การขายเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องอย่างมากกับการพูดครับ สำหรับนักขายแล้วการพูดโน้มน้าวใจให้ลูกค้าสนใจและซื้อสินค้าที่เรานำมาขายได้สำเร็จเป็นสิ่งที่นักขายทุกคนต้องการเป็นสิ่งแรก ๆอย่างแน่นอน นักขายคนใดที่มีทักษะในการพูดโน้มน้าวใจเก่ง ๆย่อมมีโอกาสปิดการขายของตัวเองได้สำเร็จง่ายกว่านักขายที่เพิ่งหัดขายหรือผู้ที่ไม่มีทักษะในเรื่องนี้ครับ แม้ว่าการพูดจะเป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด

ใช่ว่าคนทุกคนจะพูดโน้มน้าวใจคนได้ทุกคนครับ ทักษะในด้านนี้คือพรแสวงที่ทุกคนจะต้องฝึกฝนจึงจะพัฒนาให้สามารถพูดเพื่อชี้ชวนหรือโน้มน้าวใจของคนอื่นได้ สำหรับนักขายเองก็เช่นกันที่จำต้องฝึกฝนทักษะนี้ให้มากกว่าคนอื่นเพื่อความสำเร็จในการขายของตนเอง ในบทความนี้เรามี 5 ขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาทักษะการพูดของคุณให้สามารถโน้มน้าวใจลูกค้าจนปิดการขายได้สำเร็จ จาก อ.บู๊ สกลภัทร ศรีโพธิ์น้อย มาแนะนำครับ

ก่อนจะเริ่มขายลองเปลี่ยนมุมมองความคิดในการขายของตนเองเสียใหม่

ความผิดพลาดประการแรกและสำคัญอย่างมากที่ทำให้นักขายล้มเหลวในการขายสินค้าก็คือ “มุมมองในการขายของตนต่อลูกค้า” ซึ่งความผิดพลาดใหญ่ของนักขายก็คือการแสดงเจตนาที่ต้องการจะขายสินค้าให้กับลูกค้าตั้งแต่วินาทีแรกของการพบปะพูดคุยกันครับ ซึ่งมุมมองเช่นนี้แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่กระนั้นด้วยธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่ชอบที่จะถูกขายจึงทำให้นักขายที่จู่โจมลูกค้าในลักษณะเช่นนี้มักจะล้มเหลวในการขายตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มต้นการขายเลยด้วยซ้ำ

หากคุณอยากประสบความสำเร็จในการขายก็จำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองความคิดของตนเองเสียใหม่ครับ โดยต้องเปลี่ยนความคิดของตนเองจากการเข้าไปพยายามขายเพียงอย่างเดียวเป็นทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกว่าอยากจะซื้อสินค้าของเราแทน เพราะแม้มนุษย์จะไม่ชอบถูกขายแต่เราเองกลับชอบที่จะซื้อของครับ และยิ่งหากของสิ่งนั้นคุ้มค่าและตอบโจทย์ตามความต้องการ เราก็พร้อมที่จะควักเงินเพื่อซื้อสินค้าชิ้นนั้นอย่างแน่นอน

ดังนั้นแนวความคิดที่ถูกต้องสำหรับการขายเราต้องเริ่มต้นกระบวนการคิดแรกเสียใหม่ครับว่าเราจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างไร พวกเขามีปัญหาอะไรที่ต้องการได้รับการช่วยเหลือแก้ไขและสินค้าหรือบริการของเราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้หรือไม่ หากนักขายทุกคนเริ่มต้นแนวความคิดของตัวเองเช่นนี้ได้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการขายย่อมเป็นไปได้มากทีเดียวครับ

สานสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าก็ช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการขายสินค้าได้เช่นกัน

นอกเหนือไปจากการเปลี่ยนแนวความคิดจากการขายเป็นการพยายามเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้า การสานสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าก่อนที่จะเริ่มต้นการขายก็เป็นสิ่งที่นักขายทุกคนจำเป็นต้องฝึกฝนเช่นกันครับ เพราะความประทับใจแรกสุดที่ลูกค้ามีต่อนักขายหลาย ๆ ครั้งก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการปิดการขายนั้นได้เช่นกัน

แม้เราจะเปลี่ยนแนวความคิดเป็นการเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าแล้วแต่กระนั้นก็อย่าเข้าหาลูกค้าแบบจู่โจมโดยเด็ดขาด แต่เราควรจะเข้าไปแบบค่อย ๆสานสัมพันธ์ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเรากับเขาเป็นพวกเดียวกัน เป็นเพื่อนที่เข้าใจปัญหาและพยายามหาหนทางแก้ปัญหาร่วมกัน

หากเราสามารถสานสัมพันธ์กับลูกค้าจนพวกเขาเปิดใจให้กับเราได้แล้วโอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จในการขายย่อมมีสูงมากครับ และนอกจากนี้ก็อาจจะต่อยอดไปเป็นการซื้อซ้ำและการบอกต่อให้กับลูกค้ารายอื่น ๆได้ครับ

