โจ ลูกอีกสาน อนุรักษ์ บุญแสวง 4 บทเรียนชีวิตและลงทุนสู่เศรษฐีหุ้น VI

ความลำบากในวัยเด็ก หลาย ๆ ครั้งก็หล่อหลอมให้คนมีความเข้มแข็งและแข็งแกร่ง หลายคนเลือกที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อที่จะพ้นจากความยากลำบาก แม้จะมีบ้างที่ล้มเหลวแต่ก็มีอีกหลายคนที่ประสบความสำเร็จ เส้นทางชีวิตของนักลงทุนที่เราจะมาถอดเคล็ดลับความสำเร็จในวันนี้ก็เช่นกัน เริ่มต้นจากวัยเยาว์ที่ยากจนต้องฝ่าฟันต่อความยากลำบากด้วยอาศัยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ และความมุ่งมั่นจนประสบความสำเร็จในวันนี้กับคุณอนุรักษ์ บุญแสวงหรือ โจ ลูกอีสาน อีกหนึ่งนักลงทุนที่มีเคล็ดลับความสำเร็จที่น่าสนใจ

จากครอบครัวยากจนสู่นักลงทุนรายใหญ่

คุณอนุรักษ์ บุญแสวงหรือ โจ ลูกอีสานเกิดในจังหวัดพังงาในครอบครัวที่ค่อนข้างฐานะยากจนจึงทำให้คุณโจต้องทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของที่บ้าน คุณโจมีพี่น้อง 4 คนโดยเขาเป็นลูกคนที่ 2 ของครอบครัว

ในวัย 12 ปีคุณโจต้องเสียคุณพ่อไปจึงทำให้คุณแม่กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวโดยคุณแม่มีอาชีพขายของชำ

แม้จะมีฐานะที่ไม่ดีอต่คุณโจเองก็ไม่เคยทิ้งการเรียนโดยเขาจบการศึกษาที่คณะวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และปริญญาโทบริการธุรกิจจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยในช่วงที่เรียนปริญญาตรีอยู่นั้นคุณโจต้องทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย

เริ่มรู้จักเส้นทางการลงทุน

จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นการลงทุนของคุณโจเกิดจากเมื่อครั้งที่เขาย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพในช่วงที่เรียนมัธยมปลาย โดยเขาได้ยินพี่ชายคุยกับปู่ว่าต้องการจะลาออกจากงานมาเทรดหุ้นด้วยประโยคที่พี่ชายพูดว่าไม่ต้องทำอะไรเลยก็มีเงินใช้ ซึ่งหลังจากวันนั้นก็ทำให้คุณโจให้ความสนใจการลงทุนและอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมากมายควบคู่ไปกับการอ่านหนังสือเรียนซึ่งเป็นหนังสือ 2 อย่างที่คุณโจอ่านโดยไม่ยอมอ่านหนังสือประเภทอื่น ๆ เลย

ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยคุณโจก็อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับธุรกิจทั่วโลกในทุก ๆ เย็น

เริ่มต้นลงทุนครั้งแรกแต่ล้มเหลว

คุณโจเริ่มต้นลงทุนครั้งแรกหลังจบปริญญาตรีได้ 3 ปีจากเงินเก็บระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย 50,000 บาท เงินทุนจากคุณแม่ 100,000 บาทและเงินร่วมลงทุนจากเพื่อนสนิท 150,000 บาท แต่ช่วงเวลาที่คุณโจเริ่มต้นเปิดพอร์ตเป็นช่วงเวลาหลังวิกฤตเศรษฐกิจพอดีจึงทำให้การลงทุนครั้งแรกขาดทุนอย่างหนักจากเงินลงทุน 300,000 บาทเหลือเพียง 120,000 บาทเท่านั้นสุดท้ายคุณโจจึงต้องแบ่งเงินกับเพื่อนคนละครึ่งและตัดสินใจกลับไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม

คุณโจได้มีโอกาสไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยไปทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อครัวในร้านอาหารเกาหลีประมาณ 3 ปี ซึ่งนอกจากจะทำงานคุณโจยังศึกษาการลงทุนไปด้วยโดยเน้นไปที่การศึกษาเกี่ยวกับกราฟเทคนิค ก่อนที่จะได้เรียนรู้กับ Paul A. Renaud ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระหว่างประเทศซึ่งสอนให้คุณโจรู้จักการซื้อหุ้นขนาดเล็กและให้พิจารณาพื้นฐานของกิจการเสียก่อนซึ่งก็คือการลงทุนในแนว VI นั่นเอง

คุณโจเคยอ่านเจอบทความของ Peter Eric Dennis ซึ่งทำให้เขาประทับใจและจดจำได้ขึ้นใจโดยเฉพาะประโยคที่ว่า คนไทยมักจะต่อคิวซื้อพันธบัตรที่มีดอกเบี้ยปีละ 6% แต่กลับไม่ซื้อหุ้นดี ๆ ที่จ่ายเงินปันผลให้ถึง 10 % ทุกปี

กลับเข้าสู่เส้นทางการลงทุนอีกครั้ง

เมื่อศึกษาการลงทุนจนมีความรู้เพิ่มขึ้นคุณโจจึงตัดสินใจกลับสู่การลงทุนอีกครั้งโดยจะทำการฝากเงินเข้าพอร์ตการลงทุนทุกเดือน เดือนละ 1,000 เหรียญ และเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ไทยประสบวิกฤตจึงทำให้หุ้นในช่วงนั้นมีราคาถูกมาก

ในช่วงเริ่มต้นครั้งนี้คุณโจได้บทเรียนที่น่าสนใจจากการขายหุ้น VGN ที่คุณโจซื้อมาในราคา 15 บาทและขายไปในราคา 30 บาท แม้จะได้กำไรมาเป็นเท่าตัวแต่ 1 ปีให้หลังจากการขายราคาของหุ้น VGN กลับพุ่งขึ้นไปมากกว่าเดิมอีก 10 เท่า สิ่งนี้จึงสอนให้คุณโจรู้จักคำว่าหุ้นที่ดียิ่งถือนานก็จะยิ่งดี

คุณโจเชื่อถือในเรื่องของความมหัศจรรย์ของอัตราดอกเบี้ยทบต้นมากคือเขาจะเก็บผลกำไรที่เกิดขึ้นในการลงทุนเอาไว้เป็นเงินต้นต่อยอดการลงทุนเสมอและภายในระยะเวลา 12 ปีเขาสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 400 เท่าจากเงินทุนเริ่มต้น 800,000 บาทเท่านั้น 

แนวคิดการลงทุนของคุณโจ ลูกอีสาน

คุณโจมีแนวคิดในการลงทุนเช่นเดียวกับนักลงทุน VI รายอื่น ๆ ก็คือการเลือกหุ้นจากพื้นฐานของธุรกิจทำให้ได้หุ้นคุณภาพดีและราคาถูก นอกจากนี้เขาเป็นคนที่ยึดถือในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยทบต้นมาก โดยเขาแทบไม่นำเงินลงทุนออกมาใช้เลยซึ่งทำให้เขาสร้างผลกำไรที่เติบโตได้มากขึ้นเป็นทวีคูณ

คุณโจยังให้ความสำคัญกับระยะเวลาในการถือหุ้น โดยเขามักจะถือหุ้นนานถึง 1-3 ปี เมื่อกำไรถึงจุดที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้วเขาก็จะปล่อยขายหุ้นตัวนั้นออกไป โดยพอร์ตการลงทุนของคุณโจจะมีหุ้นอยู่เป็น 10 ตัวและมีหุ้นหลักอยู่ 6-7 ตัว โดยอาจมองว่าคุณโจถือหุ้นไว้มากมายก็จริงแต่ทุก ๆ ตัวล้วนเกิดจากการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว ส่วนเหตุผลของการถือหุ้นขนาดนี้ก็มาจากความคิดที่ว่าหากหุ้นดีราคาจะขยับไปเองซึ่งคุณโจมองว่าการเข้าซื้อหุ้นแต่ละครั้งคือการเข้าซื้อธุรกิจไม่ใช่การเข้าซื้อหุ้นและการถือหุ้นหลายตัวคือการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนนั่นเอง

