ย้อนไปเกือบยี่สิบปี ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจของไทยเมื่อปี 2540 มีบริษัทหลายแห่งต้องปิดตัวลงไป ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “นายศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ” หรือ “ศิริวัฒน์ แซนด์วิช” จากผู้ที่เคยไปยืนอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิต กลับต้องมาตกอยู่ในสภาพของคนล้มละลาย และกลายเป็นผู้ที่มีหนี้เอ็นพีแอล รุ่นแรก หากไม่มีวิกฤตปี 40 ก็อาจจะไม่มีศิริวัฒน์ แซนด์วิชในวันนี้

อุปสรรคกว่า10 ปี ได้กลายเป็นตำนานกล่าวขานของนักสู้ชีวิต  กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงเทพ  ซึ่งเป็นบริษัท หลักทรัพย์ เอบีเอ็น แอมโร เอเชีย จำกัด และมีทุนจุดทะเบียนสูงที่สุดในเวลานั้น

จนกระทั่งตลาดหุ้นตกต่ำลงพร้อมกับโครงการคอนโดมิเนียมหรู ที่เขาเพิ่งหันมาจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2540  ซึ่งยังมีพนักงานหลงเหลืออยู่กับเขา จำนวน 20 คน และยอมที่จะทำงานอยู่กับเขา

แม้ว่าเขาจะสูญเสียเครดิตทางด้านการเงินและความร่ำรวย ทำให้เขาและภรรยาตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อความอยู่รอด  ต่อมาภรรยาของเขา แนะนำให้เขาทำแซนด์วิชขาย เพื่อหารายได้ให้กับครอบครัว ด้วยกล่องสำหรับคล้องคอขายซึ่งการตอบรับค่อนข้างดี แม้จะโดนตำรวจเทศกิจจับไปถึง 2 ครั้ง แต่เขาก็ไม่ท้อ เพราะได้แรงใจจากครอบครัวและลูกค้าที่ให้การอุดหนุน จนทำให้มีวันนี้

ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ หรือ “ศิริวัฒน์ แซนด์วิช” จากอดีตบุคคลที่ล้มละลาย เปลี่ยนสถานะจากเศรษฐีพันล้าน และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้น มาเป็นพ่อค้าขายแซนด์วิชข้างถนนริมฟุตบาท ด้วยการต่อสู้ของชีวิต และไม่ยออมแพ้ในโชค ชะตาทำให้เขาสามารถเองกลับมารลุกยืนได้อีกครั้งในฐานะประธานบริษัท ทีจีไอเอฟ จำกัด ที่ถือเป็นความสำเร็จในชีวิตอีกครั้ง

แม้จะไม่กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม แต่น่าจะเป็นบทเรียนให้กับคนที่ล้มเหลวหรือสิ้นหวัง ให้กลับมามีกำลังใจในการต่อสู้ ไม่ยอมแพ้กับปัญหาได้เป็นอย่างดี วันนี้ผมจะพานักธุรกิจผู้ไม่ยอมแพ้ทุกท่าน

มาพบกับแนวคิดและวิธีการทำธุรกิจของคุณศิริวัฒน์ ว่า เขาต้องมุ่งมั่น ทุ่มเทแค่ไหนเพื่อให้ตนเองได้กลับมายืนอย่างสง่างามอีกครั้ง ตามผมมาเลยครับ

เคล็ดลับแนวคิดสไตล์ ศิริวัฒน์ แซนด์วิช

1.ยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

สภาวการณ์ทางเศรษฐกิจอาจเป็นเรื่องที่นักธุรกิจทั้งหลายไม่ได้คาดคิดมาก่อน หลายครั้งที่เรื่องราวของโลกธุรกิจมักจะมีการผกผัน มีขึ้นและมีลง ของบางอย่างอาจเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ก่อนอื่นก็ต้องยอมรับความจริงก่อนว่าเกิดผลกระทบขึ้นแล้วต่อธุรกิจและชีวิตของตน

ซึ่งคุณศิริวัฒน์ ยอมรับความจริงในเรื่องนี้ และเขาคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งเป็นแนวคิดของคนที่ไม่สิ้นหวังและยอมจำนนต่อสถานการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้น

2.เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตตนเอง

เมื่อเกิดวิกฤติการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น หากคุณศิริวัฒน์ยังทำตัวตามสบายนอนตื่นสายไม่กระตือรือร้น ก็คงจะไม่มีศิริวัฒน์แซนวิชในวันนี้แต่คุณศิริวัฒน์กลับดำเนินชีวิตในทางตรงข้าม เขาตื่นแต่เช้า ขยัน และยิ้มเหมือนคนนอนเต็มอิ่ม 18 ชั่วโมงต่อวัน ทั้ง ๆ ที่ ทุกค่ำคืนแทบจะนอนไม่หลับ

หรือบางวันน้ำตาก็ตกในแต่ต้องไม่ให้คนรอบข้างเห็นความอ่อนแอและพยายามหาทางคิดทุกวิถีทางให้กลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง แม้จะต้องเดินเร่ขายแซนด์วิช ไปตามริมถนนฟุตบาทก็ตาม ถ้ามัวแต่อายและไม่ขยัน ก็จะทำให้สู้ต่อไม่ได้

3.ปรับวิธีการใช้จ่ายเงินให้เข้ากับสภาวการณ์

จากเดิมที่คุณศิริวัฒน์ เคยใช้จ่ายเงินแบบไม่ต้องคิดมากอยากได้อะไรก็ใช้บัตรเครดิตรูดแบบชิลๆ อยากไปเที่ยวไหนก็ไปแต่เมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินแบบหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ความคิดในการใช้เงินจึงต้องเปลี่ยนไปเพื่อความอยู่รอด โดยคุณศิริวัฒน์ต้องอดใจ และใช้ชีวิตแบบประหยัดโคตร ๆ กล้าหาเหตุผลที่จะไม่ใช้เงิน  เมื่อตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ทำให้ต้องปรับตัว และเมื่อจะใช้จ่ายแต่ละรายการก็จะใช้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะในช่วงสร้างตัว จะต้องประหยัดแบบสุดๆ

4.อ่อนน้อมถ่อมตนต่อลูกค้าทุกคน

จากเคยเป็นเศรษฐีพันล้านกลับต้องมายืนขายแซนวิช คุณศิริวัฒน์กล้ายกมือไหว้ลูกค้าทุกคน โดยมีแนวคิดที่ว่า “ต่อให้ลูกค้าอายุน้อยแค่ไหน แต่เขาเอาเงินมาให้เรา เหมือนอย่างที่บอกคือ ลูกค้าคือพระเจ้า อย่าไปอายที่จะต้องยกมือไหว้ใคร เขาอุดหนุนเรา เพื่อต่อชีวิตเรา ครอบครัวและลูกน้องที่เหลืออยู่”

5.ยอมเหนื่อย ขยันและอดทน

เมื่อคิดจะทำแซนวิชขายแล้ว คุณศิริวัฒน์ยอมที่จะอดทน ยอมเหนื่อย และทำอย่างสม่ำเสมออยู่อย่างนั้น จุดพีคของการสร้างตัวและคิดตลอดคือ ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย  หากมัวแต่คิดว่าอยากรวยแต่ไม่ต้องเหนื่อย มันไม่มีจริงหรอก เพราะเราต้องเหนื่อย ต้องขยันและไม่ท้อจึงจะทำให้มีวันต่อไปได้ ซึ่งเป็นการใช้แรงกายเข้าแลกอย่างเต็มที่จึงมีวันนี้ได้

6.อย่าอายทำกิน

ต้องยอมรับว่าหลายคนอายที่จะไปยืนขายของอะไรบางอย่างตามข้างถนน อาจจะอายเพื่อน อายคนรู้จัก ยิ่งถ้าเป็นคุณศิริวัฒน์ซึ่งเคยมีธุรกิจถึงพันล้านแล้ว ก็ต้องถือว่าน่าอายเป็นหลายพันเท่านัก แต่อย่างไรก็ตามคุณศิริวัฒน์ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งความอายนี้มาอย่างสง่างาม

