น้องอู๋ เป็นทั้งแฟนคลับและลูกศิษย์ที่มีโอกาสได้เข้าฝึกอบรมกับผมมาแล้วร่วมปี ในคอร์สแม่ไม้เถ้าแก่ใหม่ ซึ่งเป็นคอร์สการปูพื้นฐานให้คนที่สนใจทำธุรกิจว่าต้องเตรียมตัว เตรียมการ เตรียมความพร้อมอะไรบ้าง
อู๋เป็นคนที่ “ขยัน” และ “ใฝ่รู้” และมีความ “พยายาม” ที่ผมอยากยกให้น้องได้เป็นตัวอย่างให้กับเพื่อน ๆ มนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนได้ดูเป็นแบบอย่าง
เขาเริ่มธุรกิจด้วย “ความฝัน” และ “แรงผลักดัน” ที่ต้องการพิสูจน์ให้ครอบครัวเห็นว่า “เขาก็ทำได้” แต่เส้นทางของการเป็น “เจ้าของกิจการ” มันไม่ได้โรยด้วยดอกไม้ ซึ่งทุกคนรู้ดีครับ ว่ามันต้องผ่านความเจ็บปวด ความล้มเหลว ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ท้ายที่สุด หากยังยืนหยัดเราก็จะพบกับความสำเร็จในแต่ละระดับเช่นกัน
ได้เวลาที่เพื่อน ๆ จะมารู้จักกับ “น้องชาย” ผมคนนี้แล้วครับ “อู๋ เปิดซิง”
แนะนำตัวด้วยครับ อู๋
สวัสดีครับ ผมชื่ออู๋ สิริวิชช์ ศิรศิริรัสม์ เจ้าของแฟรนไชส์ลูกชิ้นปิ้งเปิดซิง และทำธุรกิจดรอปชิปน้ำหอมแบรนด์เนม
จากธุรกิจกงสี สู่เป้าหมายต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ผมโตมากับบ้านมีธุรกิจครอบครัวแต่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับระบบกงสีและอยากสร้างอะไรเป็นของตนเองเลยเลือกที่จะทำงานประจำก่อนตั้งแต่เรียนจบแล้วค่อยสร้างธุรกิจของตัวเอง
เริ่มต้นทำงานที่บริษัทตัวแทนลิขสิทธิ์การ์ตูนญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ เช่นพวกอุลตร้าแมน ไอ้มดแดง ดราก้อนบอล ฯลฯ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินค้าลิขสิทธิ์ครับ
ทำงานได้ 3 ปีก็อยากเรียนต่อปริญญาโทเพราะคิดว่าน่าจะช่วยเพิ่มโอกาสทั้งในเรื่องงาน และจะได้เห็นช่องทางในการทำธุรกิจมากขึ้น
แต่จนแล้วจดรอดก็ไม่ได้เรียนหรอกครับ เพราะผมมาจับธุรกิจออนไลน์ ขายสินค้าพวกดรอปชิป
เจ๊งธุรกิจเครือข่ายร่วมครึ่งล้าน
ธุรกิจดรอปชิปถือว่าไปได้ดีเลยทีเดียว แต่จริงๆมันก็มีความเสี่ยง เช่น เราไม่เห็นของ, ไม่รู้ว่าสินค้าที่ส่งไปมีปัญหาไหม, บริษัทส่งช้าลูกค้าโวยวายแต่คนรับหน้าคือเรา จิปาถะ ได้เลยจริงแต่ปัญหามันก็มาก พยายามทำงานเก็บเงินมาเรื่อย ขณะเดียวกันก็พยายามมองหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่มอีก
ด้วยความที่เป็นคนชอบธุรกิจอะไรใหม่ๆและไม่ปิดโอกาสตัวเอง เจออะไรแปลกๆหรือใครมาบอกว่าธุรกิจนี้ดีก็กระโดดเข้าไปทำหมด ทั้งลงทุน ทั้งธุรกิจเครือข่าย
