เรามักจะรู้จักมักคุ้นกับธุรกิจที่เรียกว่า B2C กันเป็นอย่างดีนั่นก็เพราะเป็นรูปแบบธุรกิจที่เราพบเห็นได้บ่อยจนกลายเป็นเรื่องชินตาไปในปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้คือธุรกิจที่มีการขายจากตัวของผู้ประกอบการไปสู่ลูกค้าธรรมดาทั่วๆ ไปนั่นเอง แต่ยังมีรูปแบบธุรกิจอีกประเภทหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการหรือกลุ่มธุรกิจด้วยกัน ธุรกิจนั้นถูกเรียกว่า B2B หรือ business to business ครับ ซึ่งมีข้อแตกต่างจากแนวทางของการทำธุรกิจในแบบ B2C อยู่บางประการ แต่กระนั้นเพื่อให้การทำธุรกิจในรูปแบบ B2B ได้รับประโยชน์สูงสุด “การทำการตลาดออนไลน์” ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จหลักในการทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจ B2B เป็นอย่างไร เรามีข้อแนะนำมาฝากครับ

แม้การทำธุรกิจในรูปแบบ B2B จะแตกต่างจากการทำธุรกิจในแบบ B2C

แต่กระนั้นการทำการตลาดออนไลน์ก็ยังคงมีความสำคัญหากเปรียบเทียบสเกลในการขายระหว่างธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C เราจะพบว่าธุรกิจในรูปแบบของ B2B จะมีสเกลในการขายที่ใหญ่กว่าในแบบของ B2C มากครับ เพราะสินค้าที่มีการซื้อขายระหว่างกันมีมูลค่าที่สูงกว่าซึ่งมักจะไปเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตของอีกหนึ่งธุรกิจรวมไปถึงอาจไปเป็นกำลังสำคัญในการผลิตของอีกธุรกิจหนึ่งได้เช่นกัน ดังนั้นระยะเวลาที่ใช้ในการซื้อขายจึงใช้ระยะเวลาในการดำเนินการที่มากกว่า เพราะต้องมีการวิเคราะห์และประเมินความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาของสินค้านี่ก็คือความแตกต่างอย่างแรกระหว่างธุรกิจในรูปแบบของ B2B กับ B2C ครับ ข้อแตกต่างอีกประการหนึ่งก็คือการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งในรูปแบบของ B2C จะมีการใช้อารมณ์มาเป็นตัวตัดสินใจซื้อมากกว่าในแบบ B2B มากครับ เมื่อเราทราบข้อมูลคร่าวๆ ดังนี้เราจึงรู้ได้ทันทีว่าหลักในการทำการตลาดออนไลน์ของทั้ง 2 รูปแบบย่อมมีความแตกต่างกันอย่างแน่นอน หลักการทำการตลาดออนไลน์ของธุรกิจ B2C จึงไม่สามารถใช้ได้กับรูปแบบของ B2B เลย

8 วิธีทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจ B2B

1. ต้องมีเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

ในยุคที่การค้าขายถูกวัดกันในโลกโซเชี่ยลธุรกิจใดไม่มีหน้าเว็บไซต์ธุรกิจนั้นความน่าเชื่อถือติดลบมากกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอนยิ่งหากคุณเป็นธุรกิจที่ต้องนำเสนอสินค้าต่อผู้ประกอบการไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่การไม่มีหน้าเว็บไซต์เป็นของตนเองจะทำให้ลูกค้าหรือพันธมิตรของคุณมองว่าคุณล้าหลังและไม่อาจต่อสู้กับคู่แข่งรายอื่นๆ ได้ ภาพลักษณ์ของคุณจะติดลบทันทีในสายตาของพวกเขา

2. จงทำคอนเทนต์คุณค่าเพื่ออธิบายตัวสินค้าของคุณเท่านั้น

เพราะลูกค้าของคุณคือผู้ประกอบการเฉกเช่นเดียวกับคุณ ดังนั้นคุณจะหวังผลโดยการสร้างคอนเทนต์ที่ถูกเรียกว่าคอนเทนต์ตีหัวเข้าบ้านที่เล่นกับอารมณ์หรือเล่นกับยอดไลค์ยอดแชร์ไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะลูกค้าของคุณไม่ได้พลอยหลงใหลได้ปลื้มไปกับคอนเทนต์ประเภทนี้ ดังนั้นหากคุณจะทำคอนเทนต์ขึ้นมาเพื่อให้เตะตาและสะดุดใจพวกเขาคุณต้องสร้างคอนเทนต์คุณค่าเข้ามาตอบโจทย์และช่วยอธิบายคุณค่าและประโยชน์ของสินค้าของคุณเท่านั้นในรูปแบบที่ว่าทำไมสินค้าของคุณจึงจะช่วยพวกเขาได้ ถ้าคุณสร้างคอนเทนต์ประเภทนี้ขึ้นมามากๆ คอนเทนต์เหล่านี้จะช่วยเป็นนกพิราบที่สื่อสารในสิ่งที่คุณอยากสื่อไปยังลูกค้าของคุณ

3. จงใช้ประโยชน์จาก SEO และการยิงโฆษณา

คอนเทนต์ที่ไม่ถูกค้นพบก็ยากที่จะเป็นคอนเทนต์ที่มีความหมายไปได้แม้ว่าคุณจะสร้างคอนเทนต์ที่ช่วยอธิบายสินค้าของคุณมากเพียงใด แต่หากไม่มีใครเห็นคอนเทนต์ของคุณสิ่งที่คุณทำก็แทบจะเรียกได้ว่าสูญเปล่าครับ ดังนั้นจงให้ความสำคัญกับการทำ SEO และการยิงโฆษณาให้ดี ข้อดีอีกประการหนึ่งของการถูกพบเห็นได้ง่ายคือนอกจากจะมีโอกาสสร้างยอดขายได้ง่ายขึ้นยังเป็นการตัดกำลังและโอกาสของคู่แข่งไปในตัว

4. Call to Action ต้องมี อย่าปล่อยให้ลูกค้าตั้งคำถามว่า “แล้วฉันจะทำอย่างไรต่อไป”

เมื่อคุณสามารถดึงคนเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ของคุณได้แล้วสิ่งที่คุณควรจะสร้างไว้เพื่อรองรับกลุ่มคนเหล่านี้คือ “วิธีการที่พวกเขาจะติดต่อสื่อสารกับคุณ” จงจำเอาไว้เสมอว่าลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการเขาไม่เหมือนกับลูกค้าทั่วไปที่ตัดสินใจซื้ออะไรง่ายๆ  พวกเขาต้องการข้อมูลที่ละเอียดมากพอที่จะช่วยตัดสินใจว่าควรจะซื้อสินค้านั้นจากคุณดีหรือไม่ ดังนั้นหากไม่มีช่องทางที่เขาได้มีโอกาสซักถามข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณการทำการตลาดออนไลน์นี้ก็ถือว่าล้มเหลวด้วยเช่นกัน

5. จงใช้แพลตฟอร์มทางโซเชี่ยลที่จำเป็นมาใช้ในการทำการตลาดออนไลน์

ช่องทางของโซเชี่ยลนอกเหนือไปจากเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่คอนเทนต์แล้วหน้าที่อีกประการคือการดึงคนกลับไปสู่หน้าเว็บไซต์หลักของคุณครับ หากคุณเชี่ยวชาญและช่ำชองการทำการตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชี่ยลเหล่านี้คุณก็มีโอกาสดึงคนเข้าไปทำการตลาดเพิ่มเติมได้ในพื้นที่ของคุณซึ่งก็คือหน้าเว็บไซต์ของคุณเพิ่มได้ในที่สุด

6. ต้องอัปเดตคอนเทนต์ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ

ความสำเร็จในการทำการตลาดออนไลน์ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการทำคอนเทนต์ครับ หากคุณมีความสม่ำเสมอในการอัปเดตคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาสาระที่มีประโยชน์หน้าเว็บไซต์ของคุณก็จะถูกพบเจอได้ง่ายและเป็นที่ติดตามของผู้ที่สนใจครับ ดังนั้นหากคิดจะทำการตลาดออนไลน์ต้องวางแผนในการสร้างคอนเทนต์และหมั่นอัปเดตคอนเทนต์ออกมาเสมอๆ แล้วการตลาดออนไลน์ที่คุณทำอยู่จึงจะประสบความสำเร็จได้อย่างที่คุณต้องการ

7. บางครั้งต้องสอดแทรกวัฒนธรรมองค์กรลงไปผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชี่ยล

นอกจากแพลตฟอร์มโซเชี่ยลจะถูกนำมาใช้ในการเผยแพร่คอนเทนต์หรือเป็นสื่อกลางดึงคนเข้าสู่เว็บไซต์ช่องทางนี้ยังเป็นสิ่งที่ช่วยเผยแพร่ภาพลักษณ์และวัฒนธรรมขององค์กรได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการแชร์ภาพถ่ายกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ที่องค์กรร่วมทำสิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของธุรกิจให้ดูน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้าครับ

8. คำรีวิวจากลูกค้าเก่าคือเสียงสวรรค์ของธุรกิจ

ท้ายที่สุดนั้นเสียงที่ดูหนักแน่นและน่าเชื่อถือมากที่สุดในโลกธุรกิจก็คือคำนิยมหรือคำรีวิวจากลูกค้าเก่านั่นเอง เพราะเสียงเหล่านี้สะท้อนถึงคุณภาพของสินค้าและความพึงพอใจของพวกเขาได้เป็นอย่างดี หากคุณมีฐานลูกค้าเก่าที่ผูกพันกับธุรกิจของคุณมานานอย่าลืมที่จะขอให้เขาช่วยลงรีวิวหรือคำนิยมให้แก้ธุรกิจของคุณด้วย เพราะเสียงเหล่านี้คือเสียงสวรรค์ที่ช่วยทำให้ธุรกิจของคุณได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดีครับ

สำหรับธุรกิจ B2B
การทำการตลาดออนไลน์ยังคงเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ธุรกิจมีศักยภาพในการเติบโตได้ไม่แพ้การทำการตลาดออนไลน์ในธุรกิจประเภทอื่นๆ ครับ สิ่งสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์จึงไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณจะทำมันอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเริ่มลงมือเมื่อไหร่ต่างหาก เพราะท้ายที่สุดธุรกิจใดที่ใช้การตลาดออนไลน์มาเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำธุรกิจธุรกิจนั้นย่อมประสบผลสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองมากกว่าธุรกิจที่ละเลยในเรื่องนี้

บริการอบรม ให้คำปรึกษา Digital Marketing & Brand Storytelling ทั้งแบบรูปแบบองค์กร กลุ่ม และ ตัวต่อตัวContent Marketing ธุรกิจอาหารเสริม