สัตว์เลี้ยงกับสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญในเชิงจิตใจ ความสัมพันธ์ มีหลายงานวิจัยออกมาสนับสนุนให้มีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนมากขึ้น เพราะสามารถลดความเครียดในมนุษย์ในสภาวะปัจจุบันได้

แต่หากมองในมุมของเรื่องธุรกิจ แน่นอนว่าย่อมแตกต่างกับส่วนของผู้บริโภคอย่างสิ้นเชิง ในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน กับสถานการณ์ของธุรกิจสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาล ร้านขายอาหารสัตว์ ร้านรับตัดแต่งขน โรงแรมรับฝากสัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งร้านขายสัตว์เลี้ยง ฯ ต่างก็ได้รับผลกระทบตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาในสภาวะโรคระบาด ไหนจะสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลหลายๆอย่างให้กับหลายธุรกิจไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นกัน

มีวิกฤต ก็ย่อมมีโอกาส หลายธุรกิจมีการปรับตัว เปลี่ยนแปลงเพื่อให้ธุรกิจของตัวเองนั้นอยู่รอดได้ จนกระทั่งเกิดเป็นเส้นทาง รวมไปถึงโอกาสใหม่ๆ ที่ทำให้เราขายดีได้ แม้ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังคงต้องการเพื่อน อย่างเจ้าสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ ธุรกิจก็ไม่มีวันล้มหายไปอย่างแน่นอน เพียงแต่เราต้องมีการปรับตัว เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ธุรกิจของเรารอด และมีกำไรได้นั่นเอง

ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ทำอย่างไรให้ขายดี เคล็ดลับขายดี ธุรกิจสัตว์เลี้ยง

1.การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ

การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยให้ธุรกิจของเรามีความทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายและกว้างขึ้นมาก สามารถทำให้ลูกค้าค้นหาร้านเจอได้ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงสามารถทำเป็นช่องทางโปรโมทร้านเพื่อทำให้เป็นที่รู้จักสำหรับลูกค้าใหม่ๆเพื่อขยายฐานจำนวนลูกค้าให้มาใช้บริการที่ร้านมากขึ้น เพิ่มยอดขายมากขึ้น โดยใช้การทำสื่อดีๆ โปรโมทให้ดึงดูด น่าเข้าร้าน น่ามาใช้บริการ และเมื่อลูกค้ามาใช้บริการแล้วชอบ ลูกค้าจะบอกต่อปากต่อปาก ซึ่งเป็นการตลาดแบบออแกนิคที่ทรงพลังมากที่สุด

2.การลดต้นทุน

การลดต้นทุน จะช่วยให้เรามีกำไรที่มากขึ้น ซึ่งการลดต้นทุนที่ดี ต้องเป็นการลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น โดยอาจจะเลือกเทคโนโลยีใหม่ๆ การปรับระบบรูปแบบของร้าน เพื่อที่จะสามารถลดต้นทุนได้โดยไม่ส่งผลกระทบด้านลบกับความพอใจของลูกค้า และจะเป็นเรื่องที่ดีมากหากสามารถลดต้นทุนโดยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้ เพราะจะเป็นการลดต้นทุนที่ส่งผลต่อยอดขายและกำไรที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว

3.การบริการหลังการขาย

การบริการหลังขาย จะช่วยเพิ่มความประทับใจ ความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรวางแผนให้ดี ว่าควรบริการหลังการขายอย่างไรให้ลูกค้าประทับใจในการมาใช้บริการที่ร้านและกลับมาใช้บริการซ้ำๆ จนเป็นลูกค้าประจำและแนะนำลูกค้าใหม่ๆ มาใช้บริการที่ร้านและกลายมาเป็นลูกค้าประจำเช่นเดียวกัน

4.การให้คำปรึกษาลูกค้า

การให้คำปรึกษาลูกค้า เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพให้กับร้าน ซึ่งส่งผลดีมากๆกับยอดขาย เพราะการเป็นมืออาชีพ ที่สามารถให้คำปรึกษากับลูกค้าได้ จะทำให้ลูกค้าไว้ใจและเชื่อใจให้ร้านของคุณดูแล เป็นการเพิ่มความประทับใจว่าร้านนี้สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี สามารถมาขอคำปรึกษาในการดูแลน้องๆ สัตว์เลี้ยงที่บ้านได้อย่างถูกต้อง สัตว์เลี้ยงแฮปปี้ เจ้าของแฮปปี้

5.การใช้สื่อออนไลน์เป็นสื่อหลัก

ในยุคปัจจุบัน เป็นยุคของโลกสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ผู้คนเชื่อมต่อ สื่อสารถึงกันด้วยโลกออนไลน์ รวมถึงร้านค้าและบริการต่างๆเช่นเดียวกัน การใช้สื่อออนไลน์ในการโปรโมท เชื่อมต่อ สื่อสารกับลูกค้า เป็นการทำให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายมากที่สุด เร็วที่สุดและสะดวกที่สุด สามารถเข้าถึงข้อมูลของธุรกิจได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ว่าร้านนี้อยู่ที่ไหน เปิดทำการกี่โมง บริเวณร้านเป็นอย่างไร ดูแล/บริการลูกค้าดีหรือไม่ รีวิวเป็นอย่างไร ซึ่งหากรีวิวดี ก็จะยิ่งส่งผลให้ร้านถูกบอกต่อ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆเข้ามาได้มากขึ้น จากการกดไลค์ กดแชร์ บอกต่อกันผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งการที่ลูกค้าบอกต่อกันเอง มีพลังมากกว่าการที่ร้านบอก 10 เท่า เพราะลูกค้าจะเชื่อลูกค้าด้วยกันเองมากกว่า ซึ่งในทางกลับกันหากร้านมีรีวิวที่ไม่ดี ก็จะส่งผลให้ลูกค้าแชร์บอกต่อกันไปในด้านลบอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ดังนั้นควรทำให้ดีตั้งแต่การทำสื่อลงโซเชียลมีเดีย การต้อนรับลูกค้า การบริการระหว่างขายและการบริการหลังการขาย เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของความประทับใจของลูกค้าและเพื่อยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นแบบมั่นคง

สำคัญมากๆ ในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจสัตว์เลี้ยง นอกเหนือจาก 5 ข้อนี้ก็คือต้องเป็นบุคคลที่รักสัตว์จริงๆ เพื่อที่จะทำธุรกิจได้อย่างสบายใจ มีความสุขกับธุรกิจที่ทำ ดูแลสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี เข้าใจธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงชนิดนั้นๆ มีความรู้อย่างถูกต้อง ไม่ฉาบฉวยเพื่อดำเนินธุรกิจไปได้อย่างยืนยาว สัตว์เลี้ยงรัก ลูกค้าไว้ใจ

ธุรกิจอยู่ได้ แฮปปี้ มีความสุข วิน-วิน ทุกฝ่าย ยอดขายเจริญรุ่งเรือง