บทเรียนแนวคิดการลงทุนของ โจ ลูกอีกสาน อนุรักษ์ บุญแสวง

1.ตั้งใจทำอะไรแล้วทำจริงไม่ย่อท้อ

คุณโจเป็นคนที่ทำอะไรแล้วตั้งใจจริงโดยไม่ย่อท้อ ตั้งแต่สมัยที่เขาเรียนและเขาเริ่มต้นรู้จักกับการลงทุนแม้ในช่วงนั้นเขาจะยังไม่เข้าสู่การลงทุนอย่างเต็มตัว แต่เขาก็มุ่งมั่นที่จะอ่านหนังสือและศึกษาหาความรู้มาโดยตลอดหรือแม้กระทั่งตอนที่เขาทำงาน เขาก็ตั้งใจมุ่งมั่นในการทำงานเช่นกัน ความตั้งใจทำอะไรจริงและไม่ย่อท้อนั้นคือคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมีโอกาสประสบความสำเร็จ

2.ความผิดพลาดคือบทเรียนที่ต้องนำไปแก้ไข

ทุกคนย่อมเกิดความผิดพลาดได้ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นนักลงทุนที่ผ่านสมรภูมิมามากมายแล้วก็ตาม เช่นเดียวกับคุณโจ เพราะในครั้งแรกของการลงทุนนั้น เขาต้องผิดหวังและประสบกับการขาดทุนอย่างยับเยิน แต่เขาก็ไม่ย่อท้อและมุ่งมั่นที่จะศึกษาค้นคว้าและเติมเต็มความรู้ในสิ่งที่เขาขาดหายไปในการลงทุน การหาความรู้จึงเป็นวิธีการที่เขาใช้ในการแก้ไขความผิดพลาดจากการลงทุนนั้ ซึ่งสุดท้ายก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่นำเขาไปสู่ความสำเร็จ

3.ความอดทนคือเคล็ดลับของความสำเร็จ

คุณโจเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของความอดทน โดยเฉพาะความอดทนที่จะไม่นำเงินลงทุนออกมาใช้จ่ายในระหว่างที่เขากำลังมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าพอร์ตการลงทุนนั้น เพราะเขาเชื่อมั่นในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยทบต้น สุดท้ายเมื่อระยะเวลาผ่านไปความอดทนของเขาก็คือเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ เพราะทำให้เขาสามารถเพิ่มมูลค่าของพอร์ตการลงทุนได้กว่าสี่ร้อยเท่าในเวลาสิบสองปี

4.ลงทุนในความรู้คือรากฐานสำคัญของการลงทุน

คุณโจเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในความรู้เป็นอย่างมากโดยเริ่มตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าสู่การลงทุนอย่างเต็มตัว เขาก็ให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือและการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองมาโดยตลอดหรือแม้กระทั่งในช่วงที่เขาเริ่มต้นการลงทุนและขาดทุนนั้น เขาก็ย้อนกลับไปหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ในการลงทุนอย่างถูกต้อง ในความคิดของเขานั้นการลงทุนในความรู้คือรากฐานที่สำคัญที่สุดหากนักลงทุนไม่มีความรู้ก็จะมีโอกาสที่จะล้มเหลวได้มากกว่า และความรู้นั้นก็ยังเป็นเครื่องมือและเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ตัวของเขาเองประสบความสำเร็จในการลงทุนจนถึงทุกวันนี้

คุณโจลูกอีสานเป็นตัวอย่างของนักลงทุนแนว VI ที่มุ่งมั่นกับการลงทุนและมีแนวทางที่ชัดเจน นอกจากนี้เขายังมีความอดทนที่จะทำตามความเชื่อมั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยทบต้น และสุดท้ายผลลัพธ์ของความอดทนและความมุ่งมั่นนี้ ก็สะท้อนออกมา ด้วยมูลค่าพอร์ตของเขา เขาจึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จและควรค่าแก่การศึกษาแนวทางการลงทุนสำหรับนักลงทุนรายใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน