ธุรกิจเกี่ยวกับความงามยังคงเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนมากที่สุดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีผู้คนจำนวนมากที่ต่างกระโดดเข้ามาเล่นในตลาดนี้ด้วยความที่มูลค่าตลาดมีมูลค่าสูง ใครทำได้แล้วรวยขึ้นผิดหูผิดตา

แต่ช้าก่อนนะซาร่า…. ธุรกิจมันไม่ใช่ว่าทำสำเร็จทุกคนไปนะ มันก็เหมือนกับธุรกิจอื่น ๆ ทั่วไป ทำ 100 สำเร็จถึง 10 หรือเปล่ายังไม่รู้ มีหลายเหตุผลที่คนเข้ามาแล้วทำธุรกิจนี้ไม่ค่อยสำเร็จเสียเท่าไหร่

วันนี้ผมขอยกประเด็นคำถามที่อยากให้คนที่สนใจธุรกิจเครื่องสำอาง อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ได้ลองถามตัวเองก่อนที่จะลงทุนเงิน (ไม่ว่าก้อนเล็กหรือก้อนโต) ถ้าตอบคำถามพื้นฐาน 5 ข้อนี้ได้โอกาสที่จะทำธุรกิจให้ตั้งไข่ขึ้นมาได้ก็พอมีหวัง แต่จะรุ่งหรือไม่นั้นมันต้องวัดกันอีกยาว หลายเรื่องเลยทีเดียว

 

1.ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจมีหรือยัง

อยากทำแบรนด์เครื่องสำอางเพราะเห็นเพื่อนทำแล้วรวยหรือเปล่า ? ถ้าเป็นประเด็นนี้ก็อยากให้ลงลึกในเรื่องของความรู้เกี่ยวกับธุรกิจนี้สักหน่อยก่อนที่จะลงทุน ดูประเภทครีม ความรู้เรื่องการตลาด การบริหารตัวแทน ฯ ธุรกิจนี้เข้าง่ายก็จริง แต่จะให้โตนั้นบอกได้เลยว่า “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” รอดักเราอยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน

ความรู้ไม่มีให้หาครับ จะลองลงมือทำได้ความรู้เป็นของตัวเอง หรือ หาคอร์สสัมมนา หาที่ปรึกษาธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางก่อนที่จะลงทุน หาที่ปรึกษาอย่าคิดแค่ “ไปขอความรู้ฟรี” คุณควรมีสินน้ำใจให้ค่าเหนื่อยค่าความรู้เขาบ้างนะครับ หรือหากเขารับผลิตเครื่องสำอาง ก็แนะนำว่าลงมือทำแบรนด์ไปกับเขานี่แหละครับ

2.ประสบการณ์ในทำธุรกิจมีบ้างไหม

                ถ้าไม่เคย “ขาย” อะไรมาก่อนเลยเป็นพวกประเภท “หน้าบาง” แต่อยากมีธุรกิจ แต่ “ขาย” ไม่เป็นอย่างนี้อย่าเพิ่งคิดทำแบรนด์ตัวเองเลยนะครับ ควรเริ่มจากการหา “ประสบการณ์” ด้วยการเป็น “ตัวแทนจำหน่าย” คนอื่นไปก่อน เลือกครีมที่ไม่ต้องถึงกับขายดีมาก ไปสมัครเป็นตัวแทนเขา เชื่อสิ !!! หาเราขายครีมพวกนี้ให้ขายดีขึ้นมาได้ เมื่อเรามีครีมเป็นแบรนด์ตัวเอง ก็ย่อมทำให้สินค้าเราขายดีได้อย่างแน่นอน

แต่หากไม่กล้าขาย ไม่อยากเป็นตัวแทน แต่มีเงินลงทุน ผมแนะนำตรง ๆ คือ “ทำใจ” นะครับว่าเงินนั้นอาจจะสูญไปอย่างแน่นอน มีเท่าไหร่หมดเท่านั้น

เริ่มจากเล็ก ๆ น้อย ๆ สะสมประสบการณ์ เมื่อแข็งแกร่งแล้วค่อยทำแบรนด์ตัวเองถึงตอนนั้นก็ยังไม่สายนะครับ

3.จะขายให้ใครใช้

            เป็นหลักพื้นฐานของการทำธุรกิจสินค้าของเราจะขายให้ใคร…ใครคือลูกค้าของเรา อย่าเอาแต่ไปท่องตำรานะครับว่า อายุ xx ปี รายได้ xx,xxx บาท เพศ z แค่นี้ยังไม่พอครับ

สิ่งที่เราต้องโฟกัสจริง ๆ คือ ปัญหาของเขา การเลือกซื้อสินค้าของเขา คนมีปัญหาสิว ก็ต้องดูว่าสิวแบบไหน สิวเพราะติดสตอร์รอย หรือ สิวฮอร์โมน อะไรก็ว่ากันไป

ต้องตีกรอบเลือกลูกค้าให้กลุ่มเล็กที่สุด ยิ่งจี๊ด จี้ตรงจุดปัญหาเขาได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่ธุรกิจเราจะไปได้ดีก็มีสูง

4.จะทำเครื่องสำอางแบบไหน

                หากเราไม่รู้ว่าจะขายใคร เราก็ไม่รู้เช่นกันว่าเราจะทำเครื่องสำอาง หรือครีมแก้ปัญหาอะไรให้กับลูกค้า มันพันกันไปหมด ครีมแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน

เราแทบจะไม่สามารถที่จะทำให้ครีม 1 กระปุกแก้ปัญหาได้ทุกอย่างเหมือนดังเช่นยาพารา ก็ทำได้แค่ปวดหัว ลดไข้ หนะหละครับ

ปัญหาผิวหน้าคนเรามันก็เหมือนเป็นโรค ป่วยไข้หนะแหละ จะให้ใช้แบบทีเดียวสยบทุกปัญหาคงยาก ดังนั้นคุณต้องเลือก !!!

เลือกตั้งแต่ลูกค้า เลือกชนิดครีม เลือกสารสกัดที่นำมาใช้ เลือกโรงงานผู้ผลิต ฯ ถ้าไม่เลือกก็ลำบากแน่นอน

5.วางแผนงบการเงินไว้อย่างไร

ทำแบรนด์เครื่องสำอางใช่เพียงแค่มีเงินสั่งโรงงานผลิตแล้วทุกอย่างจบ เพราะนั่นมันแค่จุดเริ่มต้นของ “ปัญหา” คือ ผลิตมาแล้วไม่รู้จะขายใคร แผนการตลาด งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ โปรโมทชั่นต่าง ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้วางเงินส่วนนี้ไว้ เป็นอย่างนี้มีเยอะมาก และที่เจ๊งก็เพราะเหตุผลนี่แหละ

ไม่วางแผนการตลาด แผนการเงิน แผนปฏิบัติการต่าง ๆ มีแค่เงินสั่งผลิตสินค้ามากองสต๊อกไว้เท่านั้น….

การเงินควรวางไว้อย่างน้อย 4 กองคือ

1.เงินส่วนของสินค้า 30%

2.เงินส่วนของบรรจุภัณฑ์ 30%

3.เงินส่วนการตลาด 30% (เป็นอย่างต่ำในช่วงเริ่มต้น)

4.เงินทุนสำรอง 10%

ถ้ากำหนดกรอบไว้อย่างนี้จะทำให้เราพอเห็นทิศทางของธุรกิจว่าต้องใช้งบใช้เงินเท่าไหร่ ถ้าไม่วางไว้เชื่อเถอะมี 100 หมด 300 อย่างแน่นอน แถมเป็นหนี้ไปอีกเกือบ 2 เท่าตัว

ทำแบรนด์เครื่องสำอางไม่ใช่เป็นเรื่องของการ “ทำเล่น ๆ “ มีโลโก้ติดสติกเกอร์แล้วจบ ตัวกำหนดความสำเร็จมันอยู่ที่การตลาด และ การตลาด…. แน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องของสายป่าน หากหางสั้นก็ลำบาก หางยาวก็ใช่ว่าจะดีไปหมด ทุกอย่างมันอยู่ที่การวางแผน ลงมือทำและปรับปรุงพัฒนา

สนับสนุนบทความโดย บ.ปันสวย จำกัด (www.punsuay.com) รับสมัครตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอาง รับผลิตแบรนด์เครื่องสำอาง Tel. 092-5454-054