พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

ยุคของเราในปัจจุบันถูกกำหนดโดยการเข้าถึงข้อมูลแบบทันทีและการเชื่อมต่อกับเครือข่ายสังคมออนไลน์ เทคโนโลยีดิจิทัล อินเทอร์เน็ต และสื่อสังคมได้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่เราซื้อ ขาย และตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

ในทศวรรษที่ผ่านมา, กลยุทธ์อินเทอร์เน็ตมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขาเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายในยุคดิจิทัล การเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น การมีเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่หลากหลาย และการเข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค

สภาพแวดล้อมดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ทำให้ธุรกิจต้องปรับปรุงกลยุทธ์ของพวกเขา และใช้เครื่องมือใหม่ๆ เพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้า กลยุทธ์เหล่านี้รวมถึง ประสบการณ์ของผู้ใช้ (UX), การตลาดผ่านผู้มีอิทธิพล, เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น, และคำพูดจากผู้บริโภคอิเล็กทรอนิกส์ (eWom)

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้เป็นธุรกิจที่เข้าใจและรู้จักประสานกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เพื่อที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า และสร้างความภักดีและความภักดีต่อแบรนด์

การเข้าถึงข้อมูลของผู้บริโภคจากการทำกิจกรรมในโปรไฟล์ของพวกเขาบนเครือข่ายสังคม, เว็บไซต์, แพลตฟอร์มดิจิทัล, หรือการโต้ตอบกับสื่อมัลติมีเดีย ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาได้

ยุคดิจิทัลไม่ได้แสดงถึงการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงในวิธีการที่เราตัดสินใจ วิธีการที่เราสื่อสาร และวิธีการที่เรามีส่วนร่วมกับโลกรอบข้าง เพื่อประสบความสำเร็จในยุคนี้ ธุรกิจและแบรนด์ต้องเข้าใจและปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

Customer Journey การเดินทางของลูกค้าบนโลกออนไลน์

ทำธุรกิจให้ปังด้วยพลังการตลาดออนไลน์.

เมื่อพูดถึงการเดินทางของลูกค้าบนโลกออนไลน์ เราสามารถสรุปเป็น “Funnel” หรือ “กรวยการขาย” ที่มีลักษณะดังนี้:

  1. Awareness (การรับรู้)
    • ในขั้นตอนนี้, ผู้บริโภคเริ่มต้นรับรู้ถึงแบรนด์หรือสินค้าของคุณ การตลาดผ่านเนื้อหา, โฆษณา, หรือการแนะนำจากเพื่อนสามารถช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงในขั้นตอนนี้
  2. Interest (ความสนใจ)
    • หลังจากที่รู้จักแบรนด์แล้ว, ผู้บริโภคจะเริ่มสนใจและทำการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม การมีบทความ, วิดีโอ, หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีคุณภาพสามารถช่วยเสริมสร้างความสนใจในขั้นตอนนี้
  3. Consideration (การพิจารณา)
    • ผู้บริโภคเริ่มพิจารณาว่าจะซื้อสินค้าหรือบริการของคุณหรือไม่ การให้รีวิว, คำแนะนำ, หรือการเสนอโปรโมชันสามารถช่วยเสริมสร้างการตัดสินใจในขั้นตอนนี้
  4. Action (การดำเนินการ)
    • นี่คือขั้นตอนที่ผู้บริโภคทำการซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ การมีระบบการซื้อสินค้าที่ง่ายและรวดเร็ว, การให้ข้อมูลที่ชัดเจน, และการรับประกันคืนเงินสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำรายการขาย
  5. Post-Purchase (หลังการซื้อ)
    • หลังจากการซื้อ, การให้บริการหลังการขาย, การรับฟังคำติชม, และการให้โปรโมชันสำหรับการซื้อครั้งถัดไปสามารถช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์และทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
  6. Advocacy (การบอกต่อ)
    • หลังจากที่ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์หรือสินค้าของคุณ, พวกเขามักจะบอกต่อประสบการณ์ดีนั้นให้กับคนอื่น ๆ การบอกต่อจากลูกค้าสามารถเป็นแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นการโฆษณาฟรีสำหรับธุรกิจ
    • ธุรกิจควรสนับสนุนและเปิดโอกาสให้กับลูกค้าในการแชร์ประสบการณ์ดีของพวกเขา สามารถทำผ่านการมีโปรแกรมแนะนำเพื่อน, ข้อเสนอโปรโมชันสำหรับการแชร์, หรือการสนับสนุนให้ลูกค้าเขียนรีวิว
    • นอกจากนี้, การรับฟังและตอบสนองต่อคำติชมจากลูกค้ายังเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความภักดีและเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว

ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจทั้งหลายไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น การเดินทางของลูกค้าหรือ “Customer Journey” ผ่านกรวยการขายหรือ “Sales Funnel” จะเริ่มต้นด้วยการรับรู้ สนใจ พิจารณา และดำเนินการซื้อ รวมถึงการสนับสนุนหลังการขาย และสิ้นสุดที่การบอกต่อจากลูกค้า การทำความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนของการเดินทางของลูกค้า, และการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในแต่ละขั้นตอน, จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับลูกค้า พร้อมทั้งสร้างความภักดีและเพิ่มโอกาสในการขายได้.