ใครเลยจะคิดจากชีวิตที่รุ่งเรืองและประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด จะเหลือศูนย์ภายในวันเดียว ดังเช่นชีวิตของ ลี เหว่ย กีหรืออากี ที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อก่อนเขามีชื่อเสียงในฐานะเจ้าของกิจการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประสบความสำเร็จ ณ ประเทศฮ่องกง โดยมีลูกค้าชาวไทยถึง 90 %  ที่ยอมข้ามน้ำข้ามทะเลไปเพื่ออุดหนุนและซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าของอากี เป็นเวลากว่า 30 ปี แต่ในวันนี้ความสำเร็จในครั้งนั้นได้อยู่ในความทรงจำและได้มอบบทเรียนอย่างลึกซึ้งให้กับอากีกับคำว่าเจ๊งไม่เป็นท่า ชีวิตและจิตใจพังทลายจนอยากฆ่าตัวตาย แต่อย่างไรก็ตามอากีก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ ด้วยการกลับมาอีกครั้งหลังจากล้มลง ด้วยธุรกิจร้านอาหาร ในชื่อของอากี เป็ดพะโล้

 

ก่อนอื่นต้องขอย้อนชีวิตอากีสักเล็กน้อยว่าเป็นอย่างไรมาอย่างไรถึงได้หันมาจับธุรกิจเป็ดพะโล้นี้ได้ โดยก่อนหน้านี้อากีมีธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดำเนินการมากว่า 30 ปี ขายดีมาก มีเงินผ่านมือวันละหลายล้านเหรียญฮ่องกง ต่อมาด้วยปัจจัย ต่าง ๆ มากมายโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว และอากีไม่ได้วางแผนรับมือไว้ ทำให้เขาได้รับบทเรียนจากธุรกิจที่เคยเฟื่องฟูกับฟุบไม่เป็นท่าชนิดที่เรียกว่าหมดเนื้อหมดตัวกันเลยทีเดียว จนต้องผันตัวเองจากเถ้าแก่ที่มีเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้านไปเป็นลูกน้อง ซึ่งสร้างความอายให้แก่อากีเป็นอย่างมาก หลังจากที่หลบเลียแผลใจอยู่พักใหญ่ก็เหมือนมีแสงสว่างส่องทางให้แก่ชีวิตด้วยความหวังดีจากใจจริงจากกัลยาณมิตรที่เป็นห่วงอากี จนกระทั่งได้มาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในวัย 63 ปี กับกิจการอากี เป็ดพะโล้ ที่หลายคนพากันไปแวะเวียนอุดหนุนอากีกันอย่างไม่ขาดสาย

 

เรื่องราวชีวิต ความคิดและธุรกิจของเขาน่าสนใจมากครับ วันนี้เรามาลองดูจากบทเรียนของอากีจะให้แนวคิดแก่เถ้าแก่ใหม่อย่างไรบ้างเพื่อที่เราจะไม่ก้าวพลาด เสียเวลา เสียเงินทอง เสียเครดิตไปแบบนี้ รวมถึงการกลับมาเริ่มต้นธุรกิจใหม่อีกครั้งกับธุรกิจเป็ดพะโล้ที่ทำท่าจะไปได้สวยมาก ๆ เลยทีเดียว มาติดตามกันเลยครับ

 

1.การคาดคะเนที่ผิดพลาด

บทเรียนของอากีจากการคาดคะเนที่ผิดพลาดทำให้เขาไม่ได้ฉุกใจคิดเลยว่ากำลังจะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ของเก่าอย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อมี mp 3 เข้ามาทำให้ขายเครื่องเสียงไม่ได้เลย หรือเมื่อมีกล้องดิจิทัลเข้ามากล้องฟิล์มก็ตกไปทันที สิ่งนี้ทำให้เกิดผลกระทบตามมายากเกินกว่าจะรับมือได้เพราะอากีไม่เคยคิดว่ามันจะมีผลทำให้เขาต้องปิดตัว

การตัดสินใจที่ผิดพลาดในการทำธุรกิจมันส่งผลกับธุรกิจมากมายขนานนี้เลยนครับ จะตัดสินใจอะไรขอให้อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและเทคโนโลยีที่จะมาในอนาคต อย่าให้อยู่บนพื้นฐานของอารมณ์และความสำเร็จแบบเดิม ๆ ครับ

 

2.คิดว่าเจ๋งมีลูกค้าเยอะไม่กลัว

อากีมีความมั่นใจมาก ๆ ด้วยเห็นว่าตัวเองมีลูกค้ามาอุดหนุนเยอะมาก อย่างไงก็ไม่เจ๊งอย่างแน่นอน จึงไม่ได้วางแผนรองรับมือกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่กำลังจะเกิดกับกิจการของตัวเองทั้งสิ้น

ไม้สูงใหญ่มักล้มหักโค่นเมื่อโดนพายุมา ธุรกิจที่หยิ่งผยองก็เช่นกัน คิดว่าตัวเองเก่งมีฐานลูกค้ามากมาย สุดท้ายเมื่อความต้องการเปลี่ยนปัจจัยเปลี่ยน ความเจ๋งก็ช่วยอะไรไม่ได้ เหลือแต่ “เจ๊ง” เพียงอย่างเดียว

 

3.ไม่รู้จักเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามา ยังคงอยู่ที่เก่า

ถึงแม้จะมีสัญญาณเตือนมาแล้วว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเข้ามา แต่อากีก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร ยังยืนยันว่าจะขายแบบเดิม ๆ ยังสั่งสินค้าแบบเดิม ๆ เข้ามาเสริมเรื่อย ๆ ไม่ยอมเรียนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เขายังคงอยู่ที่เดิมกับธุรกิจที่เขาคลุกคลีมาตั้งแต่เริ่มต้นนั้น

จังหวะการปรับตัวก็เป็นเรื่องสำคัญ ปรับตัวก่อนที่สถานะการณ์ใหม่ ๆ จะมาอย่างนี้จะได้ประโยชน์ ปรับตัวในขณะที่สถานะการณ์กำลังเปลี่ยนช่วงเริ่มต้นอาจจะเหนื่อยตะครุกตะครักบ้าง หากปรับตัวช่วงที่สถานะการณ์เปลี่ยนไปแล้วอาจจะอยู่ในช่วงที่ช้านะครับที่จะเปลี่ยนธุรกิจคงต้องรับความเสียหายบ้าง แต่ถ้าหากปรับตัวช้ากว่านี้ก็มีค่าเท่ากันกับที่ไม่ปรับตัวครับ “เจ๊ง” อย่างเดียวครับ เหมือนอย่างอากี

 

4.สินค้าตกยุค การตลาดตกกระแส

ในที่สุดสินค้าของอากีที่มั่นใจนักหนาว่าจะไปได้อีกยาวก็ถึงคราวต้องตกยุค ลูกค้าเริ่มถามหาสินค้าใหม่ เช่น ไอแพด ไอโฟน แต่อากีไม่มีของใหม่ดังกล่าว หนักเข้าลูกค้าก็ต้องไปหาซื้อที่อื่น แต่ในความคิดของอากีคือเมื่อสินค้าตัวใหม่ไม่มีในร้านของเราก็มีตัวอื่นตั้งเยอะแยะพวกเขาน่าจะซื้อสินค้าตัวอื่นแทน แต่การณ์กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เทคโนโลยีปัจจุบันเปลี่ยนเร็วมาก ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ที่ตกรุ่น ทว่ารูปแบบการตลาดใหม่ ๆ ก็ฆ่ารูปแบบการตลาดแบบเก่าให้ล้มหายตายจากไปก็เยอะนะครับ อย่ามองแค่ว่าสินค้าบริการของเราไม่ได้อิงกับเทคโนโลยี แต่อย่าลืมนะครับหากช่องทางในการทำการตลาดของเรามันเอาท์ ไม่อยู่ในเทรนหรือกระแส สินค้าเราก็จะถูกลืม ถูกกลืนกินตกไปอยู่ในหลุมดำสามเหลี่ยมเมอร์บิวด้า อย่างแน่นอน

 

5.มั่นใจเกินไป สร้างภัยให้กับตัวเอง

หากพูดถึงความมั่นใจแล้ว อากีมีความมั่นใจมากอย่างไงธุรกิจของเขาจะไปรอดและมีเงินผ่านมือเป็นล้าน ๆ ทุกวันอย่างแน่นอน เขาจึงไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงใด ๆ หรือวางแผนรับมือใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเรื่องภาษี ซึ่งมีผลกระทบที่หนักมาก

เรื่องเงินยิ่งต้องถ่อมตน ทำธุรกิจยิ่งต้องนอบน้อม ระมัดระวังภัยที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจอยู่เสมอ ความมั่นใจจนเกินไปมันเป็นเหมือนไม้ขีดไฟที่จุดใกล้ ๆ กับถังน้ำมัน เพราะเมื่อมันติดขึ้นมาทั้งน้ำมันและไม้ขีดไฟก็จะถูกเผาไหม้ไปด้วยกัน ธุรกิจก็ไม่เหลือเช่นกันครับ

 

6.ขายบ้านขายทุกอย่างมาซื้อของตุนสต๊อค

หลายท่านคงจะรู้เรื่องการตุนสต๊อคเป็นอย่างดี เพราะถ้ามีของทันทีลูกค้าก็พอใจ อากีมักนำเงินที่ได้ไปซื้อสินค้ามาเติมสต๊อคของตัวเองเสมอ ถึงแม้จะต้องขายบ้านขายทุกอย่างก็ตาม เขาทำไปเพื่อการตุนสต๊อค ซึ่งหากของขายดีไม่มีการเปลี่ยนแปลงอากีก็คิดถูก แต่ทว่าเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาลูกค้าเมินสินค้าเก่าที่เข้าสู่การตกยุค แน่นอนว่าสต๊อคที่ขายไม่ออกนั่นมีปัญหาอย่างแน่นอน

การบริหารสต๊อกเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากบริหารไม่ดีก็จะเกิดปัญหาสินค้ามีมากเกินความต้องการ หรือไม่ก็น้อยจนบริการไม่พอ แต่จุดจบจริง ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องความไม่มีความสามารถในการบริหารสต๊อกหรอกนะครับ ทว่าอยู่ที่การไม่ยอมรับเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาต่างหาก

 

7.ให้กำลังใจตนเองเป็นสิ่งที่ดี แต่การดื้อแพ่งเป็นสิ่งที่ต้องระวัง

อากีเริ่มได้รับสัญญาณไม่ดีเกี่ยวกับยอดขายที่ตกลงไปทุกวัน ๆ แต่เขาก็ยังให้กำลังใจตัวเองเสมอว่าโดยการคิดว่าวันนี้ไม่ดีพรุ่งนี้ดี พรุ่งนี้ไม่ดีเดือนหน้าดี เดือนหน้าไม่ดีปีหน้าอาจจะดี ด้วยกำลังใจเช่นนี้ทำให้เขายังทู่ซี้ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบ    เดิม ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้มองปัจจัยด้านอื่นเลย

ต้องบอกว่าอากีดื้อแพ่ง บอกตัวเองว่าต้องดีขึ้น ๆ แต่สถานการณ์จริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น การที่เราดื้อแพ่งเท่ากับไม่ยอมรับการเปลี่ยนจากสถานการณ์ภายนอก แต่คนอื่นทั่วไปเขาเปลี่ยนตัวเองไปแล้ว นั่นเท่ากับว่าท้ายที่สุดเราก็จะถูกทอดทิ้งไว้เพียงคนเดียว ต่อให้มีกำลังใจอะไรมากมายสุดท้ายเราก็ไม่เหลือใครและไม่เหลืออะไรเพราะเราไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

 

8.เช็คเด้งวันเดียวเจ้าหนี้มาขนไปหมด

ภายในวันเดียวเท่านั้นที่อากีต้องปิดกิจการ เพราะอากีมีปัญหาเรื่องการจ่ายเช็คให้กับเจ้าหนี้รายหนึ่ง เจ้าหนี้รายนั้นจึงบอกต่อคู่ค้าอื่น พวกเขาจึงกรูกันมาที่ร้านของอากีภายในวันเดียวและพากันยึดสินค้าที่มีอยู่ไปทุกชิ้นเพื่อล้างหนี้ ซึ่งของในร้านก็ยังไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ด้วยซ้ำ อากีถึงกับน้ำตาตกและยอมรับความจริงว่าถึงกาลอวสานของกิจการที่เคยรุ่งเรืองซึ่งเป็นอดีตไปแล้วในวันนั้นวันเดียว

ทำธุรกิจต้องรู้จักการ “บริหารเงินสด” ไม่ใช่เพียงแต่ทำธุรกิจแบบเครดิต เพราะไม่อย่างนั้นก็จะเกิดปฏิกิริยาโดมิโน่เมื่อเกิดเหตุการณ์ใด กับบริษัทหนึ่งที่อยู่ในเครือข่ายเกี่ยวข้องกับธุรกิจ

หากมีเงินสดบ้างก็จะทำให้เราสามารถที่จะยืนอยู่ได้ หากพึ่งแค่เรื่องของเครดิตรับรองครับตายกันทั้งกะบิ