โดยกล้ายืนหยัดต่อแรงเสียดทาน กล้าเป็นตัวเอง และกล้าประกาศเจตนาดีของตัวเอง โดยไม่มีสิ่งใดแอบแฝง เมื่อล้มแล้วก็ต้องลุก ต่อให้เคยทำงานดี มีเงินมากแค่ไหน เมื่อเจอสภาพเช่นนี้ก็ต้องยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ อย่าอายที่จะทำกิน

7. รับผิดชอบต่อผู้อื่นและคิดช่วยเหลือ

ถึงแม้ว่าทุกสิ่งที่คุณศิริวัฒน์เคยสร้างมาจะพังไปต่อหน้าต่อตา แต่จะให้ทิ้งลูกน้องที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาประดุจคนในครอบครัวไปนั้นช่างรบกวนจิตใจของคุณศิริวัฒน์เหลือเกิน เพราะพวกเขาได้ฝากชีวิตไว้และเชื่อว่าคุณศิริวัฒน์จะช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่ดีกว่าออกไปหางานทำที่อื่นเป็นไหน ๆ ด้วยเหตุนี้คุณศิริวัฒน์จึงกล้าตัดสินใจ กล้ายอมรับทั้งผิดทั้งชอบ และกล้าสร้างอะไรใหม่ ๆ เพื่อพลิกฟื้นชะตาชีวิตให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง ซึ่งนอกจากจะช่วยเหลือตนเองแล้วยังเป็นการช่วยลูกน้องของตนอีกด้วย

8. ให้เวลาตนเองเพื่อเดินสู่ความสำเร็จ

การกำหนดเวลาเพื่อเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จ โดยคุณศิริวัฒน์มีความเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักอย่างแน่นอน เขาจึงกล้าให้เวลากับตัวเอง เพื่อที่จะกลับมาสร้างความสำเร็จโดยไม่ลดความพยายามลง แต่จะหาทางลัดให้ทำในสิ่งที่จะสำเร็จเร็วขึ้น

9. เรียบง่ายแต่นอบน้อม

ด้วยนิสัยที่เรียบง่ายแต่คงความนอบน้อมของคุณศิริวัฒน์ทำให้กิจการแซนวิชเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นลำดับ ด้วยความมั่นใจที่จะขายแซนวิชแบบเรียบง่ายและนอบน้อมต่อลูกค้าทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ทำให้ภาพของคุณศิริวัฒน์ที่ปรากฎต่อสายตาทุกคนจะพบความนอบน้อมอย่างเห็นได้ชัด

10.มีความมุ่งมั่นในการทำงาน

เรื่องความมุ่งมั่นในการทำงานคุณศิริวัฒน์มีเกินร้อย เขาไม่กลัวที่จะทำงานหนัก และกล้าสร้างอาณาจักรของธุรกิจแซนวิชในขณะที่ผู้คนกำลังนอนหลับใหล เฮียศิริวัฒน์ลงมือทำงานในขณะที่คนอื่นกำลังพักผ่อน ซึ่งเป็นคุณสมบัติของผู้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

11.พื้นฐานสำคัญกว่าเทคนิค

หากจะเปรียบเป็นนักมวยเวลาจะขึ้นเวที แชมป์ย่อมรู้ว่าเบสิคมันมีความสำคัญกว่าเทคนิค ที่สำคัญคือจะเหยาะแหยะไม่ได้ ถ้าคุณต้องการที่จะเดินตามหรือเอาอย่างเถ้าแก่สักคน ควรเลือกเถ้าแก่ที่เคยอยู่ในสนาม ไม่ใช่แค่บนเวที ซึ่ง ศิริวัฒน์ ยืนยันว่า พื้นฐานหรือ เบสิค สำคัญกว่า เทคนิค เพราะมันสามารถใช้ได้เสมอ โดยเฉพาะในยามวิกฤต

12.ใช้พลังความคิด แรงกาย แรงใจ อย่างทุ่มเท

การใช้พลังความคิด แรงกาย และแรงใจ เพื่อมุ่งมั่นสร้างสรรค์อาชีพใหม่จนประสบความสำเร็จ โดยที่ยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของคุณศิริวัฒน์ เพราะเขามีความเชื่ออย่างสุดกำลังที่ว่าเมื่อทุ่มเทอย่างเต็มที่ไปในธุรกิจแล้วจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอนและเขาก็พิสูจน์ให้เห็นจริงทุกประการด้วยประสบการณ์จากตัวเขาเอง

13.วัตถุดิบในการผลิตต้องมีคุณภาพ

การขายของในนาม ศิริวัฒน์ แซนด์วิช จะเน้นของดี มีคุณภาพ และการพยายามพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ ที่ขาดไม่ได้คือวัตถุดิบจากกลุ่มชาวบ้าน ที่สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้  ซึ่งก่อนหน้านั้นเกิดปัญหาก็คือข้าวที่ซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตไม่มีการคัดกากหินกรวดออก จนได้รู้จักกับกลุ่มเกษตรกรที่มาจากตำบลท่าเมือง อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้พูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านให้ช่วยคัดกรวดออก

และเขาเองก็จะรับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง  โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง และยังเตรียมที่จะขยายไปสู่น้ำข้าวกล้องงอก โดยใช้แบรนด์ของศิริวัฒน์ แซนด์วิช จากปัญหากรวดที่คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่เมื่อได้มีการทำความเข้าใจกับกลุ่มเกษตรกรถึงคุณภาพที่ต้องการ ทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป ในอีกทางหนึ่งก็ยังเป็นการช่วยกลุ่มแม่บ้านบางส่วนที่ไม่มีงานทำให้มีรายได้เพิ่มอีกด้วย

14.ขยายกิจการการเติบโตที่ไม่มีขีดจำกัด

กิจการสามารถเติบโตได้อย่างไม่มีขีดจำกัดก็เนื่องมาจากการขยายกิจการเมื่อเห็นว่าเหมาะสม คุณศิริวัฒน์เริ่มขยายกิจการจากแซนด์วิชขยายต่อเป็นซูชิ และยังเดินหน้าต่อเป็นธุรกิจที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กันและกันในข่ายธุรกิจ ซึ่ง คุณศิริวัฒน์ แซนด์วิช ยังได้เปิดร้านกาแฟอีกด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ ก็เลือกที่จะขยายกิจการของตนเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณศิริวัฒน์ก็นำแนวคิดเรื่องการขยายมาใช้กับธุรกิจของตนด้วยเช่นกัน

15. ความซื่อสัตย์และการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

คุณศิริวัฒน์กล่าวว่าสิ่งที่เขายึดถือมาตลอด และทำให้ประสบความสำเร็จทุกครั้ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหญ่หรือเล็ก มีอยู่สองข้อ คือ ความซื่อสัตย์และการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพราะตั้งแต่เขาทำธุรกิจมาไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ออกมาทำคอนโด  แซนด์วิช หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ

สิ่งที่เขาพยายามทำมาตลอด คือ การรักษามาตรฐาน และเลือกใช้ของที่ดีมีคุณ  ภาพ ซึ่งก็คือเป็นการแสดงความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ และด้วยหลักแห่งความซื่อสัตย์ บวกกับมาตรฐานที่ยึดมั่นมาตลอด ทำให้ไม่ว่าเขาจะทำธุรกิจอะไร เล็กหรือใหญ่ ก็สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

แซนด์วิช ศิริวัฒน์ กลายเป็นแบรนด์ที่ติดปากคนไทย รวมถึงยังได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพของสินค้าที่สดใหม่ และดีต่อสุขภาพ  ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ กลายเป็นนักสู้ที่แปลงวิกฤตให้เป็นโอกาส จากที่ล้มเหลวจากธุรกิจที่ผ่านมาทำให้เขากลับมามีที่ยืนในสังคมอีกครั้ง

ผมเชื่อว่ามีนักธุรกิจหลายคนที่ประสบชะตาชีวิตคล้าย ๆ คุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ แต่อาจจะไม่หนักหนาเท่า คงจะเกิดแรงบันดาลใจไม่น้อยที่พร้อมจะยืนหยัดและลุกสู้เมื่อล้มหรือท้อ  เพราะคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ ย่อมเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง ดังเช่นคุณศิริวัฒน์ครับ