5 เทคนิคการขายให้ประสบความสําเร็จอย่างที่เราต้องการ

1. เตรียมตัว

นักขายที่ดีต้องมีการเตรียมตัวว่าเราจะพูดอย่างไรเพื่อให้เราประสบความสำเร็จในการขายสินค้านั้น สำหรับขั้นตอนในการเตรียมตัวสำหรับการพูดเพื่อการขายมีดังต่อไปนี้

  1. เตรียมที่ตัวเรา: โดยนักขายจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับตัวของสินค้าที่จะขายอย่างละเอียดรวมไปถึงความรู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ มีฝึกฝนทักษะและวิธีคิดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการขายอยู่เสมอ
  2. เตรียมลูกค้า: นักขายจำเป็นต้องรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเช่น ลักษณะงาน ไลฟ์สไตล์ของพวกเขา ยิ่งเรารู้มากเท่าไหร่ก็จะเอื้อประโยชน์ต่อการขายมากขึ้นเท่านั้น
  3. รู้ว่าเราต้องใช้เครื่องมืออะไรในการส่งสาร: นักขายต้องรู้ว่าเราจะต้องพูดในลักษณะใดเพื่อโน้มน้าวใจของลูกค้าให้สนใจที่จะรับฟังและสนใจที่จะซื้อสินค้าของเรา สำหรับลักษณะในการพูดเพื่อโน้มน้าวใจของลูกค้ามีดังต่อไปนี้

พูดในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเค้า: คือการพูดถึงสิ่งที่ลูกค้าทำ หรือความชำนาญเชี่ยวชาญพิเศษของลูกค้า เช่นขอความรู้เพิ่มเติมจากลูกค้าหรือการขอให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำ

พูดในสิ่งที่พวกเขาจะได้ประโยชน์จากเรื่องที่เราจะพูด: การพูดในลักษณะนี้เป็นการบอกถึงสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากสินค้าหรือบริการของเรา แต่กระนั้นก็ไม่ควรแสดงความต้องการที่จะขายอย่างโจ่งแจ้งมากไป โดยอาจบอกถึงข้อดีที่ลูกค้ามีอยู่ก่อนแล้วและหากได้รับการเสริมจากสิ่งที่เรามีเขาจะได้ประโยชน์อย่างไรเพิ่มเติมบ้าง

แต่กระนั้นแม้ว่าเราจะเตรียมตัวมาดี แต่ลูกค้าอาจจะทำให้เราปิดการขายไม่สำเร็จหากเราไม่มี “สติ” และอยู่กับลูกค้าตลอดเวลา เพราะบ่อยครั้งที่นักขายที่เริ่มต้นมาดีก็มักจะพลาดพลั้งเพราะมัวแต่ใจลอยคิดไปถึงขั้นตอนในการปิดการขายไปโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่ลูกค้าพูดครับ ซึ่งกิริยาเช่นนี้ลูกค้าก็สัมผัสได้และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณไม่ได้สนใจพวกเขาจริง ๆ ดังนั้นจงโฟกัสกับลูกค้าในสิ่งที่ลูกค้ากำลังพูดคุยและสอบถามเรา การขายเป็นการตัดสินใจของลูกค้าผ่านทางอารมณ์ ถ้าลูกค้ารู้สึกว่าเราสนใจเขาจริง ๆ และเปิดใจรับรวมถึงรู้สึกชอบเราตั้งแต่แรกก็มีโอกาสที่เขาจะฟังเราและสุดท้ายโอกาสในการปิดการขายได้สำเร็จก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วยครับ

2. หาความต้องการ หาปัญหาของลูกค้า

การพยายามมองหาความต้องการของลูกค้าเป็นทักษะหนึ่งที่นักขายจำเป็นต้องฝึกฝนครับ ซึ่งหลักในการมองหาความต้องการของลูกค้าเราจะใช้วิธีการดังต่อไปนี้

การสังเกต: โดยดูว่าเขามีอะไรที่ทำแล้วเป็นจุดสะดุดความสนใจที่เราจะสามารถต่อยอดเอามาเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของเราได้บ้าง เราอาจจะต้องตั้งคำถามหรือทักในสิ่งที่เราจะนำเอามาเป็นประเด็นนั้น ๆ

-- ฟัง: เมื่อเราทักในสิ่งที่เราต้องการที่จะนำมาเป็นประเด็นสำคัญในการพูดคุย สิ่งที่ลูกค้าตอบกลับเรามาเราจะต้องฝึกจับประเด็นดังกล่าวให้ได้ว่าลูกค้าต้องการหรือเน้นย้ำกับเราในเรื่องใด

-- ตั้งคำถาม: ขั้นตอนนี้จะเป็นการนำประเด็นที่เราจับได้มาใช้ตั้งคำถามเพื่อหาความต้องการว่าลูกค้าต้องการอะไรอีกบ้างจากประเด็นที่เราเปิดและเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเราอย่างไร

คำถามที่จะถามลูกค้าที่ดีต้องมีความ ชัดเจนไม่หลงประเด็นและมี scope ที่ชัดเจนว่าเราจะสื่อถึงอะไร ง่ายต่อการตอบของลูกค้า ทำให้ลูกค้าสบายใจที่จะตอบและไม่อึดอัดกับคำถามของเรา ได้ประโยชน์ เป็นคำถามที่ต้องไม่สะเปะสะปะ ซึ่งกระบวนการถามคำถามที่มีประสิทธิภาพต้องมาจากการรับฟังอย่างตั้งใจ และต้องมีประโยชน์ต่อการพูดคุยในลำดับต่อ ๆไปครับ

3. สนองความต้องการลูกค้า

ขั้นตอนนี้ก็คือการนำเสนอสินค้าของตนให้แก่ลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ารู้จักสินค้าเพื่อพิจารณาว่าสินค้าของคุณจะสามารถตอบโจทย์พวกเขาได้หรือไม่ ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

– การนำเสนอสินค้าว่าสินค้านั้นคืออะไร เกี่ยวอะไรกับลูกค้าและลูกค้าจะได้ได้ประโยชน์อะไรจากสินค้านั้น

– หว่านล้อมด้วยเทคนิคที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าและเราได้คุยกัน และทำให้ลูกค้าตอบคำถามเราด้วยคำพูดที่ลูกค้าต้องตอบว่าใช่ ใช่ และใช่ แต่ถ้าลูกค้ายังดูมีข้อสงสัยก็ให้โอกาสลูกค้าได้ซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ

– ในระหว่างนำเสนอสินค้าต้องพยายามให้ลูกค้าตามและเข้าใจในสิ่งที่เราพูด ต้องมีการเว้นวรรคเป็นช่วง ๆ อย่าพูดติดกันรวดเดียวเพราะจะทำให้ลูกค้าตามไม่ทันและมีโอกาสทำให้การขายล้มเหลวได้ในที่สุด

– หากลูกค้ามีข้อสงสัยหรือมีปมในใจให้เราพยายามคลายปมให้ลูกค้าให้ได้ เพราะปมของลูกค้าอาจเป็นไปได้ทั้งการอยากได้ข้อมูลเพิ่ม ความเข้าใจผิดของลูกค้ารวมไปถึงความกังวลสงสัยของลูกค้าที่มีต่อสินค้าของเรา ซึ่งหากเราสามารถคลายปมเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนก็มีโอกาสที่การขายนั้นจะปิดได้และประสบความสำเร็จในการขายได้ในที่สุด

 4. ปิดการขาย

หากการพูดคุยเดินทางมาจนถึงขั้นที่ลูกค้าเข้าจในสินค้าและรู้สึกว่าสินค้าและบริการของเราสามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาให้เขาได้ ถึงตรงนี้คุณต้องรีบปิดการขายให้สำเร็จครับ เพราะหากคุณทิ้งโอกาสทองนี้ไปเราเองก็ไม่ต่างจากคนส่งสารที่มีหน้าที่นำสารมาส่งให้แก่ลูกค้าเฉย ๆเท่านั้น ซึ่งการขายจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับลำดับขั้นตอนทุกข้อที่กล่าวมาแล้วครับ

5. ติดตามผลและบริการหลังการขาย

สำหรับนักขายทุกคน การรักษาลูกค้าเก่าไว้ให้ได้คือสิ่งที่ทุกคนต้องการครับ เพราะไม่มีใครอยากหาลูกค้าใหม่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อคุณได้ลูกค้าหรือสามารถปิดการขายได้แล้วคุณจำเป็นต้องมีการติดตามผลและให้บริการหลังการขาย รวมถึงการถามไถ่ถึงผลลัพธ์และมองหาปัญหาใหม่ของลูกค้าเดิมเพื่อที่เราจะได้เข้าไปช่วยเหลือเขาได้ หากคุณทำได้เช่นนี้คุณก็จะสามารถรักษาลูกค้าเก่าไว้กับเราได้ครับ

เทคนิคการขายให้ประสบความสําเร็จ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็คือวิธีการและขั้นตอนสำคัญในการพูดเจรจากับลูกค้าเพื่อปิดการขายให้สำเร็จ สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การเจรจาหรือหว่านล้อมหากแต่คือการปรับมุมมองและแนวคิดที่ต้องการเข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับลูกค้าจากใจจริง รวมถึงรับฟัง พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของลูกค้าด้วยความสนใจ หากคุณมีมุมมองและแนวคิดเช่นนี้โอกาสที่คุณจะปิดการขายได้สำเร็จก็มีเกินกว่าครึ่งแล้วครับ


บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์  ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ  Content  Marketing,การโฆษณา  Facebook,การโฆษณา  Tiktok,การตลาด  Line  OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google

บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ 
เทคนิคการขายให้ประสบความสําเร็จ