ไม่ว่าจะมองไปทางไหน หรือสถานที่ใดก็ตาม เราจะเห็นผู้คนสวมใส่หน้ากากอนามัยกันแทบทุกคน กลายเป็นเรื่องปกติและความเคยชินอย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความหวาดวิตกต่อโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในช่วงแรก ส่งผลให้หน้ากากอนามัยขาดตลาดอย่างรวดเร็ว ที่วางจำหน่ายอยู่ก็มีราคาแพงจนน่าตกใจ ผู้คนต้องปรับตัวโดยการหันมาใช้หน้ากากผ้าแทน เช่นเดียวกันกับ หน้ากากผ้ามัสลินที่กำลังมาแรงในตอนนี้ มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าผ้าชนิดอื่นยังไง ช่วยให้ผู้ประกอบการฝ่าวิกฤตได้อย่างไร นี่คือโอกาสธุรกิจในวิกฤต ที่ผู้ประกอบการต้องรู้!

หน้ากากปิดปากสินค้าจำเป็นยุควิกฤต  หน้ากากผ้ามัสลิน

หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ของชิ้นสำคัญในยุคโควิดที่ทุกคนต้องมี  ไอเท็มที่จะขาดไม่ได้เมื่อต้องออกจากบ้าน กลายเป็นของใช้ประจำตัวที่ต้องใส่ไปทุกที่ แม้แต่ตลาดนัด ถ้าไม่ใส่หน้ากาก ก็ไม่อนุญาตให้เข้าเด็ดขาด เหตุผลที่รณรงค์ให้ทุกคนใส่หน้ากากก็เพื่อปกป้องร่างกายตัวเอง ลดโอกาสเสี่ยงในการได้รับเชื้อจากผู้ป่วย และยังป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อไปสู่ผู้อื่นเช่นกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราไม่ควรเข้าใกล้ผู้ที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย

  • ผู้ติดเชื้อไม่ใส่หน้ากากอนามัย ใกล้ชิดคนปกติที่ใส่หน้ากากอนามัย มีโอกาสแพร่เชื้อ/ติดเชื้อได้ถึง 70%
  • ผู้ติดเชื้อใส่หน้ากากอนามัย ใกล้ชิดคนปกติที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย มีโอกาสแพร่เชื้อ/ติดเชื้อได้ 5%
  • ผู้ติดเชื้อใส่หน้ากากอนามัย ใกล้ชิดคนปกติใส่หน้ากากอนามัย มีโอกาสแพร่เชื้อ/การติดเชื้อได้ 1.5%

การใส่หน้ากากเพียงอย่างเดียว  ไม่สามารถป้องกันไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใส่หน้ากากไม่ถูกวิธี ชอบเอามือสัมผัสหน้าบ่อยๆ และไม่ล้างมือให้สะอาด

งานวิจัยพบผ้ามัสลินกันไวรัสได้ ทำความสะอาดได้หลายครั้ง

หน้ากากผ้ามัสลิน

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการศึกษาชนิดของผ้าต่างๆ ที่น่าจะมีความเหมาะสมในการนำมา “หน้ากากผ้า” โดยมีการศึกษาเปรียบเทียบผ้าหลายรูปแบบ ผลการทดสอบผ้า 3 ชนิดคือ ผ้าฝ้ายดิบ ผ้าฝ้ายมัสลิน และผ้านาโน เมื่อนำผ้ามาประกอบกัน 2 ชั้นและส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อศึกษาเส้นใยผ้าในการกันอนุภาค พบว่าเส้นใย “ผ้ามัสลิน” สามารถป้องกันอนุภาคขนาดเล็กได้ดีกว่าผ้าชนิดอื่น

และได้ศึกษาจำนวนครั้งของการซักล้างในผ้า 3 ชนิดเพื่อทดสอบความแข็งแรงทนทานต่อการซักและการเป็นขุย พบว่า ผ้าฝ้ายดิบ และผ้าฝ้ายมัสลิน สามารถซักได้มากกว่า 100 ครั้ง โดยที่คุณภาพของเนื้อผ้าไม่เสื่อม เมื่อทดสอบประสิทธิภาพการซึมผ่านของละอองน้ำพบว่า ผ้าฝ้ายมัสลินและผ้าสาลู สามารถต้านการซึมผ่านได้ใกล้เคียงกัน แต่ผ้ามัสลินสามารถกักน้ำได้ดีกว่า

หน้ากากผ้ามัสลิน

จากผลทดสอบทั้งหมดสรุปว่า “ผ้าฝ้ายมัสลิน” มีประสิทธิภาพและความเหมาะสมในการนำมาทำหน้ากากผ้ามากที่สุด หน้ากากผ้ามัสลิน จึงเป็นตัวช่วยสู้ภัยโควิด ด้วยคุณสมบัติพื้นฐานที่มีความโดดเด่นในแง่ดีหลายอย่าง เช่น เนื้อผ้าละเอียด มีความลื่นพอประมาณ ไม่เป็นขุย ระบายอากาศดี แห้งเร็ว มีคุณสมบัติในการกันละอองน้ำ จึงช่วยป้องกันเชื้อไวรัสที่ปะปนอยู่ในละอองฝอยได้ สามารถซักด้วยน้ำสบู่หรือน้ำอุ่น แล้วนำมากลับมาใช้ได้หลายครั้ง ทดแทนหน้ากากอนามัยที่หายาก ราคาแพง และใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง

ธนาวัฒน์ หน้ากากผ้ามัสลิน ตอบโจทย์ผู้ใช้ โอกาสใหม่คนอยากมีรายได้เพิ่ม

หน้ากากผ้ามัสลิน

ร้านธนาวัฒน์บิวตี้ หนึ่งในผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องสำอาง สินค้าความงาม และอุปกรณ์เสริมความงามจากหลากหลายแบรนด์ ที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ซ่อนอยู่ในวิกฤตโควิด-19 เมื่อลูกค้าไม่กล้าออกมาจับจ่ายซื้อสินค้า ส่งผลให้ยอดขายลดลง ประกอบกับสินค้าที่มีความต้องการอย่างมาก และขายดีที่สุดในตลาดคือ หน้ากากอนามัย เมื่อความต้องการมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สินค้ามีไม่พอจำหน่าย จนกลายเป็นสินค้าหายาก ที่ต้องมี! ลูกค้าเองก็แวะเวียนมาถามหาตลอด ทำให้ทางร้านมีความคิดว่าอยากนำมาจำหน่าย

จนไปเจอข้อมูลมาว่าหน้ากากผ้าฝ้ายมัสลิน ผ่านการทดสอบโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วว่าสามารถป้องกันไวรัสโคโรน่า 2019 ได้ ซักทำความสะอาดได้มากถึง 100 ครั้ง ช่วยลดขยะ ประหยัดค่าใช้จ่าย จึงนำข้อมูลงานวิจัยนี้มาต่อยอดผลิตหน้ากากผ้าฝ้ายมัสลิน สินค้าที่ทางร้านจำหน่ายเป็นแบบ 3 ชั้น ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการต้านการซึมผ่านของละอองน้ำ รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนหน้ากากอนามัยที่เห็นโดยทั่วไป มีลวดล็อคสันจมูกใส่กระชับลวดหน้า สายคล้องไม่รัดหูจนทำให้รู้สึกเจ็บ ระบายอากาศได้ดี ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้

หน้ากากผ้ามัสลิน

มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำและสีขาว ช่องทางจำหน่ายมีทั้งทางหน้าร้าน ช่องทางออนไลน์ผ่านทาง Facebook Fanpage  และ Lazada สำหรับผู้ที่สนใจสินค้าหน้ากากผ้ามัสลินและสินค้าอื่นๆ ของทางร้าน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ceo.thanawatbeauty/  การพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสของร้านธนาวัฒน์บิวตี้ มีความน่าสนใจตรงที่สามารถขยับขยายเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มธุรกิจเฮลตี้เข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจบิวตี้ได้อย่างกลมกลืน  ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจตัวอย่างที่สามารถเพิ่มยอดขายและสร้างฐานลูกค้าได้อย่างสวยงามในช่วงวิกฤต

เมื่อธุรกิจเจอกับวิกฤตหนัก เจออุปสรรค อย่างเช่นวิกฤตโควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบแทบทุกกลุ่มธุรกิจ ผู้ประกอบการย่อมต้องมองหาทางรอดเพื่อประคับประคองธุรกิจไม่ให้ล้มครืนลงมา หากในทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาส บางครั้งโอกาสที่เรากำลังมองหา อาจไม่ได้อยู่ไกลตัวเสมอไป เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวก่อน แล้วหาทางต่อยอดจากสิ่งนั้น หรือสังเกตความต้องการของตลาดว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และถามหาจากเราบ่อย ไม่ต้องลงทุนเยอะ แต่ต้องมองเห็นถึงความเป็นไปได้สูง เมื่อผ่านพ้นวิกฤตไป เราอาจได้บทเรียนใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ไวขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

บริการอบรม ให้คำปรึกษา การทำให้สินค้าค้นหาเจอบน Google การทำ Digital Marketing & Brand Storytelling ทั้งแบบรูปแบบองค์กร กลุ่ม และ ตัวต่อตัววิทยากรการตลาดออนไลน์