในการสนับสนุนการใช้ Cloud computing และ Nodes โดยภายในแพลตฟอร์ม Arcblock ยังอนุญาตให้นักลงทุนสามารถทำการขุดหาเหรียญ Arcblock โดยการใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Logical or Virtual Machine แทนการใช้เครื่องขุดกายภาพได้ นี้จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เหรียญ Arcblock มีความน่าสนใจ การขุดเหรียญในรูปแบบนี้เมื่อรวมกับการให้บริการ Cloud computing ผู้ขุดก็จะได้รับเงินรางวัลผ่านทาง Smart Contract และเพิ่มให้แพลตฟอร์มมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ความน่าสนใจของตัวแพลตฟอร์มอีกประการหนึ่งอยู่ที่การนำ Abstract Layer ซึ่งเป็น Open chain access Protocol และ Blocklets มาใช้งานในรูปแบบของแอปพลิเคชั่น microservice ที่ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการใช้งานได้อย่างอิสระโดยไม่มีตัวกลางเข้ามาเชื่อมต่อจึงทำให้แอปพลิเคชั่นของผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบล็อกเชนใด ๆ ก็ได้จึงช่วยให้การเชื่อมต่อข้อมูลกับแหล่งข้อมูล การจัดการประมวลผลทั้งในรูปแบบ On-Chain และ Off Chain การรองรับตรรกะที่ซับซ้อนและ Smart Contracts ต่าง ๆ มีความรวดเร็วมากขึ้น โดยทาง ArcBlock ได้พยายามกำหนดเป้าหมายให้สามารถรองรับการทำธุรกรรมไว้ที่ 100,000 ครั้งต่อวินาที

เหรียญ abt ดีไหม ? ใช้ทำอะไร ใช้ที่ไหนบ้าง

เหรียญ abt ดีไหม

ความพิเศษอีกประการหนึ่งที่ทำให้ตัวของ ArcBlock สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้งานจริงได้ก็คือตัวของแพลตฟอร์มจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมเหมือนกับการทำธุรกรรมด้วยเงินสกุลดิจิทัลอื่น ๆ โดยหน้าที่ในการจ่ายค่าธรรมเนียมนี้จะถูกโยกไปให้ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียมแทนและการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจะเป็นในลักษณะของการจ่ายค่าธรรมเนียมตามจริงตามการใช้งานบนแอปพลิเคชั่นของผู้พัฒนาแอปเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อจูงใจให้ผู้ใช้งานหันมาใช้งาน Cloud computing บนแพลตฟอร์มนี้มากยิ่งขึ้น

การจ่ายค่าธรรมเนียมของนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นนั้นทางแพลตฟอร์มจะบังคับให้นักพัฒนาต้องทำการฝากเหรียญ ArcBlock จำนวนหนึ่งไว้บนแพลตฟอร์มเสียก่อนจึงจะสามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นของตนเองได้ นอกจากนี้ตัวของแพลตฟอร์มเองก็ยังเปิดกว้างให้นักพัฒนาสามารถสร้างโทเคนหรือออกเหรียญเงินสกุลดิจิทัลสกุลใหม่ของตนเองได้เช่นกันเป็นการจูงใจให้ผู้ใช้งานหันมาสร้างระบบ Ecosystem บนตัวของแพลตฟอร์มให้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ทาง ArcBlock ยังสร้างมาร์เก็ตเพลสที่มีการทำงานบนบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์สำหรับเพื่อการซื้อขาย Component ต่าง ๆ ที่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้เช่น Chain Adapters, Blocklets รวมถึงตัวของแอปพลิเคชั่นต่างๆ เป็นต้น

เหรียญ abt ดีไหม ? อนาคตจะเป็นอย่างไร

อนาคตของเหรียญและแพลตฟอร์ม ArcBlock จะเป็นอย่างไรนั้นนักลงทุนเองอาจต้องคำนึงถึงอนาคตของอุตสาหกรรมที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับทั้งตัวของแพลตฟอร์มและตัวของเหรียญเอง แต่กระนั้นด้วยความที่โลกกำลังจะเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต web 30. ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของการพัฒนาระบบเทคโนโลยีนี้ส่วนหนึ่งก็คือเทคโนโลยี Cloud computing ที่ทางแพลตฟอร์ม ArcBlock กำลังดำเนินการอยู่นั่นเอง ดังนั้นหากจะบอกว่าทางแพลตฟอร์มเองมีการชูจุดแข็งด้วยรากฐานของอุตสาหกรรมที่กำลังจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตก็คงจะไม่ผิดนัก และด้วยการที่นำเอา Cloud computing มาผนวกรวมกับอุตสาหกรรมบล็อกเชนด้วยแล้วก็ยิ่งหมายความว่าทาง ArcBlock เองทั้งแพลตฟอร์มและตัวเหรียญโทเคนที่ใช้งานอยู่บนแพลตฟอร์มสามารถที่จะเพิ่มมูลค่าของตนเองให้เพิ่มสูงขึ้นได้ในอนาคต

แต่หากมองเข้าไปถึงระบบการทำงานของทีมพัฒนาก็ต้องบอกว่าสิ่งนี้เองก็ทำให้ตัวของเหรียญ ArcBlock มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากนั่นก็เพราะทั้งทีมงานและพาร์ทเนอร์ของ ArcBlock มีความเข้มแข็งมากในวงการ IT โดยตัวของทีมงานพัฒนาเองก็เป็นทีมงานที่เคยทำงานอยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ที่มีประสบการณ์มากกว่า 7 ปี นอกจากนี้ทาง ArcBlock เองก็มีพาร์ทเนอร์ทรงพลังมาร่วมโปรเจกต์อย่างบริษัท SAP และบริษัทยักษ์ใหญ่อีกบริษัทหนึ่งในวงการ IT อย่างบริษัท IBM ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้คือฐานรากที่ส่งเสริมให้ทาง ArcBlock เข้มแข็งขึ้นอย่างน่าสนใจในแวดวงคริปโตเคอเรนซีนั่นเอง

ด้วยการเกาะกุมธุรกิจ cloud computing เป็นฐานรากสำคัญเพราะเป็นเทคโนโลยีหลักที่จะกลายมามีส่วนสำคัญต่อวงการ IT ในอนาคตและเมื่อรวมถึงการนำแพลตฟอร์มที่รองรับการทำงานบนบล็อกเชนที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ โดยตัวของอุตสาหกรรมบล็อกเชนเองก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่จะขึ้นมาเปลี่ยนโลกในอนาคตอันใกล้นี้ แค่เพียงทั้ง 2 รากฐานอันแข็งแกร่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ตัวของเหรียญ ArcBlock มีศักยภาพที่จะเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคตแล้ว ยิ่งเมื่อร่วมกับส่วนผสมที่สำคัญอย่างทีมงานพัฒนาที่มีประสบการณ์กับบริษัทยักษ์ใหญ่และพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่ในวงการ IT ที่มองเห็นโอกาสและเข้ามามีส่วนร่วมที่สำคัญกับทางแพลตฟอร์ม องค์ประกอบทั้งหมดนี้ก็เปรียบเสมือนแรงหนุนที่ช่วยให้ตัวเหรียญ ArcBlock มีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนสายคริปโตไม่น้อยเลยทีเดียว