Huewie (หัวเหว่ย) เป็นชื่อแบรนด์สมาร์ทโฟน ที่คนไทยหลาย ๆ คนเริ่มรู้จักกันเป็นอย่างดี การเติบโตของหัวเหว่ยเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก วันนี้ผมจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ Huewie กันให้มากขึ้นครับ

 

Huewie เป็นบริษัทสัญชาติจีน ตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน แรกเริ่มเดิมทีนั้น Huewie เริ่มต้นมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอุปกรณ์โทรคมนาคม ประเภท Network ,Telecom และอุปกรณ์เครือข่ายรายใหญ่ที่สุดของจีน นอกจากนี้ยังเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และติดตั้งระบบพื้นฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก ในปี 2012 อีกด้วย ฟังดูแล้วก็ชวนตื่นเต้นไม่น้อยเลยนะครับ

 

นายเหริน เจิ้งเฟย เป็นผู้ก่อตั้ง Huewie ในปี ค.ศ.1987  บริษัทหัวเหว่ยทำธุรกิจซึ่งแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเครือข่ายโทรคมนาคม กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับภาคธุรกิจและองค์กร  และกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารสำหรับผู้บริโภค มีพนักงานกว่า 110,000 คนทั่วโลก และยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี

 

ในปี ค.ศ.2010 หัวเหว่ย ได้ถูกจัดอันดับให้อยู่ใน 500 บริษัทใหญ่ของนิตยสารฟอร์จูน มียอดขาย 21.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีกำไรสุทธิ 2.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ… เห็นยอดตัวเลขแล้วต้องบอกว่าหัวเหว่ยไม่ธรรมดาจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเรามาดู 15 วิทยายุทธมังกรผงาดฟ้าอย่าง Huewie (หัวเหว่ย) กันครับ

 

1.ร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลก

นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ชัดเจนมากของหัวเหว่ย คือการได้ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์กับแบรนด์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก อาทิ การร่วมงานกับ Leica แบรนด์กล้องระดับตำนานของเยอรมัน สร้างสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ไลก้าร่วมออกแบบมีชื่อรุ่นว่า Huawei P9 ที่สามารถสร้างกระแสให้หัวเหว่ยว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปง่ายและสวยไปทั่วโลกออนไลน์

 

2.ของดีราคาไม่แพง

ความสำเร็จของ Huawei P9 นั้นส่งผลดีในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของการเสริมภาพลักษณ์ของหัวเหว่ยที่สามารถสร้างสมาร์ทโฟนที่ดีในราคาไม่แพง  แน่นอนว่าของดีราคาไม่แพงย่อมเป็นที่นิยมของตลาด

 

3.ตั้งศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนา

การตั้งศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาย่อมทำให้องค์กรเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งจากความสำเร็จของ Huawei P9 กับ Leica นี้ จึงได้ร่วมกันตั้งศูนย์วิจัย The Max Berek Innovation ขึ้นที่ประเทศเยอรมนี เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการถ่ายภาพสำหรับสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ รวมไปถึงการพัฒนาเพื่อการรองรับกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง virtual reality และ argmented reality อีกด้วย

 

4.ขยายความร่วมมืออีกหลายแบรนด์ดัง

นอกจากการร่วมมือกับ Leica แล้ว Huawei ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น หัวเหว่ยยังร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกอีกหลาย

แบรนด์ อาทิ Harman/Kardon เพื่อพัฒนาในเรื่องของระบบเสียง,Pantone ช่วยในเรื่องของสีสันที่มีความแปลกตาของสมาร์ทโฟน,Porsche design เพื่อร่วมกันออกแบบสมาร์ทโฟนที่เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม

 

5.สร้างการรับรู้ของลูกค้า

จากกลยุทธ์ที่หัวเหว่ยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกนั้น ทำให้หัวเหว่ยมีความโดดเด่นในเรื่องของผลิตภัณฑ์และที่สำคัญคือเป็นการสร้างการรับรู้ของลูกค้า ชื่อของหัวเหว่ยจึงติดอันดับแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลจากสถาบันระดับโลกหลายแห่ง อาทิ ในปี 2016 หัวเหว่ยติดอันดับที่ 72 ใน 100 Best Global Brands เป็นต้น

 

6.แก้ไขจุดอ่อนของผลิตภัณฑ์

ใคร ๆ ก็ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ที่สวยงามด้วยกันทั้งสิ้น และผลิตภัณฑ์ที่จะสวยงามได้นั้น ก็ต้องมาจากการใส่ใจในการออกแบบ ซึ่งจุดอ่อนของสมาร์ทโฟนหลายยี่ห้อนั้น มีการออกแบบที่ตัวเครื่องหรือการดีไซน์ที่ไม่น่าจดจำ หรือบางทีลอกแบบดีไซน์มาจากผู้ผลิตรายอื่นมา แต่สมาร์ทโฟนของหัวเหว่ยไม่ได้เป็นเช่นนั้น กลับมีการใส่ใจในการออกแบบ โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมี่ยมในซีรี่ส์ P และ Mate ที่ใครเห็นก็สะดุดตาตั้งแต่แรกพบ

 

7.ใส่ใจในตัวผลิตภัณฑ์อย่างยิ่งยวด

ทุกมิติของผลิตภัณฑ์หัวเหว่ยให้ความใส่ใจอย่างยิ่งยวด ความสำเร็จของงานดีไซน์ในตัวเครื่องนั้นผสมผสานกันระหว่างรูปลักษณ์ที่ดูดี มีพื้นผิวพิเศษสีสันแปลกตา เมื่อจับดูที่ตัวเครื่องจะรู้สึกถึงความหนักแน่น ขอบมุมต่าง ๆ ถูกเจียร์ให้จับถือได้สบาย อีกทั้งยังมีการทดสอบความทนทานของตัวผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมอีกด้วย ตลอดจนการทดสอบการตกกระแทก การบิดตัว ความทนทานต่อแสงแดด ต่ออุณหภูมิ ต่อการสึกหรอ ต่อละอองน้ำเค็มและรายละเอียดอื่น ๆ อีกมากมาย

 

8.ให้ความสำคัญกับเรื่องการค้นคว้าวิจัย

ที่หัวเหว่ยผงาดได้อย่างสง่างามนี้ สิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยนั่นก็คือ การให้ความสำคัญกับเรื่องของการค้นคว้าวิจัย ซึ่งหัวเหว่ยใช้งบลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กว่า 10 % ของยอดขาย เพื่อทำการวิจัยเทคโนโลยีและงานดีไซน์ใหม่ ๆ  ซึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมาหัวเหว่ยใช้งบลงทุนในด้านนี้ไปกว่า 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีศูนย์การวิจัยตั้งอยู่ทั่วโลก จำนวน 15 ศูนย์ด้วยกัน เช่น ศูนย์วิจัยกล้องอยู่ที่เยอรมัน ศูนย์ดีไซน์อยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น

 

9.เทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามอง

หัวเหว่ยไม่เคยหยุดการพัฒนา ซึ่งเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามองตอนนี้ เห็นจะเป็นเรื่องของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่หัวเหว่ยเองก็เปรย ๆ มาว่ากำลังพัฒนาเทคโนโลยีในด้านนี้ของตัวเองอยู่ เพื่อตอบรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของโลกที่มีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยเหลือชีวิตประจำวันของมนุษย์ให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

 

10. Huawei มีเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลของตัวเอง

สิ่งที่น่ารู้อย่างหนึ่งคือ หัวเหว่ยเป็นเจ้าของบริษัทผลิตและออกแบบชิปประมวลผลที่ใหญ่ที่สุดในจีน อย่าง HiSilicon ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมาก ทั้งชิปของระบบกล้องวงจรปิด ชิปประมวลผลของสมาร์ททีวี รวมถึงชิปสำหรับอุปกรณ์ IoT ที่ทำงานร่วมกับ AI นอกจากนี้ยังมีชิปดาวเด่นนั่นก็คือตระกูล Kirin สำหรับสมาร์ทโฟนนั่นเอง

 

11.ข้อดีของการออกแบบชิปประมวลผลขึ้นใช้เอง

นับเป็นข้อดีที่หัวเหว่ยสามารถออกแบบชิปประมวลผลขึ้นใช้เอง ซึ่งทำให้หัวเหว่ยสามารถออกแบบการทำงานของชิปให้มีความสอดคล้องกับซอฟต์แวร์ภายในเครื่องได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของการออกแบบผลิตภัณฑ์อีกด้วย ที่สำคัญคือสามารถสร้างสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาที่ไม่แพงด้วย

 

12 ซีพียู Kirin อยู่แถวหน้าของวงการสมาร์ทโฟน

ในเรื่องของประสิทธิภาพของชิป Kirin ของหัวเหว่ย ตัวล่าสุดคือ Kirin 960 นั้น ได้ถูกทดสอบผ่านสมาร์ทโฟนตระกูล Huawei P 10 หรือ Huawei Mate 9  ที่เปี่ยมประสิทธิภาพระดับแถวหน้าของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ซึ่งต้องขอบอกว่าชิป Kirin ตัวต่อไปที่จะออกมาในช่วงปลายปีนี้จะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและสามารถรองรับการทำงานร่วมกับ AI มากขึ้น

 

13.ส่วนแบ่งการตลาดที่เป็นผลมาจากการพัฒนา

จากการลงทุนในการพัฒนาในเรื่องต่าง ๆ ของหัวเหว่ยจนมีการเพิ่มมูลค่าและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ปัจจุบันหัวเหว่ยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยหัวเหว่ยในระดับโลกมียอดขายรวมมากกว่า 73 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 20.6% รายได้เติบโตขึ้น 36.2% ส่วนหัวเหว่ยในประเทศไทยขายเครื่องได้มากกว่า 8 เท่าตัว หรือเพิ่มขึ้น 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

14.สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาตอบสนองตลาด

ถึงแม้ที่ผ่านมาหัวเหว่ยจะเจออุปสรรคบ้าง แต่ด้วยความที่มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการดีไซน์ที่เป็นแก่นของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้หัวเหว่ยไม่เคยหยุดนิ่งมุ่งมั่นสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาตอบสนองตลาดได้เรื่อย ๆ ซึ่งก็ต้องมาคอยดูกันว่าช่วงครึ่งหลังของปี 2017 หัวเหว่ยจะมีผลิตภัณฑ์อะไรออกมาเขย่าตลาดอีกครั้ง

 

15.หัวเหว่ยประกาศขึ้นเป็นอันดับ 1 ในไทยให้ได้ในปี 2563

แม้หัวเหว่ยจะทำการตลาดในไทยมากว่า 19 ปีแล้ว แต่หลายคนยังปิดใจด้วยภาพลักษณ์เป็นแบรนด์มาจากประเทศจีน ทำให้หัวเหว่ยต้องกลับไปทำการบ้าน จนกระทั่งจับจุดผู้บริโภคได้และเริ่มทำการตลาดที่หนักขึ้น จนสามารถไต่ขึ้นมาครองตลาดสมาร์ทโฟนในไทยเป็นอันดับที่ 2 ของจำนวนการขาย ส่วนมูลค่าการขายเป็นอันดับที่ 3 ซึ่งเป็นความท้าทายที่หัวเหว่ยได้ประกาศตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในไทยให้ได้ภายในปี 2563

 

ก็ต้องถือว่า Huawei มีความชัดเจนมากทั้งในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การมีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ ล้วนมีส่วนช่วยให้หัวเหว่ยเติบโตและเป็นที่รับรู้ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องและฐานลูกค้าได้ขยายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ …เมื่อเห็นแนวคิดของหัวเหว่ยแบบนี้แล้ว ผมเชื่อว่า Smes ของไทยเราก็สามารถนำแนวคิดของหัวเหว่ยมาพัฒนาต่อยอดและลงมือทำปรับกระบวนการไม่หยุดยั้งพร้อมทั้งมีพลังใจมุ่งมั่นเดินหน้าเท่านั้น ผมเชื่อว่าความสำเร็จก็จะเป็นของคุณเช่นกันครับ