ปรากฏว่าเราไม่มีทักษะและประสบการณ์ในธุรกิจเหล่านี้ดีพอเลยทำให้เสียเงินกับธุรกิจเหล่านี้ไปเกือบๆ 500,000 บาทครับ เงินในบัญชีที่เก็บมานานนี่เกือบหมด
ตอนนั้นเครียดมาก ไม่กล้าบอกทางบ้าน หันไปทางไหนดูอะไรมันก็มืดมนไปหมด ดีที่เราเป็นคนที่ใฝ่เรื่องธรรมะ ทำบุญเข้าวัด จึงพอทำให้มีสติอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นข่าวเหมือนกับที่ใครหลาย ๆ คน ล้มเหลว ธุรกิจเจ๊ง โดนโกง แล้วสุดท้ายก็ต้องฆ่าตัวตาย
บอกตรงๆว่าเจ็บใจตัวเองมากที่ไม่ยอมเข็ด แต่ก็ได้บทเรียนอะไรมาก ตั้งแต่นั้นก็หยุดและตั้งเป้าใหม่ว่าอยากจะทำธุรกิจใหม่แบบจับต้องได้และต้องเป็นธุรกิจแนวที่เราถนัดและสามารถทำจริงจังได้ในระยาว
ตรงนี้ขอฝากไว้หน่อยครับว่าถ้าเรารู้ว่าเราเก่งอะไรถนัดอะไร ให้ทำธุรกิจแนวนั้นก่อนเลยครับ โอกาสสำเร็จสูงกว่าโอกาสทางธุรกิจมากมายแต่คุณไม่ถนัดหรือขาดประสบการณ์
เกือบพลาดเรื่องอีกรอบกับธุรกิจอาหารเสริม
ในความมืดมีแสงสว่าง ในอุปสรรคมีโอกาส คำนี้ผมเชื่อเพราะเจอมากับตัวครับ ในช่วงที่ทำธุรกิจเครือข่ายได้มีโอกาสเจอกับน้องคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของโรงงานลูกชิ้นนมสดชื่อดังในจังหวัดนครสวรรค์ คุยเรื่องธุรกิจเรื่องทำบุญกันค่อนข้างบ่อย จนหลังจากผมเลิกทำธุรกิจเครือข่ายไปเป็นปีแล้วอยู่ๆน้องก็ติดต่อมา บวกกับตอนนั้นผมกำลังจะทำธุรกิจอาหารเสริมลดน้ำหนักอยู่แล้วตั้งแต่ช่วงกลางปี 2558 เลยชวนน้องมาเป็นหุ้นส่วนด้วยซะเลยน้องก็ตอบรับครับ
เรารวมหุ้นกันทั้งหมด 4 คนช่วยกันวางแผนช่วยกันทำงาน ไปคุยกับโรงงานรับผลิตอาหารเสริมจนเกือบจะเซ็นสัญญาว่าจ้างผลิตอยู่แล้วแต่ก็ต้องยกเลิกทั้งหมด เพราะช่วงนั้นอาหารเสริมลดน้ำหนักออกมาหลายแบรนด์มากในตลาดจนเราเห็นว่ามันเยอะเกินไป เราไม่อยากให้ตัวแทนจำหน่ายมีสต็อกสินค้าชนิดเดียวกันหลายๆแบรนด์แล้วขายไม่ได้แถมยังมีปัญหาระหว่างหุ้นส่วนคนอื่นๆด้วยครับ
ทำเครือข่ายก็เจ๊ง จะทำอาหารเสริมก็จุดไม่ติดไปไม่รุ่ง บอกเลยครับว่าเคว้งไปหลายเดือนเลยครับ ระหว่างที่ชีวิตซึม ๆ ทำอะไรก็ไม่โดนไม่เกิด ใจมันก็คิดอยู่เสมอว่ามันต้องมีธุรกิจอะไรสักตัวสิที่เราทำได้ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เราทำ ๆ มา สิ่งที่ล้มเหลวมามันก็จะสูญเปล่า ความล้มเหลวมันคงมายืนชี้หน้าเยาะเย้อ !! ไอ้อู๋เอ้ย เองมันอ่อนหัด ทำอะไรก็ไม่สำเร็จหรอกเว้ย
จริง ๆ ก็อยากยอมแพ้เหมือนกันนะ แต่ประสบการณ์มันก็สอนให้ผม “อดทน” และพยายามมองหา “โอกาส” ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ผมว่าสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญมากของคนที่จะก้าวมาทำธุรกิจ แรก ๆ มันคงไม่ได้อะไรดีหรอก มันเป็นเหมือนบททดสอบว่าเราเหมาะที่จะเป็นเจ้าของกิจการจริงหรือเปล่า ถ้าเราสู้ได้ อดทนพอ พยายามมากพอ วันหนึ่งก็จะเจอกับธุรกิจที่ใช่สำหรับเราอย่างแน่นอน
เปิดซิง ผู้ชายขายลูกชิ้นปิ้ง อร่อยจนลืมผัว
วันหนึ่งน้องเฟริ์สที่เคยร่วมเจ๊งธุรกิจเครือข่ายด้วยกัน ก็ติดต่อมาอีกบอกว่าจะชวนมาทำธุรกิจขายส่งลูกชิ้นของที่บ้านน้องเองเพราะเห็นว่าผมน่าจะช่วยเรื่องงานออนไลน์และช่วยวางแผนได้ครับ
ส่วนเงินทุนยังไม่ต้องลงเพราะพ่อของน้องจะผลิตให้ซึ่งถ้าเราขายได้เมื่อไรค่อยจ่ายคืนทุนให้ทางโรงงานแล้วเราแบ่งกำไรกัน
ผมขอบคุณพ่อของน้องเฟริ์สมากๆ ที่ให้โอกาสผม เพราะช่วงนั้นผมเองก็มีเงินทุนค่อนข้างจำกัดมากเลยครับ
ขายลูกชิ้นหรอหวะ !!! ผมถามตัวเองว่าธุรกิจนี้มันจะมีโอกาสเติบโตไหม คำตอบที่ผมตอบตัวเอง สินค้าที่เป็นอาหาร ถ้ารสชาติดี อร่อย ราคาไม่สูง ถึงแม้ไม่ได้ทำให้เรารวยมาก แต่มันก็ทำให้เรามีกินได้อย่างแน่นอน
และที่สำคัญผมมองว่าธุรกิจอาหารมีการซื้อซ้ำสูงเพราะเป็นสินค้าปัจจัยสี่ที่คนต้องกินต้องใช้ทุกวันอยู่แล้วและสามารถทำได้ในระยะยาวจึงตัดสินใจเริ่มธุรกิจนี้ทันทีครับ
ช่วงเริ่มต้นธุรกิจลูกชิ้น เราทำแบบขายส่งเพราะเป็นพื้นฐานเดิมของทางโรงงานอยู่แล้ว หลักการคือเราต้องหาตัวแทนจำหน่ายหรือคนกลางที่ซื้อจำนวนมากไปกระจายขายต่อ แต่เราไม่เคยอยู่วงการนี้ ไม่รู้จักใครเลย จึงหาลำบากมากครับ ตอนหลังเลยสร้างแฟนเพจขึ้นมาแล้วยิงโฆษณาเพื่อหาตัวแทนจำหน่าย ปรากฏว่ามีคนสนใจเยอะมากครับแต่ถามไปถามมาเป็นแค่รายย่อย ไม่สามารถซื้อล็อตใหญ่ได้เลยปรับแผนวิ่งหาตัวแทนเองเลยประมาณว่าใครสนใจเป็นตัวแทนเราให้หมด จนวันหนึ่งได้คุยกับนักธุรกิจห้องแช่เย็นที่วิ่งส่งอาหารทะเล เขาบอกว่าธุรกิจลูกชิ้นเป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องมียี่ปั๊ว (ตัวแทน) ที่มีศักยภาพพอสมควร ต้องมีห้องแช่เพื่อเก็บสินค้า ต้องมีรถวิ่งส่งของ ต้องมีฐานลูกค้าเพื่อกระจายสินค้าได้ทันที ไม่ใช่เลือกเอาใครก็ได้ เลยต้องกลับมาปรับแผนอีกรอบจนมีคนรู้จักแนะนำเจ้าของห้องเย็นที่เชียงใหม่ซึ่งส่งอาหารให้ตามโรงแรมและตลาดในเชียงใหม่ เราก็คิดว่าตัวแทนแบบนี้แหละที่เราต้องการ คิดว่าได้แน่ๆรอบนี้ แต่สุดท้ายโดนปฎิเสธเพราะเขาบอกว่าลูกชิ้นเราดีเกินไปคนในพื้นที่ไม่กินแบบนี้ ใจตกไปที่ตาตุ่มเลยครับ กว่าจะหาตัวแทนที่ใช่ได้แต่ละคนไม่ใช่เรื่องง่าย นี่ยังไม่รวมถึงคนที่มาซื้อไปลองทดลองเพื่อจะเป็นตัวแทนจำหน่ายคนอื่นๆอีกนะครับซึ่งสุดท้ายเงียบหายทุกคน ไหนจะโดนกีดกันจากเจ้าที่ขายส่งประจำอยู่แล้วอีก
