Chat GPT 9 สิ่งที่ต้องรู้ เครื่องมือที่จะเข้ามาทำงานแทนคน

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวการเปิดตัวของ Chat GPT หรือระบบแชทบ็อทซึ่งมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและเปิดตัวในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมาโดยระบบ Chat GPT ได้สร้างกระแสตื่นตัวไปยังแวดวงไอทีทั่วโลกเพราะความสามารถในการตอบโต้เชิงลึกเสมือนกับมีมนุษย์จริง ๆ มานั่งพูดคุยอยู่ตรงหน้า โดยระบบนี้ถูกนำมาใช้ทางออนไลน์เพื่อจำลองการแชทของฝ่ายบริการลูกค้าอัตโนมัติ สิ่งนี้คือย่างก้าวที่สำคัญของวงการที่น่าจับตาโดยในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Chat GPT กันให้มากขึ้น

9 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Chat GPT

1. เป็นการสื่อสารในรูปแบบการสนทนา

จริง ๆแล้ว Chat GPT มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องหลายเวอร์ชั่น แต่เพราะมันยังไม่สมบูรณ์มากพอจึงทำให้ทาง OpenAI ยังคงต้องทำการพัฒนาระบบต่อไป ในเวอร์ชั่นก่อนหรือ GPT-3 ยังคงไม่ตอบโจทย์เพราะคำถามบางข้อ AI ยังไม่สามารถตอบได้ และยังไม่สามารถบอกข้อมูลที่ลูกค้าต้องการได้  และบางครั้งผู้ใช้งานเองก็ต้องเปลี่ยนคำถามหรือพยายามเลือกคำถามใหม่เพื่อให้ตรงกับข้อมูลที่ AI มีอยู่ ซึ่งคงเป็นการดีกว่ามากหาก AI จะเริ่มตั้งคำถามกลับมาว่าผู้ใช้งานไม่เข้าใจรูปแบบการสนทนาของตัว AI หรือไม่มากกว่าที่จะให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนคำถามหรือใช้คำค้นหาใหม่แทน ซึ่งในเวอร์ชั่นล่าสุดของ Chat GPT เริ่มทำในส่วนนี้ได้แล้ว

2. มีการตอบสนองที่เป็นไดนามิกมากขึ้นและมีการเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก

ระบบ Chat GPT รุ่นใหม่จะมีการตอบสนองการสนทนาที่เป็นไดนามิกมากขึ้น แทนที่จะใช้การถามคำถามกลับระบบจะเริ่มตอบสนองในรูปแบบอื่นมากกว่าโดยระบบจะมีการเรียนรู้การแก้ปัญหาในรูปแบบของ Learning Reinforcement หรือการลองผิดลองถูกเพื่อค้นหาวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหานั้น ๆ

3. เทคนิคและวิธีการที่ใช้

การพัฒนาตัว Chat GPT มีการพัฒนารูปแบบการโต้ตอบที่ยังคงอาศัยความคิดเห็นจากมนุษย์เป็นสำคัญซึ่งแตกต่างจากระบบ AI ที่ใช้ควบคุมเกมกีฬาบางชนิดอย่างหมากรุก โกะหรือโป๊กเกอร์

สิ่งที่ Chat GPT ทำคือเมื่อมีการถามคำถามกับแบบจำลอง ระบบจะทำการสุ่มตัวอย่างคำตอบจำนวนหนึ่งแล้วให้มนุษย์จัดลำดับคำตอบนั้น ข้อมูลอันดับนี้จะกลายเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่ตัว Chat GPT จะนำไปใช้งานในการใช้งานจริงต่อไปเพื่อให้ระบบสามารถตอบสนองต่อคำค้นหาที่ลูกค้าหรือผู้ใช้งานจริงพิมพ์ป้อนให้มากที่สุด

4. มีการใช้ Sibling Model เพื่อ InstructGPT

รูปแบบการสนทนาของ Chat GPT สามารถตอบข้อสงสัย สามารถติดตามผล รับทราบข้อผิดพลาด หักล้างข้อสันนิษฐานที่ผิดพลาด และปฏิเสธข้อเสนอที่ไม่เหมาะสมได้ เพราะมีการพัฒนา Sibling Model ซึ่งช่วยนำร่องให้ Chat GPT สามารถตอบสนองในเชิงลึกจากโมเดลต้นแบบได้

5. ตอบสนองต่อทุกสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ

ความสามารถของ Chat GPT ไม่ได้ตอบสนองแค่เฉพาะบทสนทนาโต้ตอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะตัวของมันถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนองต่องานเขียนทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นเรียงความเชิงทฤษฎี วิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผู้คนสนใจ

6. เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนใช้เครื่องมือค้นหาสิ่งที่ต้องการ

สิ่งที่โดดเด่นอีกประการหนึ่งของ Chat GPT ก็คือตัวของมันจะนำเสนอทางเลือกที่มากกว่า 1 ทางเลือกให้แก่ลูกค้าผ่านการส่งลิ้งก์ที่ลูกค้าสนใจ ด้วยการทำเช่นนี้จึงทำให้มันสามารถเปลี่ยนวิธีการที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ search engine ในการค้นหาผลลัพธ์ที่ต้องการโดยนำเสนอทั้งวิธีการแก้ปัญหาที่ดูธรรมดาและปัญหาที่มีความซับซ้อน ตัวของมันไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือในการหาทางแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ตัวของมันก็ยังช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้เพียงแค่คุณตั้งคำถามให้กับมัน

7. ยังคงให้ใช้งานฟรีและสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีภาษา GPT-3.5

ในเวลานี้ ChatGPT ยังคงเปิดให้ใช้งานฟรีเพราะยังคงอยู่ในช่วงของการทดลองใช้และการแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ โดยตัวของมันถูกสร้างอยู่บนระบบที่เรียกว่า GPT 3.5 ซึ่งมีความสลับซับซ้อนจากการพัฒนาข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ

8. Elon Musk ให้ Chat GPT หยุดการนำข้อมูลของ Twitter มาใช้งาน

ทันทีที่ Elon Musk รู้ว่า OpenAI กำลังนำฐานข้อมูลของ Twitter มาใช้พัฒนา ChatGPT เขาก็ให้หยุดการกระทำเช่นนั้นทันทีโดย Elon Musk ให้เหตุผลว่า OpenAI ผู้พัฒนา Chat GPT ไม่ใช่โอเพนซอร์สและไม่ใช่องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรอีกต่อไป ก็ควรที่จะต้องจ่ายเงินเพื่อให้เข้าถึงฐานข้อมูลดังกล่าว

9. การเข้ามาทดแทนมนุษย์

ChatGPT มีความสามารถถึงระดับขั้นที่สร้างโค้ด Python ที่ซับซ้อนและสามารถเขียนเรียงความระดับมหาวิทยาลัยได้เพื่อตอบสนองสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ ทำให้เริ่มมีความกังวลกันว่าเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในที่สุด

ข้อมูลที่น่าสนใจบางประการเกี่ยวกับเทคโนโลยี Chat bot

จริง ๆ แล้วมีธุรกิจจำนวนไม่น้อยรวมถึง Microsoft ที่ได้ทดลองใช้แชทบอทแต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นคือมีผู้ใช้ twitter ได้สอนภาษาที่มีความหมายในเชิงของการเหยียดเพศและเหยียดเชื้อชาติจึงทำให้ Tay bot ของ Microsoft ต้องปิดให้บริการไปในที่สุด

ด้วยบทเรียนดังกล่าวทำให้ OpenAI ได้หาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกับ ChatGPT ของตนจึงได้มีการนำ Moderation API มาใช้ โดยเทคโนโลยีนี้จะทำหน้าที่เป็นระบบกลั่นกรองการโดยใช้ AI ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถระบุได้ว่าภาษาที่มีคนป้อนเข้ามานั้นละเมิดนโยบายด้านเนื้อหาของบริษัทหรือไม่ ซึ่งจะช่วยป้องกัน ChatGPT ไม่ให้มีการสื่อสารเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือผิดกฎหมาย แม้ว่าจะมีระบบการกรั่นกรองที่เข้มงวดแต่ทาง OpenAI ก็ออกมายอมรับว่าการกลั่นกรองยังคงมีปัญหาและไม่สมบูรณ์แบบ