ต้องยอมรับว่า Pop-up Store เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงมาก ๆ เลยทีเดียว โดยเราจะพบเห็นรูปแบบนี้มากขึ้น เรื่อย ๆ ซึ่งลักษณะของ Pop-up Store สไตล์จะเป็นแบบผลุบ ๆ โผล่ ๆ ตรงจุดนี้เองที่ทำให้เทรนด์นี้มีเสน่ห์น่าติดตามและมีคุณค่าในตัวเองมาก

 

Pop-up Store กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เป็นการใช้เวลาในช่วงสั้น ๆ ในการจัดกิจกรรม มีการตกแต่งตามคอนเซ็ปต์ให้เข้ากับแบรนด์  สถานที่จะไม่ตายตัวเน้นเลือกสถานที่แปลกใหม่ จุดเด่นคือสามารถย้ายไปตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้แบรนด์มีสีสัน มีชีวิตชีวาและสนุกสนาน ที่สำคัญลงทุนน้อย สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ให้ลองมาสัมผัสกับแบรนด์ของคุณ ด้วยเงื่อนไขของเวลาช่วงสั้น ๆ ที่จำกัด อาจจะ 1 – 3 เดือน เป็นต้น

 

สำหรับนักธุรกิจทุกท่านคงมองเห็นโอกาสนี้ ว่า Pop-up Store เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้ธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก และได้กลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ ๆ ได้ง่ายดายมากขึ้น… เห็นช่องทางกันแบบนี้แล้วจะเริ่มต้นยังไงดีนะ ดังนั้น วันนี้ผมเลยจะมาแนะนำขั้นตอนง่าย ๆ ในการเริ่มธุรกิจ Pop-up Store ตามงานแฟร์ มาฝากทุกท่านกันครับ

 

1.คัดเลือกงานแสดงสินค้า

ก่อนออกงานแสดงสินค้า ผู้ประกอบการต้องศึกษารายละเอียดของงานแสดงสินค้าให้แน่ชัดเสียก่อน  โดยเช็คว่าใครเป็นผู้จัดหางาน วัตถุประสงค์ของการจัดงานคืออะไร งานแสดงสินค้านั้นจัดมานานหรือยัง หรือเพิ่งจัดใหม่ รายละเอียดเหล่านี้มีความสำคัญอาจหมายถึงจำนวนผู้เข้าชมงานที่มีมากน้อยต่างกัน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่มไหน บูธมีการตกแต่งสวยงามเพียงใด สินค้าที่นำมาแสดงเป็นอย่างไร เมื่อทราบข้อมูลเหล่านี้แล้ว คุณจึงค่อยตัดสินใจจองบูธ

 

2.การเตรียมงาน

เมื่อคุณตัดสินใจจองบูธในงานแสดงสินค้าหรืองานแฟร์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมงาน ที่จะต้องมีความพร้อมโดยการจัดหาคนที่มีความสามารถพูดคุยหรือสื่อสารกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ต้องอย่าลืมว่าคนที่มาเยี่ยมชมงานมีทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ จึงต้องจัดหาคนที่เหมาะสม สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างเข้าใจ

 

3.เตรียมเครื่องมือประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า

การเตรียมเครื่องมือในการสื่อสาร อาทิ แคตตาล็อก ใบเสนอราคา โปรโมชั่นต่าง ๆ และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการรับจ่ายเงินจากลูกค้าทั้งรูปแบบของเงินสดและบัตรเครดิต เดี๋ยวนี้เราสามารถที่จะใช้มือถือแทนเครื่องรูดบัตรเครดิตได้ด้วย อย่าง Krungsri Quick Pay ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าซื้อง่าย ขายคล่องที่ สามารถให้บริการรับชำระค่าสินค้า และบริการด้วยบัตรเครดิต และเดบิต ผ่านสมาร์ทโฟน หรือ แท็ปเล็ต ได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชม ทำให้เพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น เพิ่มช่องทางในการชำระเงิน

 

4.ช่วงระหว่างออกงานแสดงสินค้า

ในช่วงนี้คุณควรเก็บข้อมูลที่น่าสนใจจากการเยี่ยมชมบูธของลูกค้าให้มากที่สุด โดยการเชิญชวนลูกค้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบูธ เพื่อแลกกับการเก็บข้อมูลลูกค้าซึ่งปัจจุบันการให้ลูกค้า เข้ามาเป็นติดตามธุรกิจของเราผ่านท่าน Line@ และ Facebook เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เราอาจจะทำกิจกรรม Like&Share เพื่อรับส่วนลดหรือของแถมอะไรต่าง ๆ นอกจากจะได้ข้อมูลลูกค้าแล้ว ยังเป็นการทำการตลาดประชาสัมพันธ์บนโลกออนไลน์ไปในตัวด้วย

5.หลังออกงานแสดงสินค้า

ควรมีการดำเนินงานที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจให้เป็นที่รู้จัก เช่น บอร์ดแคสข้อมูลโปรโมชั่นผ่าน Line@ , ส่งจดหมายขอบคุณลูกค้า หรืออีเมลล์ขอบคุณที่ลูกค้าแวะเยี่ยมชมบูธของเรา และควรทำสรุปข้อมูลของลูกค้าเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการออกงานครั้งต่อไป

 

5.สรุปผลลัพธ์ที่ได้จากการออกงานแต่ละครั้ง

การออกงานแต่ละครั้งย่อมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ มีข้อมูลมากมายที่คุณสามารถเก็บได้จากในงาน  คุณควรสรุปผลลัพธ์ว่าสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ ปัญหาที่พบเจอในการออกแสดงสินค้าในครั้งนี้ มีสิ่งใดที่ต้องปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในการออกงานครั้งต่อไปบ้าง อย่างนี้เป็นต้น

คงพอเห็นแนวทางในการผลักดันสินค้าของเราผ่านรูปแบบการทำการตลาดใหม่ ๆ ในโมเดลของ Pop-up Store ด้วยการเปิดตัวสินค้า โดยเน้นการเข้าถึงลูกค้า เพิ่มประสบการณ์การรับรู้สินค้าของแบรนด์ สร้างสีสัน การจดจำและสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกันนะครับ

การทำธุรกิจนั้นเราต้องทำตัว Dynamic หรือ ต้องมีการปรับเปลี่ยน ปรับปรุงพัฒนาอยู่ตลอดเวลา สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเรื่องของความรู้ในการพัฒนาธุรกิจก้าวกระโดดจากจุดหนึ่งไปยังจุดที่ดียิ่งขึ้น อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง เพราะหยุดเมื่อไหร่เท่ากับว่าธุรกิจเราก็นับถอยหลังรอวันเจ๊ง คุณสามารถอ่านบทความดีๆ เพิ่มเติมเพื่อเสริมความรู้ได้ที่ Krungsri Guru

 

https://youtu.be/pqrEjcFyfWo