จนสุดท้ายเราคิดว่าถ้าเข้ากลางน้ำมันยาก ทำไมเราไม่ลองเริ่มที่ปลายน้ำล่ะ ทำเป็นแฟรนไชส์ที่ไม่จำเป็นต้องหาตัวแทน ทุกคนสามารถซื้อได้โดยไม่ต้องสต็อกสินค้าล็อตใหญ่ ซื้อแล้วสามารถเริ่มธุรกิจได้เลย ในที่สุดก็พัฒนากลายมาเป็นแฟรนไชส์ลูกชิ้นปิ้งเปิดซิงอย่างทุกวันนี้ครับ
“เปิดซิง” เป็นชื่อแบรนด์ที่เรารู้สึกว่ามันใช่ เพราะเป็นการเปิดมุมมองความคิดใหม่ ๆ ของพวกเรา และเป็นการท้าทายเชิญชวนให้คนที่พบเห็นได้มา “เปิดซิง” ลองชิมรสชาติของลูกชิ้นปิ้ง เรียกว่า เปิดซิงความอร่อย รสชาติแซบจี๊ดจ๊าดจนต้องลืมผัวเลยก็ว่าได้ 555
เปิดตัวเปิดซิง ก้าวสู่การตลาดแบบ 4.0
เมื่อทุกอย่างลงตัวทั้งในด้านสินค้า แนวทางการทำการตลาดเราก็เริ่มที่จะลุยกันอย่างเต็มตัว ใช้การตลาดทั้งออนไลน์ออฟไลน์ครับ ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คแฟนเพจ ไลน์แอด เว็บไซต์ กระทู้ต่างๆ
การออกสื่อทางทีวีหรือการออกบูธตามงานต่างๆ จนได้รับการติดต่อให้ไปร่วมออกรายการคัมภีร์วิถีรวยของช่อง 9 ซึ่งได้ทดสอบตลาดและผลตอบรับสินค้าดีเกินคาดมากๆครับ
ด้วยรสชาติน้ำจิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ เนื้อลูกชิ้นที่อร่อยเต็ม ๆ คำแทบไม่มีส่วนผสมของแป้ง จึงทำให้สินค้าเรา “เปิดซิง” ความสนใจของลูกค้าได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
เปิดซิงมีลูกชิ้นสูตรนมสด 2 แบบ
ที่ร้านมีลูกชิ้น 2 สูตรคือลูกชิ้นหมูสูตรนมสดและลูกชิ้นเอ็นหมูครับ ถามว่าทำไมต้องเป็นสูตรนมสด หลายคนเข้าใจว่าผสมนมสด แต่จริง ๆ แล้วลูกชิ้นไม่ได้มีส่วนผสมของนม แต่ด้วยวิธีการผลิตและส่วนผสมพิเศษนำเข้าจากต่างประเทศทำให้เวลาทานเปล่าๆกลิ่นและความเนียนนุ่มจะหอมคล้ายนมสดครับ หลาย ๆ คนจึงเรียกติดปากกันว่า “ลูกชิ้นนมสด” ซึ่งของเราเป็นเจ้าแรกและของแท้ที่ทำกันมานานมาก ส่วนลูกชิ้นเอ็นหมูจะเป็นเอ็นแบบละเอียดเวลาทานจะหอมกลิ่นเอ็นแต่ไม่แข็งกระด้างเอ็นครับ
ทั้ง 2 สูตรท้าให้ลอง “เปิดซิง” ลิ้มรสความอร่อย ไม่อยากให้เชื่อผมแต่อยากให้เราได้ลองชิมกันเอง
เปิดซิง มีดีอะไร ทำไมต้องมาร่วมธุรกิจด้วย
จุดเด่นของสินค้าเป็นสิ่งที่เราภูมิใจมากครับ เพราะเรามี 5 อย่างนี้ที่ทำให้สินค้าของเราไม่เหมือนใครครับ
1.นุ่มเนียน
ส่วนผสมนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ลูกชิ้นของเรา “นุ่มเนียน” ไม่ใช่ “นุ่มเหนียว” แบบลูกชิ้นทั่วไป และยากต่อการลอกเลียนแบบ กินได้ทุกเพศทุกวัย
2.เนื้อแน่น ๆ
เนื้อเยอะ แป้งน้อย เวลากินแล้วสัมผัสได้ถึงเนื้อหมูเต็มๆคำเลยครับ ขนาดเจ้าของโรงงานลูกชิ้นเจ้าอื่นมาชิมยังบอกเลยว่านี่มันลูกชิ้นคุณภาพสูงจริงๆ
3.ใช้หมูอ่อนเนื้อนิ่ม
ใช้เนื้อหมูอายุประมาณ 2 เดือน เนื้อจึงไม่เหนียวและไม่เหม็นคาวเหมือนลูกชิ้นที่ใช้หมูแก่
4.คุณภาพไฮโซ ราคาโลโซ
แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบสูงแต่เราเป็นเจ้าของโรงงานเองจึงสามารถขายในราคาท้องตลาดได้
5.น้ำจิ้มรสเด็ด
นอกจากจะได้สัมผัสรสของเนื้อลูกชิ้นแน่น ๆ แล้วยังจะได้แซปกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะเพื่อให้เหมาะกับการเปิดซิง ลูกชิ้นอร่อยหอดนมสดแล้ว ยิ่งได้ความแซ๊บกลมกล่อมของน้ำจิ้ม รับรองทานแล้วต้องติดใจ
ถ้าจะร่วมลงทุน ทำธุรกิจร่วมกับ “เปิดซิง” มีแผนลงทุนอย่างไรบ้าง
โอกาสในการเข้ามาทำธุรกิจง่ายมากครับ กลุ่มลูกค้าหลักๆคือคนที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจหรือหาอาชีพเสริมโดยใช้เงินทุนไม่สูงมาก แพคเกจของเรามี 3 ระดับ คือ
เปิดซิง Size เริ่มต้น
ราคา 3,900 บาท แถมลูกชิ้น 10 กิโลกรัม + ป้าย 1 ใบ + น้ำจิ้ม 3 ลิตร เหมาะสำหรับคนที่มีรถเข็นหรือหน้าร้านอยู่แล้วแค่เอาป้ายไปติด
เปิดซิง Size กลาง
ราคา 4,900 บาท แถมลูกชิ้น 10 กิโลกรัม + ป้าย 2 ใบ + น้ำจิ้ม 3 ลิตร เหมาะสำหรับคนที่มีรถเข็นหรือหน้าร้านอยู่แล้วแค่เอาป้ายไปติด
เปิดซิง Size ใหญ่
ราคา 14,900 บาท มีคีออส + เตาไฟฟ้า + ลูกชิ้น 10 กิโลกรัม + น้ำจิ้ม 6 ลิตร + ขวดใส่น้ำจิ้ม 2 ขวด
มนุษย์เงินเดือนต้องการอาชีพเสริม หน้าร้านต้องการเพิ่มรายได้ ก็สามารถลงทุนได้ไม่ยาก ที่สำคัญใครๆก็ปิ้งลูกชิ้นได้ครับไม่ต้องสอนอะไรมากมาย คุณตั้งร้านได้เมื่อไรก็ปิ้งขายเองได้เลยครับ
หากสนใจสามารถสอบถามและเลือกซื้อตามแพคเกจได้เลยครับ ถ้ามีรถเข็นอยู่แล้วและต้องการแค่ป้ายแฟรนไชส์กับลูกชิ้น สามารถเลือกแพคเกจ 1-2 ได้ แต่ถ้าต้องการทั้งชุดหน้าร้านสามารถเลือกแพคเกจใหญ่สุดได้ คีออสทำจากโครงเหล็กทนทานมาก เคลือบสีฝุ่นสวยเงางามทนแดดป้องกันรอยขีดข่วน มีล้อเคลื่อนที่สะดวก ถอดเก็บโครงเคลื่อนย้ายง่าย สิ่งที่ต้องซื้อเพิ่มเติมเองมีนิดเดียว เช่น ไม้เสียบลูกชิ้น ถุงใส่ลูกชิ้น+ถุงหิ้ว ลังไว้แช่ลูกชิ้นกับน้ำแข็ง เท่านั้นครับ
นอกจากนั้นหากใครอยากผลิตแบรนด์ลูกชิ้นของตัวเองทางเราก็รับผลิตให้นะครับเพราะเราก็เป็นเจ้าของโรงงานอยู่แล้วด้วย
คนลงทุนกับ “เปิดซิง” แล้วจะคุ้มไหม คืนทุนเมื่อไหร่
ผมเชื่อว่าธุรกิจอาหารยังเติบโตไปได้อีกไกลครับเพราะเป็นสินค้าปัจจัย 4 ที่ยังไงคนต้องกินต้องใช้อยู่แล้ว
โดยเฉพาะของกินเป็นสินค้าที่มีการซื้อซ้ำสูงมาก กินหมดวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องมาซื้อใหม่ และด้วยประสบการณ์ที่ผมเคยเจอคือมีลูกค้าซื้อลูกชิ้นเราไปปิ้งขายเองสัปดาห์ละ 100 กิโลกรัม (1 กิโลกรัมราคา 150 บาท มีประมาณ 100 ลูก) ไม้นึงมี 4 ลูกขายไม้ละ 10 บาท ได้กำไรกิโลกรัมละ 100 บาท แสดงว่าในหนึ่งอาทิตย์เขาขายลูกชิ้นปิ้งอย่างเดียวยังได้กำไร 10,000 บาท ดังนั้นถ้าขายจริงๆภายใน 1-2 เดือนก็คืนทุนแล้ว
บางคนขยันขายได้มากกว่า 100 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้น แถมยังสามารถเอากำไรไปเปิดอีกสาขาแล้วจ้างคนขายก็ยังได้ บางคนขายดีจนกลายมาเป็นตัวแทนขายส่งรายใหญ่เลยก็ยังได้ นี่จึงเป็นโอกาสดีของคนที่อยากหาอาชีพเสริมหรือเป็นเจ้าของธุรกิจ ทำให้ผมเชื่อมั่นว่าธุรกิจประเภทนี้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากครับ
อะไรทำให้ “เปิดซิง” ก้าวมาสู่ขั้นนี้ได้
หลักการที่เราใช้มาตลอดคือไม่เอากำไรเยอะเพราะเราถือคติ “คุณอยู่ได้ เราอยู่ได้”
แม้ว่าเราจะใช้วัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศหรือใช้เนื้อหมูอายุน้อยซึ่งแพงกว่าหมูแก่ ทำให้ต้นทุนเราสูงกว่าหลายยี่ห้อแต่เราก็ไม่บวกกำไรเพิ่มจนเกินเหตุ เราตั้งใจขายในราคาตลาดเพื่อให้คนซื้อสามารถเอื้อมถึงได้ กำไรต่อสาขาของเราแค่หลักพันเท่านั้น ไม่รู้จะเอากำไรหลีกหมื่นไปทำไม เพราะเราคิดว่าถ้าขายแฟรนไชส์ได้กำไรสาขาละ 1,000 บาทแต่ช่วยให้คนได้มีธุรกิจ 100 คน ยังดีกว่าขายได้กำไรสาขาละ 10,000 บาท แต่ช่วยให้คนได้มีธุรกิจได้แค่ 10 คนแล้วโตไปด้วยกันจะดีกว่า
ตอนนี้ทีมงาน “เปิดซิง” ทำงานกันอย่างไร
เราทำงานกันแบบครอบครัวครับ มีอะไรคุยกับเจ้าของได้โดยตรงเลย ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก บางทีเราก็จัดสัมมนาฟรีให้ความรู้การเปิดร้านแฟรนไชส์ การขาย และถ้าสาขาไหนขายดีเราจะยกย่องให้เขาเป็นตัวอย่างและมอบรางวัลให้ด้วย เช่น ทอง เงิน ตามสะดวก และทางเราเองก็อยากเติบโตไปพร้อมๆกับตัวแทนจำหน่ายด้วยครับ
แนวคิดพื้นฐานการทำธุรกิจของ “อู๋ เปิดซิง” คืออะไรครับ
รกิจแบบรากหญ้าคือต้องง่าย เข้าถึงคนจำนวนมากได้ ใช้ต้นทุนไม่สูงเกินไป ไม่จำเป็นต้องดูหรูหรา ถ้าจะเปิดร้านต้องเปิดที่ไหนก็ได้ เช่น หน้าบ้าน ตลาดนัด ข้างทาง ฯลฯ แต่ต้องสามารถเริ่มต้นและทำเงินเข้ากระเป๋าได้ทันที
วางแผนอนาคตไว้อย่างไร
ในปี 2560 เราตั้งเป้าที่จะมีสาขาแฟรนไชส์มากกว่า 200 สาขาทั้ง 3 รูปแบบรวมกัน สนับสนุนให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ให้เติบโต ด้วยช่องทางการโปรโมทสินค้าและธุรกิจให้ทุกช่องทางไม่ว่าช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์
เปิดสอนฝึกอบรมให้กับผู้ที่สนใจทำธุรกิจเกี่ยวกับลูกชิ้น ได้มีโอกาสเรียนรู้ วิธีการทำการตลาด การเลือกทำเล การถ่ายรูป ฯ ด้วยรูปแบบของการ “แชร์ค่าสถานที่” ทางเราจะเชิญวิทยากรที่มีความรู้มาแบ่งปันความรู้ให้กับผู้ร่วมทุนซื้อแฟรนไชส์ของเรา
พัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ทำจากลูกชิ้นเพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ของเราไป
คุณอยู่ได้ เราก็อยู่ได้ คุณเติบโตเราก็เติบโต เราจะก้าวเดิน “เปิดซิง” ไปด้วยกันครับ
อู๋ก้าวผ่านความล้มเหลวมาหลายอย่าง อยากบอกอะไรกับเพื่อน ๆ ที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจ
เปิดซิงความคิดใหม่บ้าง อย่าติดกรอบความคิดเดิม ๆ ครับ เราต้องกล้าที่จะเริ่ม
ทำธุรกิจก็เหมือนวิ่งมาราธอน กว่าจะเติบโตและประสบความสำเร็จในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งได้จำเป็นต้องใช้เวลา ถ้าระหว่างทางมีเหนื่อยมีล้มก็อย่าหยุด แต่ขอให้วิ่งไปเรื่อยๆ ที่สำคัญขอให้สร้างมิตรภาพที่ดีระหว่างวิ่งเอาไว้ เพราะหากคุณวิ่งไม่ไหวอาจมีคนมาช่วยพยุงคุณเข้าเส้นชัยไปด้วยกัน
ในทางธุรกิจหมายถึงอย่าโฟกัสแต่ธุรกิจจนไม่สนใจใครเลย เพราะคนรอบข้างนี่แหละที่จะมาช่วยคุณทำธุรกิจในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น พาร์ทเนอร์ คู่ค้า ลูกค้า ที่ปรึกษา เป็นต้น ดังนั้น
หากวันนี้คุณทำธุรกิจยังไม่สำเร็จ ลองออกไปคุยกับผู้คนบ้างอาจจะเจอวิธีเข้าเส้นชัยก็เป็นได้ เมื่อเจอวิธีแล้วก็กลับมาลุยต่อไปเรื่อยๆ ถึงเวลาก็สำเร็จเอง ทำธุรกิจสมัยนี้ต้องอดทนแต่อย่าทำคนเดียวแต่ต้องมีคนช่วยเพื่อปิดจุดอ่อนซึ่งกันและกันครับ
โปรโมชั่นมอบให้แฟนคลับเถ้าแก่ใหม่
ลูกชิ้นปิ้งเปิดซิง อร่อยจนลืมผัว ขอมอบบริการพิเศษเฉพาะ 50 ท่านแรกที่ซื้อแฟรนไชส์ชุดใหญ่ 14,900 บาท บริการส่งฟรีทั้งชุดทั่วประเทศ
สนใจร่วมทุนซื้อแฟรนไชส์ลูกชิ้นปิ้งเปิดซิง
เบอร์โทร : 092-6565298, 099-4493963
Line@ : @virginporkball (มี @ นำหน้า)
https://www.facebook.com/virginporkball
แฟนเพจ : แฟรนไชส์ลูกชิ้นปิ้งเปิดซิง
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME