การเขียน Sales content หรือการสร้างคอนเทนต์เพื่อปิดการขายจัดเป็นศิลปะอย่างหนึ่งครับ ซึ่งหากผู้ที่ทำคอนเทนต์ในลักษณะนี้ถ้าทำดีก็จะเป็นแม่เหล็กที่ช่วยดึงยอดขาย สร้างกำไรได้อย่างมหาศาล แต่ถ้าทำไม่ดีก็เสมือนกับเอาเงินไปเผาทิ้งด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนไม่กล้าจ่ายเพื่อสร้าง sale content เพราะอาจมีประสบการณ์ ที่คิดว่างานโปรดักชั่นส์ในการสร้าง Sale content นั้นใช้เงินมากซึ่งในความเป็นจริงแล้วการสร้าง Sale Content ให้ประสบความสำเร็จไม่ได้ใช้เงินมากอย่างที่คิดครับ บางครั้งแค่โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวก็สร้างคอนเทนต์ดี ๆที่เร่งยอดซื้อได้แล้ว การทำ Sale content ให้ประสบความสำเร็จต้องทำอย่างไรบ้าง บทความสรุปบทสัมภาษณ์จากคุณ นิรันดร กาบบัว ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ มาแบ่งปันให้กับทุกท่านครับ

6 ขั้นตอนในการปั้นการตลาดสร้างยอดขายให้เป็นที่รู้จัก

ก่อนที่เราจะไปเรียนรู้การสร้าง sale content เราจะมาดูกันครับว่าหากคุณต้องการจะปั้นยอดขายโดยการใช้การทำการตลาดคุณต้องเข้าใจอะไรบ้าง

1.เป้าหมายให้ตรงกลุ่ม

สิ่งแรกที่คุณต้องรู้ก็คือต้องรู้ว่าคุณกำลังสื่อสารกับใครอยู่หรือใครกันแน่ที่ยิงคอนเทนต์ไปแล้วพวกเขาจะซื้อสินค้าของเรา การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกลุ่มจึงเป็นสิ่งแรกที่สำคัญในการทำการตลาดครับ

2. สินค้าที่โดนใจ

เมื่อรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใครคุณต้องรู้ต่อไปว่าสินค้าไหนที่จะไปตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ และสินค้านี้จะไปจี้ pain point ของกลุ่มเป้าหมายนี้ได้อย่างไร

3. ข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ

เรื่องของการวางข้อเสนอเป็นสิ่งสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าครับ เราควรมีข้อเสนอที่เมื่อลูกค้าเห็นแล้วสามารถเร่งรัดการตัดสินใจซื้อของพวกเขาได้ ถ้าเราไม่มีข้อเสนอเราจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีการนำเสนอที่น่าสนใจแทน

4. ถูกที่ถูกเวลา

คุณควรจะรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่คุณหมายปองนั้นอยู่ในแพลตฟอร์มอะไรและเราจะไปพูดคุยนำเสนอสินค้ากับเขาในช่วงเวลาไหน ข้อเสนอของเราจะมีประโยชน์มากก็ต่อเมื่อเขาสนใจสินค้าของเราแล้ว แต่ถ้าเราไปคุยกับคนที่ไม่สนใจก็ไม่เกิดประโยชน์ครับ สินค้าของเราจะกลายเป็นคนที่ใช่ในวันที่ผิด ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องดูว่าคอนเทนต์หรือข้อเสนอที่เรานำเสนอนั้นถูกที่ถูกเวลาไหม

5. เนื้อหาโดนใจ

เนื้อหาที่นำเสนอในคอนเทนต์นั้นต้องโดนใจโดยอาจมีทั้งในรูปแบบของการให้ความรู้หรือเป็นไปในเชิงของความบันเทิงก็ได้ เนื้อหาที่น่าสนใจจะช่วยทำให้การขายนั้นประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

6. ความถี่ที่มากพอ

ความถี่ในที่นี้ก็คือ Traffic ซึ่งในเชิงการโฆษณามันคือกระแสเลือดหลัก ถ้าไม่มีใครผ่านหน้าร้านของเราเลยก็คือจบครับ ดังนั้นคุณอาจจำเป็นต้องเลือกว่าจะสร้าง traffic แบบไหน ไม่ว่าจะเป็น paid traffic ด้วยการจ่ายเงินเพิ่มยอด traffic หรือ earn traffic โดยฝาก influencer เอาไปลงในช่องทางของพวกเขา

Content matrix เลือกสื่อที่เหมาะสมจะช่วยให้เราปิดยอดขายได้อย่างที่ต้องการ

เป้าหมายของการสร้าง sale content คือการเพิ่มยอดขาย แต่แนวทางใดที่เราจะใช้สร้างคอนเทนต์มีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้

แนว entertain

คอนเทนต์ในลักษณะนี้จะช่วยโน้มน้าม emotional เป็นการกระตุ้นอารมณ์ร่วมให้กับกลุ่มเป้าหมายช่วยสร้างการรับรู้ เช่นวิดีโอต่าง ๆ

แนว educate

คอนเทนต์แนวนี้จะแสดงความเชี่ยวชาญของตัวคุณโดยการให้ความรู้และสาระที่เป็นประโยชน์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย

 แนว inspire

เป็นคอนเทนต์แนวทางการรีวิวที่ทำให้คนตัดสินใจได้เพราะมีการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างภาพฝันให้กับกลุ่มเป้าหมาย

แนว convince

เป็นคอนเทนต์แนวโน้มน้าวหรืออาจจะเป็นพวก product feature เปรียบเทียบคุณสมบัติ หรือการเปรียบเทียบราคาที่ผู้สร้างมีการชี้นำให้กลุ่มเป้าหมายเลือกสินค้าชนิดที่ต้องการขาย

องค์ประกอบของ การเขียน Sales content คอนเทนต์ที่จะช่วยให้คุณสามารถปิดยอดขายได้อย่างที่ต้องการ

การสร้าง sale content ที่ดีจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญต่าง ๆที่จะช่วยให้การทำตอนเทนต์นั้นประสบความสำเร็จ โดยองค์ประกอบที่ว่ามีดังนี้

Pain: เปิดแผล

หน้าที่ของ sale content ที่ดีคือเปิดแผลบอกลูกค้าไปเลยว่าพวกเขากำลังมีปัญหาอะไรหรือเราช่วยแก้ปัญหาอะไรให้เขาได้บ้าง การเริ่มต้นด้วยการเปิดแผลนี้จะทำให้กลุ่มเป้าหมายเริ่มสนใจสินค้าของเราครับ

Agitated: ขยี้แผล

เมื่อเราเปิดปากแผลของกลุ่มเป้าหมายได้แล้วหน้าที่ต่อไปคือการขยี้ปากแผลให้มากขึ้น คุณต้องขยี้จนทำให้กลุ่มเป้าหมายนั้นเห็นภาพและรู้สึกว่าปัญหาที่ถูกเปิดแผลนั้นเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ การทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาเกิดความคล้อยตามและมีส่วนร่วมกับเรามากขึ้น

Solution: ทางออก

ขั้นตอนต่อไปคือคุณต้องบอกถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในส่วนนี้เกี่ยวข้องกับการขายโดยตรงครับ คุณต้องนำเสนอว่าสินค้าของคุณจะช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง จงพูดถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ โดยอาจพูดถึง feature ของสินค้าได้บ้างแต่ต้องให้น้ำหนักที่ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับมากกว่า

Comparison: เปรียบเทียบ

เป็นการนำเสนอสินค้าที่พูดในเชิงเปรียบเทียบสิ่งที่เรามีซึ่งคู่แข่งไม่มีและเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ในส่วนนี้เป็นเหมือนหมัดเด็ดที่จะทำให้คุณได้เปรียบคู่แข่ง สำหรับคนที่ทำคอนเทนต์เก่ง ๆก็มักจะไม่พลาดในส่วนนี้ครับ เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้ามักจะตั้งคำถามสินค้าว่าของคุณแตกต่างจากที่อื่นอย่างไร

Evidence: หลักฐาน

มีการแสดงหลักฐานที่น่าเชื่อถือเช่นการรีวิวผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้สินค้าว่าเป็นอย่างไร มีคำชื่นชมจากผู้ใช้งานจริง หรือมีใครบ้างที่ประสบความสำเร็จจากการใช้สินค้าชนิดนี้

Call to action: บอกให้เค้าทำอะไรต่อ

เมื่อลูกค้าสนใจจนอยากจะซื้อสินค้า คุณต้องมีช่องทางไปต่อให้พวกเขา โดยต้องบอกไปเลยว่าเขาจะต้องทำอย่างไรต่อ หรือจะซื้อสินค้าได้อย่างไร และถ้ามี promotion ดี ๆจะยิ่งเร่งการซื้อให้เร็วขึ้น

เมื่อมี Sales content ดี ๆแล้วก็อย่าลืมช่องทางไปต่ออย่าง Sale page

หลาย ๆคนที่สร้าง sale content ที่ดีจนดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้แล้วแต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในการปิดยอดขาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาทำ sale page ไม่ดีหรือไม่มีหน้า sale page ในการรองรับ traffic ที่เกิดขึ้นครับ Sale page แท้จริงแล้วก็คือหน้าเว็บไซต์ที่จะแสดงรายละเอียดที่น่าสนใจของสินค้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสั่งซื้อและนำไปสู่การปิดการขายในที่สุด หน้า sale page ที่ดีควรมีองค์ประกอบดังนี้

– เปิดประเด็นด้วยไฮไลท์ที่น่าสนใจ เช่นโปรโมชั่น หรือสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับที่ตรงกับความต้องการ

– มีจับเวลาถอยหลังเป็นหลักจิตวิทยาที่จะทำให้รู้สึกว่าไม่ควรพลาดโอกาสนี้ ซึ่งจะช่วยปิดการขายได้ไวขึ้น

– ระบุปัญหาที่ลูกค้าเจอเป็นข้อ ๆว่าเขามีปัญหาอะไรบ้าง

– มีภาพของปัญหาจะช่วยให้ลูกค้ามองเห็นปัญหาที่พวกเขามีได้ชัดเจนมากขึ้น

– มีรีวิวผลลัพธ์ว่าเมื่อใช้สินค้าแล้วจะมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างไรจะยิ่งช่วยกระตุ้นภาพฝันและกระตุ้นความอยากซื้อสินค้าได้มากขึ้น

– ระบุว่าใครที่เหมาะกับสินค้านี้

– บอกสรรพคุณ คุณประโยชน์ว่ามีคุณประโยชน์อะไรบ้าง

– สร้างความมั่นใจ เช่น ความปลอดภัย อย. ใบรับรองหรือมีเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยีที่มีกลไกการทำงานพิเศษอย่างไร

– บอกจุดเด่น จุดแข็งของสินค้าที่เหนือกว่าคู่แข่งอื่น

– สินค้ามีสารสกัดสำคัญหรือส่วนประกอบสำคัญอะไรบ้าง ให้ระวังคำต้องห้ามและควรพูดถึงสรรพคุณของสารสกัดที่เป็นความจริง

– ย้ำเตือนโปรโมชั่นอีกครั้ง

– มีภาพสื่อถึงการขายเช่นภาพการส่งสินค้าจะช่วยเสริมความมั่นใจสำหรับลูกค้าว่ามีการจัดส่งจริง ๆได้ของจริง ๆ

– Call to action บอกว่าลูกค้าจะต้องทำอย่างไรต่อจะกดสั่งซื้อเลยต้องทำอย่างไรหรือถ้าไม่สะดวกต้องมี contact line หรือเบอร์โทรเป็นระยะที่ต้องพร้อมรับเงินทุกช่องทาง

โดยการทำ sale page บนหน้าเว็บไซต์จำเป็นต้องมีการทำควบคู่ไปกับช่องทาง social media อื่น ๆ ครับ จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด หากมีแต่เพียงหน้าสื่อ social media เพียงอย่างเดียวการปิดยอดขายให้ประสบความสำเร็จก็อาจไม่เกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่นั่นเอง

การเขียน Sales content ที่ดีจึงเป็นคีย์เวิร์ดที่สำคัญต่อโอกาสในการปิดการขายของสินค้าครับ คุณจำเป็นต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่แพ้ขั้นตอนอื่น ๆในการทำการตลาดออนไลน์เลย เพราะ sale content ที่ดีจะเป็นเสมือนกระบอกเสียงที่นำเสนอสินค้าของคุณไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดและช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตได้อย่างที่คุณต้องการ