“มาดามแป้งหรือคุณนวลพรรณ ล่ำซำ” คือนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งเกียรติประวัติของความสำเร็จนั้นเราสามารถมองเห็นได้ผ่านทุก ๆงานที่เธอเคยบริหารไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่วนตัวของตนเอง ธุรกิจประกันภัยของครอบครัวไปจนถึงบทบาทการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยซึ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่ประสบความสำเร็จแทบทั้งสิ้น แม้ว่าความสำเร็จเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การรถูกกล่าวถึงก็ตาม แต่กระนั้นสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าผลงานเหล่านี้ก็คือหลักคิดของการบริหารที่น่าสนใจ ว่ามาดามแป้งมีหลักคิดเช่นไรจึงทำให้เธอประสบความสำเร็จได้เช่นนี้ ในบทความนี้เราจะมาถอดรหัส 10 บทเรียนการบริหารที่น่าสนใจของมาดามแป้งให้ทุกท่านทราบกันว่า ปัจจัยความสำเร็จในสไตล์ของมาดามแป้งนั้นมีอะไรกันบ้าง
เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนมาก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจครอบครัว
มาดามแป้งมีชื่อจริงว่า “คุณนวลพรรณ ล่ำซำ” โดยเกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2509 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรสาวคนโตในบรรดาพี่น้อง 3 คนของคุณโพธิพงษ์ ล่ำซำและคุณยุพา ล่ำซำเจ้าของธุรกิจเมืองไทยประกันชีวิตและเมืองไทยประกันภัย โดยมาดามแป้งนับเป็นทายาทตระกูลล่ำซำรุ่นที่ 5 และยังมีศักดิ์เป็นหลานของคุณบัณฑูร ล่ำซำผู้บริหารธนาคารกสิกรไทย
ภายหลังจบการศึกษาระดับปริญญาโทที่บอสตัน มาดามแป้งกลับมาทำงานในตำแหน่งฝ่ายบริการลูกค้าบริษัทลินตาสจำกัด (ประเทศไทย) และเจ้าหน้าที่ฝ่ายวาณิชธนกิจบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ จำกัด (มหาชน) อยู่ช่วงหนึ่ง
สร้างธุรกิจตนเองก่อนเป็นผู้บริหารธุรกิจแสนล้าน
เส้นทางธุรกิจของมาดามแป้งก็ไม่ได้เริ่มต้นที่ธุรกิจของครอบครัว โดยจากความชอบของมาดามแป้งเกี่ยวกับสินค้าแบรนด์เนมทำให้มาดามแป้งตัดสินใจเปิดบริษัทเพื่อเป็นตัวแทนในการนำเข้าสินค้าแบรนด์เนม โดยในช่วงแรกมาดามแป้งต้องลงแรงอย่างหนักในการติดต่อกับแบรนด์สินค้าที่ต้องการและมาดามแป้งก็ทำสำเร็จกับการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Hermes ก่อนจะต่อยอดไปยังแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Emporio Armani, Tod’s, Rodo, Chole, Christofle และ Blumarine ภายใต้บริษัทวรรณมานี จำกัด และบริษัท ซังออนอเร่ (กรุงเทพ) จำกัด
กลับเข้าไปช่วยธุรกิจครอบครัวสู่การเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
การกลับเข้าไปช่วยงานธุรกิจของครอบครัวเริ่มต้นเมื่อคุณอาคือคุณภูมิชาย ล่ำซำและคุณยุติ ล่ำซำ ชักชวนให้เข้ามาบริหารงานด้านประกันภัยอันเป็นธุรกิจของครอบครัว ซึ่งมาดามแป้งก้าวเข้ามาในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการบริษัทเมืองไทยประกันภัย จำกัดก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเมืองไทยประกันภัย จำกัดในที่สุด
สำหรับหน้าที่การเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยเริ่มต้นในปี 2551 โดยการทาบทามของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยซึ่งมาดามแป้งเองก็ทำให้ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยมีผลงานที่โดดเด่นมาตลอดและสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าตั๋วฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกแม้ว่าทีมชาติไทยจะตกรอบแรกฟุตบอลโลกหญิงก็ตาม แต่ก็ถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ให้แก่วงการฟุตบอลไทยเป็นอย่างมาก จนกระทั่ง ในปี 2562 ภายหลังที่ทีมชาติไทยตกรอบแรกในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกซึ่งทีมชาติไทยได้ผ่านเข้ามาเล่นเป็นครั้งที่ 2 เป็นการยุติเส้นทางเกือบ 12 ปีของการเป็นผู้จัดการฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
ตำแหน่งหน้าที่ของมาดามแป้งในปัจจุบัน
– กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเมืองไทยประกันภัยจำกัด
– กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซังออนอเร่ (กรุงเทพ) จำกัด
– ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี
ถอดรหัส 10 บทเรียนบริหารธุรกิจในสไตล์มาดามแป้ง
1. มีใจรักในทุกสิ่งที่ทำผลลัพธ์ของงานจึงจะออกมาดี
สิ่งแรกที่มาดามแป้งเน้นย้ำเป็นพิเศษก็คือเมื่อคิดจะทำอะไรก็ตามจะต้องทำด้วยใจรักในสิ่งที่ทำ ผลลัพธ์ของงานจึงจะออกมาดี ซึ่งในชีวิตของมาดามแป้งเองทุกธุรกิจที่ทำก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ชอบไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแรกที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าแบรนด์หรู เพราะมาดามแป้งจะไม่เก่งในด้านภาษามากนักแต่เพราะใจรักที่จะทำ มาดามแป้งจึงทุ่มเทเต็มร้อยจนในที่สุดสิ่งที่ทำก็ประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการ เช่นเดียวกันกับธุรกิจประกันภัยที่มาดามแป้งต้องสานต่อธุรกิจของครอบครัวเองและรวมไปถึงการบริหารทีมฟุตบอล เพราะใจที่รักในสิ่งที่ทำจึงทำให้ทุกสิ่งที่ทำล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายของตัวมาดามแป้งเอง
2. ต้องสร้างความน่าเชื่อถือ มีจริยธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้
ในทุกธุรกิจที่มาดามแป้งทำความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่มาดามแป้งใส่ใจเป็นพิเศษ ยิ่งโดยเฉพาะกับธุรกิจประกันภัยที่มาดามแป้งช่วยสานต่อธุรกิจของครอบครัวอยู่นี้เอง มาดามแป้งมีหลักในการคิดเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยที่น่าสนใจก็คือ “การจะเป็นธุรกิจประกันภัยที่สมบูรณ์ ทางบริษัทหรือธุรกิจจะต้องมีจริยธรรม และมีความโปร่งใสในการทำงาน ซึ่งเป็นหลักการทำงานของพนักงานเมืองไทยประกันภัย และสิ่งนี้จะสะท้อนถึงความมั่นคงของบริษัท เพราะการที่ลูกค้าจะเลือกซื้อประกันกับบริษัทไหน ไม่ว่าจะเป็นประกันอัคคีภัย ประกันภัยทรัพย์สิน ประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ ก็จะต้องมีความเชื่อมั่นในบริษัทนั้น” และด้วยแนวคิดเช่นนี้เองไม่ว่ามาดามแป้งจะไปทำงานที่ภาคส่วนใดก็ตาม ทุกสิ่งที่ทำจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ไม่ต่างกับหลักการทำงานที่เมืองไทยประกันชีวิต
3. ให้ความสำคัญของการบริการของพนักงานมากกว่า AI
ในบริษัทเมืองไทยประกันภัยมาดามแป้งมีนโยบายที่ให้พนักงานทุกคนต้องให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าด้วยตนเองมาก่อน เพราะธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่ต้องการการพูดคุยและการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อประกอบการตัดสินใจของลูกค้า แม้ในปัจจุบันจะมีระบบ AI เข้ามาช่วยให้การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าง่ายขึ้นก็ตามแต่มาดามแป้งก็ยังต้องการให้พนักงานติดต่อสื่อสารโดยตรงกับลูกค้าอยู่ดี เพราะการสื่อสารในลักษณะนี้นอกจากจะเป็นการสื่อสารทางตรงและ real time มากกว่าก็ยังสร่างความประทับใจให้แก่ลูกค้ามากกว่าการใช้ AI
4. มีความจริงใจต่อลูกค้า
ความจริงใจต่อลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในธุรกิจประกันภัย เพราะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้คน ดังนั้นนโยบายหนึ่งที่มาดามแป้งนำมาใช้กับพนักงานของบริษัทก็คือการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับลูกค้าถึงลักษณะของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆของทางบริษัทรวมถึงความคุ้มครองที่ลูกค้าจะได้รับ โดยพนักงานจะต้องเป็นผู้ที่ให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจของลูกค้าอย่างตรงไปตรงมาและไม่พยายามยัดเยียดการขายให้แก่ลูกค้าโดยเด็ดขาด เพราะเมื่อลูกค้าเข้าใจและเห็นความสำคัญของการประกันภัยพวกเขาก็จะมาซื้อผลิตภัณฑ์กับทางบริษัทในที่สุด
5. ทุกวิกฤติที่เกิดขึ้นคือบทเรียนเสริมความแข็งแกร่ง
ใช่ว่าเส้นทางในการทำธุรกิจของมาดามแป้งจะราบเรียบและโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอ เพราะนับตั้งแต่ที่มาดามแป้งเริ่มทำธุรกิจทั้งของตนเอง หรือการเข้ามาสานต่อธุรกิจประกันภัยของครอบครัวรวมไปถึงการรับหน้าที่ในการบริหารทีมฟุตบอล ทุกสิ่งที่ทำล้วนแล้วแต่เคยประสบปัญหาด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งปัญหาที่หนักที่สุดเกิดขึ้นในปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยเผชิญหน้ากับวิกฤติมหาอุทกภัยเกือบทั้งประเทศ ปีนั้นเองเป็นปีที่ทำให้บริษัทเมืองไทยประกันภัยต้องจ่ายค่าสินไหมให้แก่ลูกค้านับหมื่นล้านบาท แต่ทว่าปัญหานี้ก็สามารถคลี่คลายได้อย่างรวดเร็วและทำให้บริษัทกลับมามีกำไรในปีถัดไปเช่นเดิม
6. พร้อมที่จะลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ตนเองไม่ถนัด
ความใจสู้เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติหนึ่งของมาดามแป้ง โดยทุกคนมักจะมีภาพจำของมาดามแป้งกับการเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกัน แต่เมื่อวันหนึ่งที่มีผู้ชักชวนให้มาดามแป้งเข้ามาทำทีมฟุตบอลอันเป็นสิ่งที่มาดามแป้งไม่มีความรู้ ไม่ถนัดและไม่เคยทำมาก่อนเลย มาดามแป้งใช้เวลาตัดสินใจไม่นานก่อนที่จะตกลงใจที่จะรับหน้าที่การเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ซึ่งมาดามแป้งเล่าว่าเธอต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลใหม่ทั้งหมด ทั้งวิธีการเล่น ศัพท์เฉพาะของฟุตบอล รวมถึงการทำงานว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะบริหารทีมฟุตบอลได้ สิ่งนี้ก็คือใจนักสู้ที่พร้อมจะลงมือทำสิ่งใหม่ ๆที่ตนเองไม่เคยทำมาก่อนของมาดามแป้ง และท้ายที่สุดผลจากความตั้งใจของเธอทำให้ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยสามารถผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ถึง 2 สมัย
7. ใจแลกใจถ้าอยากได้ใจลูกน้องก็จำเป็นต้องให้ใจเขาก่อน
ส่วนหนึ่งที่ทำให้มาดามแป้งประสบความสำเร็จในทุก ๆ ธุรกิจหรือหน้าที่รับผิดชอบก็คืออุปนิสัย “ใจแลกใจ” มาดามแป้งถือเสมอว่าพนักงานหรือลูกน้องทุกคนคือฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเดินหน้า ซึ่งหากพวกเขาสามารถให้ใจกับองค์กรได้ พวกเขาก็พร้อมจะถวายหัวทำงานให้กับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นหากผู้บริหารอยากให้ลูกน้องทำงานให้กับองค์กรเช่นนี้ก็จำเป็นที่จะต้องซื้อใจของลูกน้องให้ได้ และวิธีการที่ดีที่สุดก็คือการให้ใจกับพวกเขาอย่างเต็มที่ และเมื่อผู้บริหารให้ใจกับลูกน้อง ให้ความสำคัญกับพวกเขาในที่สุดพวกเขาก็จะให้ใจกลับมาเป็นสิ่งตอบแทน
8. ใช้คนให้ถูกกับงาน วางคนให้เหมาะสมตามความถนัด
ผู้บริหารที่มีความสามารถอาจไม่จำเป็นต้องเก่งกาจไปทุกด้าน แต่ความสามารถหนึ่งที่ผู้บริหารจำเป็นต้องมีคือการใช้คนให้ถูกกับงานหรือก็คือการวางคนให้เหมาะสมกับความรู้และความสามารถของพวกเขา ความสามารถเช่นนี้เราสามารถพบได้ในตัวของมาดามแป้งเช่นกัน และสิ่งนี้ได้แสดงออกอย่างเต็มที่ในช่วงที่มาดามแป้งบริหารทีมฟุตบอล เพราะมาดามแป้งไม่ได้มีความรู้ความสามารถในเรื่องของฟุตบอลมาตั้งแต่แรก แต่เพราะการใช้คนให้เหมาะสมกับงานนี้เองคือสิ่งที่ทำให้การทำทีมฟุตบอลของมาดามแป้งประสบความสำเร็จจนเป็นรูปธรรมอย่างที่เราเห็นกันในวันนี้
9. หากเราทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ ก็ยังเป็นสิ่งที่ยอมรับได้และย่อมดีกว่าการที่ไม่ทุมเทให้กับการทำงานจนทำให้งานที่ทำนั้นเสียหาย
สำหรับมาดามแป้งนั้น หากได้ลงมือทำสิ่งหนี่งสิ่งใดอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ผลลัพธ์นั้นก็ยังเป็นสิ่งที่มาดามแป้งยอมรับได้ เพราะแม้จะประสบความล้มเหลวเพียงใดหากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือประสบการณ์และองค์ความรู้ที่จะสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขให้งานต่อ ๆไปได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการได้ แต่หากเราไม่ทุ่มเทตั้งใจทำตั้งแต่แรกนอกจากงานชิ้นนั้นจะเสียหายแล้ว เราเองก้จะไม่ได้รับประสบการณ์หรือองค์ความรู้ใด ๆกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว
10. อย่าคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของความล้มเหลวครั้งใหม่
ข้อสุดท้ายที่มาดามแป้งมักจะเตือนใจตนเองอยู่เสมอและเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนควรจะท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจก็คือ อย่าได้คิดว่าตนเองหรือสิ่งที่ตนเองลงมือทำนั้นประสบความสำเร็จแล้วโดยเด็ดขาด เพราะผู้ที่มีความคิดเช่นนี้จะหยุดการพัฒนาตนเองไปโดยปริยายและนั่นย่อมหมายถึงว่าคุณกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงขาลงและท้ายที่สุดความสำเร็จที่เกิดขึ้นก็จะถูกแทนที่ด้วยความล้มเหลวและผลักให้คุณกลายเป็นอดีตที่รุ่งโรจน์ไปในที่สุด
บทเรียนทั้ง 10 ข้อของมาดามแป้งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจควรศึกษาและทำความเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยหลักคิดทั้ง 10 ประการนี้เองที่มีส่วนผลักดันให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆคนหนึ่งสามารถประสบความสำเร็จและก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME