ถ้าแนวคิดผิดตั้งแต่ต้นก็ยากที่จะสำเร็จปัจจุบันผมเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ อยู่สามอย่าง ฟังดูดีนะครับแต่จริงๆแล้วที่อยู่ได้สบายๆมีเพียงตัวเดียวส่วนอีกสองตัวแค่ประคับประคอง
บางคนอาจคิดว่า ดีแล้วนี่ อย่างน้อยก็มีตัวที่อยู่ได้ แต่กว่าจะมีตัวที่อยู่ได้เรียกได้ว่าผมเจ็บ จน เจ๊งมาหลายตัวทีเดียว 555+
ทำมาหลายอย่างครับ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย ตัวที่อยู่ได้เนี่ยก็เป็นตัวที่ทำหลังสุด แต่ผลตอบรับดีกว่าธุรกิจสองตัวที่ทำมาก่อน นั่นสิเพราะอะไรนะ ผมลองคิดหลายตลบ
และเขียนมาเป็นข้อๆ ถึงกับอุทานกับตัวเองว่า “ตูน่าจะรู้มานานแล้ว”
1. ทำไปก่อนเดี๋ยวดีเอง
แรกๆผมต่อต้านพวกที่เอาแต่คิดแล้วไม่ทำมากๆเลยครับผมมองว่าพวกนี้มีแต่ทฤษฎี ไม่ยอมลงมือทำอะไรสักอย่าง ผมเชื่อมั่นว่าถ้าได้ลงมือทำอะไรไปแล้วละก็….เดี๋ยวก็จะดีเอง
แต่ผมถูกเพียงครึ่งเดียว….
การเริ่มต้นทำอะไรเป็นสิ่งที่ดีและต้องการ “ความกล้า”แต่ถ้าเริ่มโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่ศึกษาข้อดี ข้อเสีย ความน่าจะเป็นของธุรกิจเบื้องต้นผมว่านั่นน่าจะเป็น “ความโง่” มากกว่า “ความกล้า” มากกว่าครับผม
2.คิดใหญ่ทำใหญ่
เคยอ่านหนังสือ “คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก” ไหมครับ ผมนี่โคตรชอบ ทำอะไรคิดให้ใหญ่เข้าไว้จนเป็นนิสัย ลงทุนเช่าออฟฟิศดีๆ สต็อคของเต็มบ้าน จ้างคนออกแบบกราฟฟิกขั้นเทพราคาก็เทพๆทำให้ใหญ่เข้าไว้ทั้งหมด มีหมื่นลงหมื่นมีแสนลงแสน เรียกได้ว่าผมผลาญเงินเก็บก่อนลาออกซะเกลี้ยงเลย
หารู้ไม่ว่า….คิดใหญ่น่ะถูกแล้ว แต่เริ่มเล็กๆ (สิวะ!)เป้าที่ตั้งไว้ใหญ่สุดยอด แต่ตัวเรานั้นเล็กนิดเดียว ไม่ได้ว่า ว่าคิดใหญ่ผิด ไม่ได้ว่าว่าคุณทำไม่ได้ แต่เริ่มจากส่วนเล็กๆได้ไหม เพราะยังมีอีกหลายก้าวที่ต้องเดิน
ทำซะใหญ่ตั้งแต่ต้น ถ้าทุนไม่หนาพอ จะล้มเอาง่ายๆแบบที่ผมเคยเป็น
3.ทำแค่เป็นอาชีพเสริม
พอทำธุรกิจแบบผิดๆพังๆตัวแรกจบไป ตัวต่อมาเริ่มงบหมดละ จากเดิมที่คิดใหญ่ไว้ก่อน ก็เหลือแค่ทำเป็นอาชีพเสริมครับ…เพราะคิดว่าแค่ทำเสริมๆ รายได้แม่งก็เสริมๆ เนี่ยล่ะ ไปไหนไม่ไกลสักทีด้วยความที่ทำเหมือนข้อแรกที่ผมเคยทำ นั่นคือ….ทำไปก่อนเดี๋ยวดีเอง
มันเลยเป็นงานเสริมๆ ที่มีรายได้แค่เพียงเสริมๆเท่านั้นเอง
4.ทำสินค้าหรือบริการก่อนหาลูกค้า
พอคิดได้ว่าเอาใหม่ ต้องจริงจังละทำเสริมๆแม่งคงไม่รอด ว่าแล้วก็กลับไปคิดใหญ่โคตรๆอีกที คิดบริการ สินค้า ซะวิเศษเลิศเลอประหนึ่งให้เทวดาลงมา และเหมากลับสวรรค์ไป พร้อมคำพูดที่สวยหรูว่า
“(บริการหรือสินค้า) ของเจ้า ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ แล้วข้าจะพาเพื่อนกลับมาอุดหนุนเยอะๆนะ”
เหอะๆๆ…. ตลก… ความเป็นจริงคือ ผมทำบ้าอะไรไม่รู้ ที่ไม่มีใครต้องการเพราะผมคิด เอ๊ะ หรือมโนนะ ว่าลูกค้าจะชอบ ใส่มันเต็มที่ ทำมันเต็มที่
รู้มันทุกอย่าง ไม่รู้อย่างเดียวคือ “ไม่รู้จะขายใคร”
5.ทำเองทุกอย่างที่ขวางหน้า
คราวนี้เอาใหม่เริ่มใหม่อีกครั้ง ทีนี้ทำเองทุกอย่าง สากกระเบือยันเรือดำน้ำมันก็ดี….ประหยัด และ ควบคุมทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแต่อีกด้าน สำหรับเรื่องที่เราไม่ถนัดหรือไม่มีเวลาจริงๆมันใช้เวลามากกว่าที่คิด…. ไม่ใช่น้อยๆนะ แต่โคตรมาก
ตัวอย่างเช่น เขียนบทความดีๆสักบทเนี่ย แต่ก่อนผมเขียนทีนี่ มีแน่ๆ เกือบอาทิตย์ในขณะที่มืออาชีพเค้าอาจจะใช้แค่วันเดียว แล้วดันเขียนดีกว่าผมเยอะซะด้วยลองคิดดูสิครับว่าอะไรที่เราพอจะจ่ายงานออกไปได้บ้าง
บางทีคุณอาจจะเป็นพวก “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” อยู่นะครับ
6.รู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี
ข้อนี้อันตราย พอผมเริ่มทำธุรกิจได้พอเข้าที่เข้าทางกับเค้าบ้างได้จับเงินหลักแสนกับเค้าบ้าง…ก็เริ่มผยอง ประหนึ่งว่าข้าเก่ง แค่ไม่กี่วันก็เสกเงินแสนมาได้ละคิดว่ารู้ทุกอย่างแล้วไม่ต้องศึกษาอะไรอีกแต่เปล่าเลย ยิ่งคิดแบบนั้น ยิ่งโง่ต่ำตมยิ่งกว่าเดิม หลงมัวเมากับความสำเร็จชั่วคราว
เคยปรามาสคนทำธุรกิจรุ่นเก่าๆไว้ว่าไม่ยอมปรับตัว ไม่ยอมพัฒนา ….แต่ตัวเองก็เป็นเสียเอง
คิดได้แล้วอย่าหยุดศึกษา เมื่อไหร่ที่คิดว่ารู้หมดแล้ว เมื่อนั้นล่ะ หายนะกำลังมา
7.หาหุ้นส่วนชนิดเอาง่ายเข้าว่า
ธุรกิจทำคนเดียวนอกจากจะเหงาแล้ว มันยังโตยากอีกด้วยเลยมองหาหุ้นส่วนสักหน่อย เจอไอเอกนี่ล่ะ เพื่อนเรา ชวนมันสักหน่อยชวนปุ๊บมันก็ว่าดีนะ แต่ตูไม่รู้จะทำไรได้นะ
ไม่ต้องห่วงเพื่อน เด๋วทำตามตูเป๊ะๆ ตามนี้ ตูวางแนวทางให้หมดละ
ทำๆไป ชักเหนื่อยเว้ย ไมไอเอกไม่ค่อยทำอะไรเลยวะ ไปถามมันอีกทีดีกว่า
ตูทำงานประจำ ไม่ค่อยว่างว่ะ งั้นช่วยเรื่องเงินทุนตูบ้างดิ แค่ให้พอเดือนนี้ตูยังแย่เลยว่ะ
….. สรุปผิดที่ตูเองที่ชวนเมิง
8.ต้องลาออกมาทำเต็มตัวถึงจะดี
ไม่ได้ละ ถ้าจะเอาจริงต้องลาออกมาทำเต็มตัว!หลังจากอ่านหนังสือธุรกิจเล่มดังจบ อีกวันก็ลาออกมันเลยทีนี้มีเวลาว่างสมใจ ลุยธุรกิจเต็มตัว ยุ่งทั้งวันเลยครับ ทำงานหรอ… เปล่าหาเงินจ่ายค่ารถ ค่าบ้านสิ้นเดือนหัวปั่น
เพราะอะไรหรอ ก็เงินเดือนไม่มีแล้วนี่ดิ เงินจากธุรกิจก็ไม่พอมิหนำซ้ำลาออกมาเนี่ย แผนงานอะไรก็ยังไม่มี ลูกค้าก็ยังไม่ได้มากพอที่จะทำให้ยุ่ง
สงสัยตูจะเป็นโรคโง่ซับโง่ซ้อน
9.งานมาก่อนครอบครัวมาที่หลัง
ในวันที่ธุรกิจเริ่มไปได้สวย (ไอ้หนึ่งในสามของธุรกิจที่ผมบอกนั่นล่ะ) ลูกค้าโทรมา……ได้ครับผมยินดีครับท่าน ถึงไหนถึงกันครับ ว่าไปนั่นก็ไม่ได้ขนาดนั้น เอาความจริงคือ ทุกๆวินาทีคิดถึงแต่เรื่องธุรกิจ จะทำยังไงให้ขายดี จะทำยังไงให้ลูกค้าเยอะๆ
คิดแม่งทุกวัน คิดมันทุกเวลา จนลืมไปว่า
ที่ทำธุรกิจนี่ทำเพื่อเงิน แล้วหาเงินเนี่ย หาเพื่อใคร ลองคิดดูนะครับ
สรุป
9 แนวคิดผิดๆ ในการทำธุรกิจ ที่ผมไม่อยากให้คุณผิดตั้งแต่เริ่มต้น
ปล. คิดให้ชัวร์ก่อนเดินทางนี้นะครับ แถวนี้ถ้าไม่เจ๋งจริง สู้ชีวิตจริงนี่….. อยู่ยาก….
บทความโดย ผู้เข้ารับการอบรมโครงการ “เปลี่ยน Content ให้เป็นเงิน รุ่น 1”
คุณ ณัฏฐ์ วงศกรชัยโชค |
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME