หลายคนมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่แค่มีสินค้าหรือบริการที่ดี อาจไม่เพียงพอสำหรับการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ การที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำ สามารถแข่งขันกับคนอื่นได้นั้น ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่กระบวนการวางแผนไปจนถึงเมื่อแบรนด์ก้าวเข้าสู่ตลาด ยิ่งศึกษาวิเคราะห์ และเรียนรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจมากเท่านั้น เพราะการสร้างแบรนด์ไม่ง่ายอย่างที่คิด สำหรับมือใหม่หัดทำธุรกิจ อย่าเพิ่งทำแบรนด์เป็นของตัวเอง ถ้ายังไม่รู้เรื่องนี้

อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง หลายคนมักเริ่มจากการหาสินค้าที่อยากขาย จากนั้นไปติดต่อกับโรงงาน เพื่อดำเนินการผลิต ออกแบบบรรจุภัณฑ์ และงานเอกสารต่างๆ  เป็นอันว่าจบกระบวนการ มีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเองตามที่ตั้งใจ แต่ในความเป็นจริง การทำธุรกิจไม่ง่ายขนาดนั้น องค์ประกอบที่จะทำให้สินค้าขายได้ไม่ใช่เป็นแค่ตัวแบรนด์หรือตัวสินค้า แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ต้องรู้สิ่งนี้

1.ตัวสินค้า หรือบริการ ตอบโจทย์หรือเปล่า

ต้องมีสินค้าสำหรับการสร้างแบรนด์ตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก สินค้านั้นคืออะไร แนะนำให้เลือกสินค้าที่ชอบ หรือสนใจ รักที่จะทำ เช่น เป็นคนชอบดูแลตัวเอง ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวหน้า อยากสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง ก็ต้องลงลึกว่าอยากขายเครื่องสำอางประเภทไหน อยากให้ภาพลักษณ์ และสไตล์ของแบรนด์ออกมาแนวไหน ทิศทางใด เช่น เครื่องสำอางออร์แกนิค (Organic cosmetic) เครื่องสำอางวีแกน (Vegan cosmetic) หรือเวชสำอาง ก็ได้เช่นกัน  ที่สำคัญคือ ตัวสินค้าหรือการให้บริการของเราดีและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายหรือไม่ มีคุณสมบัติ หรือข้อดีอย่างไรที่ทำให้ลูกค้าสนใจ หาจุดยืนของแบรนด์ให้เจอ เพราะเป็นตัวกำหนดทิศทางในการทำธุรกิจ สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ ช่วยให้นำเสนอและสื่อสารได้ถูกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น มองเห็นทิศทางในการดำเนินธุรกิจได้ชัดเจน

2.กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร

เพราะเราไม่สามารถทำทุกสิ่งเพื่อทุกคน จึงต้องรู้ว่าสินค้าหรือบริการของเราสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างไร การจะสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว จำเป็นต้องรู้ว่า “ใครคือลูกค้าของเรา” หากสินค้าดี ภาพลักษณ์แบรนด์ดี แต่ไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย หรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายน้อยมาก แบรนด์ก็จะมีโอกาสเติบโตน้อยเช่นกัน การกำหนดกลุ่มเป้าหมายต้องรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับพวกเขาให้มากที่สุด เช่น อายุเท่าไหร่ ระดับรายได้ ชอบใช้เวลาว่างทำอะไร มีความสนใจในเรื่องใด พฤติกรรมการช้อปปิ้ง ไลฟ์สไตล์ เป็นต้น ยกตัวอย่าง อยากสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนตั้งแต่แรก ช่วยให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มนั้นได้จริงๆ ว่า ลูกค้ากำลังประสบปัญหาด้านใด กำลังมองหาผลิตภัณฑ์แบบไหนที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่าง หรือคาดหวังว่าจะได้รับอะไรจากการใช้สินค้า ก่อนสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง หากรู้จักกลุ่มเป้าหมายดีพอ ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ แต่ยังช่วยในเรื่องการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพอีกด้วย

3.วิธีและช่องทางทำการตลาด ที่จะนำสินค้าเราไปหาลูกค้า

“การตลาด” เปรียบเหมือนสะพานที่จะพาสินค้าไปหาลูกค้า ความผิดพลาดโดยส่วนใหญ่ของคนที่ไม่เคยทำธุรกิจ แต่อยากมีแบรนด์ของตัวเอง คือ ไม่เข้าใจลูกค้า และช่องทางการทำการตลาด อย่างงบประมาณที่ใช้ หลายคนทุ่มไปกับตัวสินค้า จนไม่เหลืองบสำหรับทำการตลาด กลายเป็นว่ามีสินค้าแต่ขายไม่ได้ เพราะลูกค้าไม่รู้จักแบรนด์ของเรา การตลาดจึงเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจต้องให้ความสำคัญเช่นกัน “แล้วจะทำการตลาดอย่างไรให้สินค้าขายได้”  การตลาดไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่ต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุดเช่นกัน ใช้ช่องทางการขายใดเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้า ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบไหน ที่จะสร้างโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าหรือใช้บริการแล้ว จะทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำ และรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

การทำการตลาดต้องตามเทรนด์อยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และอาศัยประสบการณ์ อาจเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่หัดทำธุรกิจ แต่ไม่ยากเกินที่จะเรียนรู้ แต่ก็มีวิธีที่ง่ายกว่านั้น สำหรับคนที่อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง สามารถลดความเสี่ยงได้โดยการเป็นตัวแทนสินค้า ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเมื่อสินค้าเกิดขายไม่ได้ ลองศึกษาการทำการตลาดผ่านการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า เลือกสินค้าที่เราสนใน หรือสินค้าที่ติดตลาด เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง อาหารเสริมฯ  การเป็นตัวแทนขายมีข้อดีตรงที่ ไม่ต้องลงทุนในการผลิตสินค้าเอง ช่วยประหยัดงบในการผลิตสินค้า ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูง ไม่ต้องเริ่มจาก 0 ก็ฝึกตัวเองให้เก่งได้ โดยส่วนใหญ่บริษัทที่รับตัวแทนจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนแบบสต็อกสินค้า หรือ ตัวแทนจำหน่ายแบบDropship มักจะมีการฝึกอบรมให้ความรู้ในเรื่องการทำการตลาด ทำให้รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร สินค้าแบบไหนที่ขายได้ ซึ่งช่วยประหยัดงบทางการตลาดได้เป็นจำนวนมาก

ความผิดพลาดของหลายคนที่ต้องการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ไม่มีความรู้ในการทำการตลาด ทำให้ผลิตสินค้าออกมาแล้วขายไม่ได้ แนะนำว่าก่อนมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง ควรเรียนรู้เรื่องลูกค้าและการตลาด ศึกษาวิธีทำการตลาดให้เชี่ยวชาญเสียก่อน สามารถเริ่มต้นเรียนรู้วิธีทำการตลาดด้วยการลองเป็น “ตัวแทนจำหน่าย” ให้กับสินค้าขายดี หรือ กำลังจะขายดี และต้องเป็นสินค้ามีคุณภาพ เลือกธุรกิจที่ให้ความรู้ด้านการตลาด หากเราขายสินค้าของคนอื่นได้ เมื่อถึงเวลาที่เรามีสินค้าเป็นของตัวเอง เราก็ขายได้เช่นกัน