 

9.ชีวิตต้องดำเนินต่อ มองหางานทำ

ถึงแม้จะเจ๊งไม่เป็นท่า แต่จะให้อากีอยู่เฉย ๆ แล้วจะเอาอะไรกิน เขาจึงไปหางานทำซึ่งเป็นงานเกี่ยวกับการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเหมือนกัน อากียอมรับว่าอายมากจากที่เคยเป็นเถ้าแก่คอยชี้นิ้วสั่งลูกน้อง กลับต้องกลายมาเป็นลูกน้องที่ให้เด็กอายุน้อยกว่ามาสั่งให้ทำนู่นทำนี่ ซึ่งเขาได้ทำงานนี้อยู่ปีกว่าเจ้าของก็ขายหุ้นชีวิตจึงต้องรับมืออีกครั้ง

“ยอมอาย ไม่ยอมตาย” ชีวิตมันสูงได้ ก็มีวันต่ำได้ เช่นกัน ต่ำได้เราก็สูงได้เช่นกัน

บางคนยอมที่จะทิ้งชีวิต เพราะรับความ “อับอาย” ไม่ได้ รับความล้มเหลวไม่ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริง หากเรายังมีลมหายใจอยู่เราก็มีวันที่จะลุกขึ้นได้ใหม่ แต่วันที่เราไร้ลมหายใจ มันก็ไม่มีความสำเร็จอะไรติดตัวเราไป คงมีแต่ความล้มเหลวผิดหวังที่ฝังติดวิญญาณเราไป ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย

 

 

10.ทำธุรกิจเดียวล้มก็ล้มเลย

อากีมุ่งมั่นทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวมาตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการ เขาไม่เคยทำธุรกิจอย่างอื่น เมื่อธุรกิจที่เป็นเหมือนเสาหลักล้มทำให้เขาหมดตัวทันที ซึ่งเป็นอุทธาหรณ์เป็นอย่างดีให้กับนักธุรกิจรุ่นหลังที่ต้องทำธุรกิจที่ 2 ที่ 3 เผื่อว่าธุรกิจนี้ล้มธุรกิจอื่นก็ยังช่วยพยุงอยู่ได้ทำให้ไม่ต้องถึงกับล้มลงเหมือนอย่างอากี

อย่างทำธุรกิจเชิงเดี่ยวเหมือนปลุกผัก ทำสวน ต้องรู้จักทำไร่นาสวนผสม ธุรกิจก็ไม่ควรที่จะทำแค่ธุรกิจเดียว แบบเดียว ควรทำเครือข่ายของธุรกิจไว้ ธุรกิจหนึ่งมีปัญหา ยังมีธุรกิจอื่นพอที่จะช่วยประคองรองรับเอาไว้ได้

หากมีแค่ธุรกิจเดียวก็ล้มเหมือนอากี ล้มแบบหงายหลัง ธุรกิจพัง ชีวิตพัง ครอบครัวพัง

 

11.ไม่มีคำว่าอยากฆ่าตัวตาย จากชายชื่ออากี

จากคนที่เคยมีเงินหมุนเวียนในการทำธุรกิจวันละหลายล้านบาท กลับหมดสิ้นแล้ว ถามว่าอากีคิดฆ่าตัวตายเหมือนที่เป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ ไหม อากีบอกว่า อากีมีชื่อเสียง ไม่คิดฆ่าตัวตายแน่นอน เพราะมีคนรู้จักเยอะ กลัวตัวเองอาย กลัวคนจะสมน้ำหน้า ด้วยความกลัวนี่เองทำให้อากีไม่ได้คิดทำอัตวิบากกรรมอย่างแน่นอน

ความตายจะเป็นหลักฐานของความพ่ายแพ้ แต่การลุกขึ้นสู้แม้จะยังไม่ชนะจะเป็นหลักฐานของความสำเร็จในชีวิต คือสำเร็จที่ชนะใจตนเองในเวลาที่ทุกข์ เจออุปสรรคแสนสาหัส

 

12.ชีวิตใหม่เริ่มต้นได้เสมอ

หลังมรสุมพัดผ่านชีวิตไปแล้ว จากเดิมที่เคยมีร้านใหญ่โต อากียังไม่คุ้นเคยกับการเปิดร้านเล็ก ๆ นัก แต่จะอยู่เฉย ๆ ก็จะคิดมากไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ อากีจึงยอมเปิดร้านเล็ก ๆ ซึ่งเป็นร้านขายอาหาร เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ในไทยอีกครั้ง

ไม่มีอะไรช้าเกินเริ่มต้นใหม่ ไม่มีความผิดพลาดใดที่ทำให้เราตั้งต้นชีวิตใหม่ไม่ได้หรอกครับ ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมออย่าแคร์สายตาคนมอง แต่จงแคร์คนที่เรารักและคนที่รักเรา

 

13.อากี เป็ดพะโล้ จากล้มสู่ลุก

เนื่องจากมีลูกค้าชาวไทยเยอะมากเมื่อตอนขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในฮ่องกง ชื่อของอากีเป็นที่รู้จัก เมื่อมาขายเป็ดพะโล้ อากีจึงนำชื่อตัวเองมาตั้งเป็นชื่อร้านว่า อากี เป็ดพะโล้ ซึ่งนับว่าอากีคิดถูกมากเลยทีเดียว เหมือนกับเป็นแบรนด์ของอากีไปเลย

ตัวแทนของคนสู้ชีวิตที่ ไม่ยอมตาย ไม่ยอมแพ้ ไม่อาย จนในที่สุดความล้มเหลวของเขาก็โดนเคี้ยวให้กลมกล่อมกลายมาเป็นกำลังใจให้กับพวกเราหลาย ๆ คน เหมือนกับเป็ดพะโล้ ที่ต้องต้มต้องเคี่ยวจึงจะอร่อย เนื้อจึงจะนุ่ม

 

14.ไม่ได้ร่ำรวยแต่มีงานทำ

ถามว่าตอนนี้อากีรวยไหม อากีบอกว่าตอนนี้เขาไม่ได้ร่ำรวยแต่ที่ดีที่สุดคืออากีมีงานทำทุกวัน ทำให้เขาคิดเศร้าน้อยลง ถึงแม้จะเหนื่อยหน่อยแต่ดีกว่านั่งร้องไห้อยู่ในบ้าน มีความสุขมากขึ้น ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

วันนี่เราพอไม่ใช่วันที่เรารวยที่สุดมีเงินมากที่สุด แต่เป็นวันที่เรารู้ว่ามันก็แค่นี้ การได้ช่วยเหลือผู้คนต่างหาก คือสิ่งที่ทำให้เรารวยอย่างแท้จริง

 

15.น้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้

อากีได้ติดตามสารคดีของในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่เป็นประจำ ทำให้เขาซึมซับและซาบซึ้งใจ เขายังคิดว่าหากได้ดูสารคดีของพระองค์ท่านตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าจุดจบคงไม่เป็นอย่างนี้ โดยเขาได้นำมาปรับใช้ในเรื่องของการวางแผน ความพอเพียง ไม่ต้องฟุ่มเฟือย จะช่วยให้ธุรกิจไม่ล้มอย่างเคยแน่นอน

รู้จักพอประมาณ มีเหตุมีผลในการทำอะไร และสุดท้ายคือนำประสบการณ์ทั้งของตัวเองและของคนอื่นมาเป็นภูมิคุ้มกันในการตัดสินใจอะไรต่อในอนาคต เท่านี้ก็ทำให้ชีวิตเราอยู่อย่างมีความสุขแล้วครับ

 

ท้ายสุดนี้อากีก็อยากฝากข้อคิดไว้เตือนใจสำหรับนักธุรกิจทุกท่านว่าอย่ามั่นใจเกินไป ว่าตนเองเก่ง เยี่ยม มีลูกค้าอยู่ในมือ ไม่รู้จักวางแผนอื่นเลย มีแผนเดียว ไม่เปลี่ยนแผน ไม่ดูการเปลี่ยนแปลงของภายนอก ไม่สนใจข่าวสารข้อมูลเลย ซึ่งผิดมาก ๆ ถึงจะรวยแค่ไหนก็มีสิทธิ์ล้มได้ถ้าไม่วางแผนและประมาณตัวเอง

 

หากใครอยากจะไปอุดหนุนธุรกิจใหม่ของอากีที่มีเมนูเด็ดเป็ดพะโล้ กับหมูกรอบ แน่ใจว่าอร่อยมาก อากีรับรองคุณภาพ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดอร่อยมาก หอมน่ารับประทานเชียว จุดพิกัดร้านก็อยู่ที่คู้บอน ซอย 38 นอกจากจะได้รับความอร่อยแล้ว ผมเชื่อว่าคุณจะได้รับแรงบันดาลใจจากการมองอากีบริการลูกค้ากลับมาเลยล่ะครับ