800 กว่าวิดีโอ ยอดวิว เกือบ 70 ล้านครั้ง (ยอดการเข้าชม) ผู้ติดตาม กว่า 2 แสนคน (Subscribers)
แม้ไม่ใช่ตัวเลขที่มากมาย ถ้าเทียบกับระยะเวลา กว่า 3 ปีในการสะสม แต่เป็นผลงาน จากความพยายาม ความสม่ำเสมอ ของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่เริ่มต้นถ่ายวิดีโอแรกตั้งแต่อยู่ ป.4 ช่วยพ่อแม่ทำงาน สร้างรายได้ในยุคดิจิตอล ยุค 4.0 ยุคที่โซเซียลมีเดีย แทรกซึมถึงเตียงนอนทุกบ้าน
ผมกับลูกสาว สร้างแบรนด์สร้างรายได้จาก Youtube สไตล์พ่อลูก ได้อย่างไร (โดยมีคุณแม่เป็นกำลังสำคัญที่ขาดไม่ได้ คุณพี่ชายเป็นนักแสดงรับเชิญในบางวิดีโอ)
พอจะสรุปเล่าสู่กันฟังได้สัก 9 ข้อนะครับ
1.ทำวิดีโอให้คนดูฟรีบน YouTube แล้วรายได้มาจากไหน
แน่นอนว่า รายได้อันดับแรกของเหล่ายูทูปเบอร์ (Youtuber) ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นในบ้านเราหรือต่างประเทศ คือรายได้จาก Adsense โปรแกรมโฆษณาของ Google นั่นเอง โดยยูทูปจะจัดโฆษณามาแสดงบนวิดีโอของคุณ หลังจากสะสมยอดวิวของช่องครบ 1 หมื่น และได้รับอนุมัติให้เปิดสร้างรายได้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเราทำการอัพวิดีโอต่อเนื่อง ช่องเป็นที่รู้จัก แบรนด์หรือแนวทางของช่องชัดเจน สามารถสร้างผู้ติดตามได้จำนวนมากขึ้น ช่องทางการสร้างรายได้ก็จะมากขึ้นด้วย เช่น
- รายได้จากการรับรีวิวสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการต่างๆ
- รายได้จากการออกงานอีเวนท์
- รายได้จากการสอน เป็นวิทยากร หรืองานสัมมนา ถ้ามีกลุ่มคนที่สนใจเนื้อหาของคุณมากพอ
- รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ของคุณเอง ให้กับแฟนคลับหรือผู้ติดตาม เป็นอีกช่องทางสร้างรายได้ที่น่าสนใจ
2.ทำวิดีโอในเรื่องที่รักและมีความสุข
เพราะเราต้องอยู่กับมันอีกนานหลายสิบ หลายร้อยคลิปความสุขของผมอย่างหนึ่งคือ การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผมพอมีพื้นฐานงานออนไลน์อยู่บ้าง แต่หัวใจหลักของ YouTube คือ การถ่ายวิดีโอ การตัดต่อ ผมจำเป็นต้องหาเพิ่มเติม ก็อาศัยเรียนรู้จากคลิปใน YouTube เป็นหลัก
ส่วนลูกสาวก็แน่นอนครับ สิ่งที่เธอรักและมีความสุข ไม่ต้องเสียเวลาค้น พ่อกับแม่แค่ไปหาของเล่นและขนม ก็เพียงพอให้เริ่มงานได้แล้ว วิดีโอในช่องของเราจึงอัดแน่นไปด้วย รีวิวของเล่น ขนมไทย ขนมญี่ปุ่น รวมถึงไอติม
เป็นงานที่ความสุขมาก่อนรายได้จริงๆ
สำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าชอบ มีความสุขกับเรื่องใดมากที่สุด ก็ไม่ต้องจำเป็นต้องรอถึงคำตอบสุดท้ายนะครับ เลือกมาสักอย่าง ถ่ายวิดีโอ ตัดต่อ อัพโหลด ทำต่อเนื่องไปสักระยะ ก็จะชำนาญขึ้น รู้จักเรื่องนั้นๆมากขึ้น ถ้าสนุกกับมัน ผู้ชมตอบรับดี ยอดวิวมา ยอดสมาชิก (Subscriber) เพิ่ม ก็จัดหนักต่อไปครับ
แต่ถ้าพบว่า มีเรื่องอื่นๆที่สนุกและสนใจมากกว่า ก็ลองทำเรื่องนั้นมาใส่ในช่อง แล้วผู้ชมจะเป็นคนชี้เบาะแสให้เอง ว่าควรไปต่อหรือหยุด
3.ลงมือทำทันที แบบมือสมัครเล่น
คิดแล้วลงมือทำได้ทันที ข้อดีของงานนี้คือ พลาดได้ไม่เจ๊ง
แต่คิดนานไป ทิ้งไว้นาน ไฟจะมอด ความอยากจะหาย จะไม่ได้ทำครับ
ทำอย่างมือสมัครเล่น หมายความว่า ทำด้วยใจรักกันก่อนเลย ไม่ต้องกลัวความผิดพลาด (มันมีอยู่แล้วแน่นอน) ถ้างานเรายังไม่ดีพอ มันก็แค่ ไม่มีคนดู ยอดวิวน้อย รายได้น้อย หรือยังไม่เกิดรายได้ ซึ่งผมก็ยังเจอมันเป็นประจำครับ บางวิดีโอยอดวิวมา วิดีโอถัดไปยอดตกซะงั้น
วิธีแก้ไขดูข้อต่อไปเลยครับ
4.เรียนรู้ พัฒนา ปรับปรุง สู่มืออาชีพ
งานนี้วงจรการเรียนรู้สั้น ไม่ต้องใช้เวลานาน อัพโหลดวิดีโอขึ้นไปสักพัก ก็พอรู้แล้วว่าวิดีโอต่อไปต้องทำปรับปรุงอะไรบ้าง เรียนรู้ พัฒนาเนื้องานอย่างต่อเนื่อง
เมื่อลูกสาวเปลี่ยนจากเด็ก สู่วัยรุ่นตอนต้น ความสนใจก็เปลี่ยนแปลงไป มีผู้ติดตามกลุ่มใหม่ๆเพิ่มขึ้นมา ผมและลูกสาวก็ต้องพัฒนาอีกมาก ปรับเนื้อหาวิดีโอ ปรับปรุงการเล่าเรื่อง รูปแบบการตัดต่อ ใส่ลูกเล่นอะไรเพิ่มเติม เพื่อให้ตอบสนองผู้ติดตามของเราให้ดีที่สุด
5.จะเพิ่มจำนวนผู้ติดตามได้อย่างไร
ผมจำได้ว่า ผู้ติดตามในช่วงแรกๆ มาจากการเปิดตัวกับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง บอกให้รู้ว่าเรากำลังทำอะไร แชร์เรื่องราวในเฟสบุ๊ค ไลน์ บอกเล่าด้วยความสนุกครับ แต่ไม่ลืมย้ำว่า “กดติดตามด้วยนะจ้า” ถ้าใครกดติดตามไม่เป็น ก็เอามือถือเขามา แสดงให้ดูเลยครับ คุณจะได้ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นหนึ่งคนทันที แบบที่ผู้ติดตามไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว
นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นนะครับ จะได้ผู้ติดตามอย่างมากก็ไม่เกินหลักสิบหลักร้อย
สิ่งสำคัญที่สร้างผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ คือ ความสม่ำเสมอในการอัพโหลดวิดีโอ อาจจะเป็นทุกวัน ทุกสัปดาห์ ให้ผู้ชมรู้ว่าเขาจะได้ชมอีกเมื่อไร แต่ถ้าอัพเดือนละ 1-2 เรื่อง ก็อาจจะน้อยเกินไป เพื่อนของผมที่ขยันๆ อัพวิดีโอกันวันละ 2 เรื่องก็หลายช่อง แน่นอนครับ ยอดวิว ยอดผู้ติดตามมากกว่าผมหลายเท่าแล้ว (เรื่องรายได้ ยิ่งไม่ต้องคุยกันเลยทีเดียว ห่างกันเยอะ 555)
เคล็ดลับการเพิ่มจำนวนผู้ติดตามระดับแอดวานซ์ขั้นสุดยอดก็คือ การมีโอกาสถ่ายวิดีโอร่วมกับช่องที่มีผู้ติดตามมากๆ และอยู่ในสายหรือเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน จะเกิดการแลกเปลี่ยนผู้ติดตามซึ่งกันและกัน
6.วางเป้าหมายการทำงานให้สมดุลกับวิถีชีวิต
ระยะแรก ผมทำเพราะสนุกที่ได้เห็นผลงานของเราอยู่ใน YouTube ได้เห็นการตอบรับจากผู้ชม แต่พอเริ่มมีรายได้ ยอดวิวมากขึ้น ความอยากก็มากขึ้น อยากทำวิดีโอให้มากๆ อยากมีรายได้มากๆ อย่างรวดเร็ว ความเครียดจึงเข้ามาเยี่ยมทั้งพ่อทั้งลูก คุณแม่ก็มาช่วยเครียดด้วยอีกคน จนเราได้ทางออกสำหรับครอบครัวเราว่า
ทำเท่าที่ลูกสนุก ย้อนกลับไปหาความสุขตอนเริ่มต้น
ช่วงสำคัญ ที่ลูกต้องหาที่เรียนต่อพร้อมกันทั้งคู่ ลูกสาวเตรียมสอบเข้า ม.1 ลูกชายจบม.6 ต้องวุ่นวายกับการเข้ามหาวิทยาลัย เราก็ลดปริมาณการถ่ายคลิปของลูกลง มีคลิปของคุณแม่คุณพ่อเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า เราไม่ได้วางแผนสร้างแบรนด์ หรือสร้างตัวตนของคุณพ่อ คุณแม่มาอย่างต่อเนื่อง การตอบรับจึงไม่ดีนัก ซึ่งก็มีผลต่อช่องพอสมควร
ย้ำอีกครั้งนะครับว่า ความสมดุลตรงนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน เพื่อนๆผมหลายช่องมีความสุขและสนุกกับการทำงานที่มากกว่า จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า ก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีรายได้ ซื้อรถใหม่ ซื้อบ้านใหม่ เป็นตัวอย่างของความสำเร็จ และแนวทางให้ผมได้ศึกษาเช่นกัน
7.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเองทั้งพ่อและลูก
ทำงานแล้วต้องได้เพื่อน ได้สังคม ได้ประสบการณ์เพื่อพัฒนาตัวเอง วันที่ได้รับเชิญไปออกรายการมาโชว์คลิป ทางช่อง 7 ผมบอกว่าเหตุผลส่วนหนึ่งที่เริ่มทำคลิปคือ อยากให้ลูกสาวกล้าแสดงออก ได้ฝึกการพูดการเล่าเรื่องราว
ผ่านมา 800 กว่าคลิป ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้พอสมควร แต่ที่ได้เพิ่มเติมคือ ทั้งผมและลูกสาวได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนเก่งๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และล้ำค่ามาก
เพื่อนดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ต้องแลกกันด้วยความดี ความจริงใจ ความเสมอต้นเสมอปลาย เพราะหลายอย่างในชีวิต เราไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงินเพียงลำพัง
8.สร้างความจดจำ สร้างเอกลักษณ์ สร้างแบรนด์
การสร้างรายได้จากYoutube นอกเหนือจากการสร้างวิดีโอแล้ว การสร้างแบรนด์ มีเอกลักษณ์ ให้คนจดจำควบคู่ไปด้วย กลายเป็นสิ่งจำเป็น ยิ่งในปัจจุบันที่ผู้คนจำนวนมากเดินเข้าสู่ YouTube มีช่องหรือแชลแนลใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน
ช่องของคุณต้องมีความแตกต่าง ชัดเจน เพียงพอที่จะตอบสนองต่อผู้ชมกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ให้มาติดตามชมเป็นประจำ
มีเพื่อนในวงการท่านหนึ่งให้แนวคิดที่มีค่าไว้ว่า “เรากำลังสร้างเป็นทรัพย์สินไว้ให้ลูกนะพี่”
ผมไม่รู้ว่า ในวันข้างหน้า ลูกสาวอยากประกอบอาชีพอะไร เป้าหมายชีวิตเธอเป็นแบบไหน ถ้าเธอยังสนุกกับงาน YouTube เธอก็มาแตะมือพ่อ ต่อยอดจากที่ตัวเองสร้างมาแล้วได้ทันที
แต่ถ้าเธอมีความสุขกับงานอื่นๆ วิดีโอที่เธอทำไว้ใน YouTube และตัวเธอที่ถูกจดจำเป็นแบรนด์ๆหนึ่งไปแล้ว ก็ยังเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้เธอในอนาคตอีกด้วย
9.แบ่งปันความรู้
ก่อนหน้านี้ผมกังวลใจว่าตัวเองยังไม่เก่ง ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือสำเร็จมากพอในวงการนี้ ที่จะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้ แต่เมื่อผมมองในมุมกลับว่า
ประสบการณ์ความสำเร็จของเราในวันนี้ ไม่ว่ามากน้อยเพียงใด อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนได้ลงมือทำ เป็นจุดเริ่มต้นให้ก้าวสู่สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของเขาในวันข้างหน้า
ความผิดพลาดล้มเหลวของเรา ก็จะเป็นเหมือนป้ายเตือนภัยข้างทางให้เพื่อนๆที่กำลังเดินทางตามมาได้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น สำเร็จได้ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น
ผมเติบโตและเอาตัวรอดจากความผิดพลาดในหลายๆครั้งได้ ก็เพราะเพื่อนๆในวงการและผู้รู้หลายๆท่าน ได้แบ่งปันประสบการณ์ ทั้งโดยตรงและบอกเล่าผ่านสื่อต่างๆทิ้งไว้ให้ผมได้ศึกษาเรียนรู้
วันนี้เราหนีการเข้าถึงของโซเซียลมีเดียไม่พ้น โลกออนไลน์ ได้สร้างรายได้รูปแบบใหม่ๆ ในขณะเดี๋ยวกัน การสร้างรายได้แบบเดิมๆ หลายอย่างก็เริ่มหายไป หนีไม่พ้น ก็หันมาคบกับมันจริงๆจังๆสักตั้งดีมั้ย
ทำไม่เป็น ทำไม่ได้ ไม่เคยทำ
บอกเลย ไม่ต้องกลัว!! แหล่งความรู้ฟรีๆ บนอินเตอร์เน็ตมีอยู่มากมาย ขอเพียงคุณรู้ว่าอยากทำอะไร เรียนรู้ แล้วลงมือทำมัน จงเปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะถูกบังคับให้เปลี่ยน
รายได้สำหรับผมแล้วเป็นกำไรที่ได้มาฟรีๆ แต่ความสุข ความสนุก และการที่ได้เห็นลูกเติบโตขึ้น นี่ต่างหากคือความสุขของพ่อมดอย่างผม
บทความโดย ผู้เข้ารับการอบรมโครงการ “เปลี่ยน Content ให้เป็นเงิน รุ่น 1”
คุณ สมพงศ์ ค้าเจริญ (พ่อมด) |
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME