ระหว่าง ความคิด กับ ความรู้สึก คุณคิดว่ามนุษย์รับรู้สิ่งไหนได้เร็วกว่ากัน  

ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก กริ๊งงงงง หมดเวลา  

คำตอบของคุณคืออะไรครับ?

ในชีวิตประจำวันมนุษย์ใช้ความคิดแค่ 7% ในขณะที่รับรู้จากความรู้สึกมากถึง 93%  ดังนั้นคำตอบ คือ มนุษย์รับรู้จาก ความรู้สึก ได้เร็วกว่า โดยรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น ผิวหนัง และประสาทสัมผัสที่มนุษย์ใช้รับรู้มากที่สุดสองอันดับแรก คือ ตา และ หู

จากความจริงข้างต้น หากคุณต้องการให้ลูกค้าประทับใจธุรกิจของคุณ คุณจะต้องทำให้ ตา และ หู ของลูกค้ารับรู้สิ่งที่คุณต้องการสื่อสารให้ได้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีอารมณ์ร่วม จนรู้สึกนิยมชมชอบ เกิดสายสัมพันธ์ที่ดี อยากอุดหนุนธุรกิจของคุณด้วยความเต็มใจ

น่าสนใจใช่มั๊ยครับ

สิ่งท้าทายอย่างยิ่ง คือ คุณจะทำอย่างไรให้ ตา ของลูกค้าจับจ้องอยู่ที่สินค้าและบริการของคุณ จะทำอย่างไรให้ หู ของลูกค้า ฟังแต่ข้อมูลธุรกิจของคุณ และจะทำอย่างไรให้ธุรกิจของคุณ ประทับลงในหัวใจของลูกค้า

บทความนี้ผมขอนำเสนอ 3 เทคนิค ที่สรุปจากหนังสือ การตลาดล้างสมอง (NeuroMarketing) เขียนโดย คุณก้อง เกียรติวิชญ์ ซึ่งจะทำให้ ลูกค้าประทับใจ ธุรกิจของคุณไม่รู้ลืม โดยการสร้างอารมณ์ร่วมของลูกค้าให้เกิดความหลงใหลในธุรกิจของคุณ ซึ่งมีเทคนิคง่าย ๆ ดังนี้ครับ

1. คุณต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้านของคุณ หากลูกค้ารู้สึกเพลิดเพลินบันเทิงใจจะทำให้ลูกค้าผ่อนคลาย ฉะนั้นการตกแต่งร้าน จัดบรรยากาศให้รู้สึกสบาย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คุณควรจัดร้าน เช่น ฝาผนัง เพดาน เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งต่าง ๆ ด้วยโทนสีเรียบ เปิดเพลงจังหวะช้า ๆ ที่สื่อความหมายเชิงบวก มีที่นั่งพักสบาย ๆ ไว้บริการ หรืออาจจะเสิร์ฟน้ำเย็น ๆ เพื่อดับกระหาย

สิ่งเหล่านี้เมื่อกระทบตา และหูจะทำให้ลูกค้าผ่อนคลาย มีอารมณ์อยากเลือกซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น สร้างโอกาสให้คุณสามารถขายสินค้าและบริการได้เพิ่มขึ้น

2. คุณต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกอิสระ สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ ไม่มีใครชอบความอึดอัด หรือ เครียด หากคุณไปยืนจ้อง คอยกดดัน หรือแสดงทีท่ามัดมือชก จะทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกต่อต้านพฤติกรรม การชักจูงของคุณทันที และรับรองได้เลยว่าลูกค้าเผ่นแน่นอน แต่กลับกัน การที่คุณให้อิสระกับลูกค้าได้เลือกชมสินค้าและบริการอย่างอิสระ ให้อำนาจตัดสินใจว่าซื้อหรือไม่ซื้อด้วยตัวเอง จะทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจอย่างมาก

ดังนั้น คุณควรสื่อสารกับลูกค้าให้รับรู้ว่าพวกเขามีอิสระและอำนาจอย่างแท้จริง ด้วยคำพูด เช่น เลือกดูได้ตามสบายนะครับ/คะ เชิญดูก่อนได้เลยครับ//ค่ะ  ไม่ซื้อไม่ว่ากัน เลือกซื้อได้ตามใจชอบเลยครับ/ค่ะ เมื่อคุณมอบความอิสระ และอำนาจการตัดสินใจให้ลูกค้า ลูกค้าจะตอบแทนด้วยการอุดหนุนคุณเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

3. คุณต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกดี ในขณะที่ลูกค้าเข้าร้าน แต่คุณทำหน้าบึ้ง พอลูกค้าสอบถาม คุณกลับพูดตะคอก อย่างนี้ธุรกิจของคุณจะอยู่รอดได้อย่างไร ในการทำธุรกิจคุณควรอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข และพูดคุยด้วยท่าทีที่เป็นมิตร เต็มใจ จริงใจกับลูกค้า

รอยยิ้มที่ผ่านตา และคำพูดอ่อนโยนที่กระทบหู จะพิมพ์ลงไปในใจของลูกค้า จะกระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกดี และแสดงพฤติกรรมที่ดีออกมาด้วย เมื่อลูกค้ารู้สึกดี พวกเขาก็อยากซื้อหรือใช้บริการของคุณมากขึ้น

ความสุข คือ สิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา เมื่อร้านของคุณเป็นสถานที่ที่สร้างความสุขให้กับลูกค้าได้ ลูกค้าจะเกิดความประทับใจ และหากคุณสร้างความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกได้แล้วล่ะก็ ลูกค้าจะแวะเวียนมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการธุรกิจของคุณตลอดไปแน่นอน

การประยุกต์ใช้ทั้ง 3 เทคนิคนี้กับธุรกิจของคุณ พยามยามกระตุ้นตา และหูของลูกค้าให้รับรู้สิ่งดี ๆ จะทำให้ลูกค้าเกิดอารมณ์ร่วม รู้สึกดี มีความสุข พร้อมที่จะรับฟังข้อมูลจากคุณ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่คุณต้องแสดงฝีมือแล้วล่ะครับ เพื่อให้ลูกค้าประทับใจไม่รู้ลืม เมื่อลูกค้าสอบถาม คุณควรให้ข้อมูลที่ถูกต้อง พูดคุยอย่างเป็นกันเอง เคารพและให้เกียรติลูกค้า มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส บริการอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ และจริงใจ ไม่ใช่ จิงโจ้ นะครับ