ข้าวยำเจ็ดสี ข้าวเป็นเม็ดอร่อย ไม่เหนียว ข้าวสีม่วงหุงใส่น้ำดอกอัญชัน ข้าวสีเหลืองจากขมิ้น พร้อมเครื่องเคียงหลากสีสัน กุ้งแห้งป่นไม่เค็มจนเกินไปอร่อยกำลังพอดี มะพร้าวคั่วเพิ่มความหอมอร่อย ทานคู่กับผักนาๆ ชนิด

ผมมีโอกาสได้กลับไปเที่ยวบ้านเกิดจังหวัดสงขลา ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา แวะกินแวะเที่ยวตลอดทาง และมีอยู่สถานที่หนึ่งครับที่อยากนำมาแนะนำเพื่อนๆ ชาวเถ้าแก่ใหม่ ใครที่มีโอกาสแวะมาเที่ยวสงขลา หรือ อยู่ในจังหวัดสงขลาหรือใกล้เคียง ได้มีโอกาสแวะมาลองทานอาหารพื้นบ้าน ฟิวชั่น ในสไตล์ของ ทุ่งนาหว่าน ครับ

ร้านทุ่งนาหว่าน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านทุ่งนาหว่าน อ.นาหม่อม จ.สงขลาครับ เข้ามาจากถนนสายใหม่หาดใหญ่-จะนะ เลี้ยวซ้ายตรงแยกไฟแดงบ้านนาหม่อม เข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตรเท่านั้นเองครับ

เข้ามาเจอร้านเล็ก ๆ แบบชิล ๆ ครับ พ่อครัวที่นี่เป็นกันเองครับ อดีตเป็นผู้บริหารของบริษัทด้านสื่อสารโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่งครับ คุณเอ (เพื่อนผมตั้งแต่เรียน ปวช. มาด้วยกัน) บัณฑิต ปัญจาระ เล่าให้ฟังว่า ออกจากงานในกรุงเทพฯ มาร่วม 2 ปีแล้ว ทิ้งหน้าที่การงาน การเงินที่ดีมาก มาที่บ้านเพราะกลับมาดูแลแม่ที่บ้านเกิด เลยหาช่องทางในการที่จะสร้างรายได้เชิงประยุกต์กับภาคเกษตร และวิถึชุมชน

ปกติเป็นคนชอบทำอาหาร เข้าครัวเป็นประจำ จึงเริ่มจากการทำอาหาร เช้า นำอาหารพื้นบ้านมาทำให้น่ากินมากยิ่งขึ้นเป็น ข้าวยำเจ็ดสี ฟิวชั่นด้วยอาหารจีน ติ่มซำ ข้าวต้ม ตามด้วย กาแฟสด ให้ทานดื่มกันนำใจ ในราคาแบบบ้านๆ

ตื่นตีสี่ตระเตรียมอาหาร รอรับชาวปั่นจักรยาน และเพื่อนบ้านมาเปิดสภากาแฟ

ทำร้านอาหารเล็ก ๆ แม้ไม่ต้องเตรียมอะไรมากนัก แต่ก็ต้องตื่นแต่เช้า เพราะอาหารเป็นอาหารเช้า จึงต้องตื่นมาตระเตรียมตั้งแต่ประมาณตีสี่ของทุกๆ วัน หุงข้าว หั่นผัก เตรียมเครื่องเคียง ต่างๆ กว่าจะเสร็จก็ช่วงฟ้าสางพอดี

ลูกค้ากลุ่มแรก ๆ ก็จะเป็นกลุ่มปั่นจักรยานที่แวะมาพัก นั่งทาน นั่งคุย เป็นสภากาแฟ ได้มาแลกเปลี่ยนมุมมองต่างๆ กันที่ดี

นอกจากชาวปั่นจักรยาน ก็ยังมีคนในชุมชน บ้านทุ่งนาหว่าน และใกล้เคียง แวะมาอุดหนุนแบบไม่ขาดสาย สัก 10 โมงเศษ ๆ อาหารก็หมด เก็บร้าน 11 โมง – เที่ยงก็พักผ่อนนิดหน่อยก่อนเข้าสวนเกษตรผสม

เมนูแนะนำ

ผมต้องบอกว่าแม้เมนูอาหารที่นี่ไม่ได้มีมาก แต่ความพิถีพิถันในการทำอาหารนี่เกินราคาที่จ่ายแน่นอน ไม่ได้ยกยอปอปั้นเพราะว่าเจ้าของร้านเป็นเพื่อนกันแต่อย่างใดนะครับ อยากให้คุณๆ ได้ลองมาเห็นและลองทานกันเอง แล้วจะพูดว่า ทำไมราคาเท่านี้

ข้าวยำเจ็ดสี ข้าวเป็นเม็ดอร่อย ไม่เหนียว ข้าวสีม่วงหุงใส่น้ำดอกอัญชัน ข้าวสีเหลืองจากขมิ้น พร้อมเครื่องเคียงหลากสีสัน กุ้งแห้งป่นไม่เค็มจนเกินไปอร่อยกำลังพอดี มะพร้าวคั่วเพิ่มความหอมอร่อย ทานคู่กับผักนาๆ ชนิด ราดด้วยน้ำเคย (น้ำราดข้าวยำ) ที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านเพราะพ่อครัวได้สูตรมาตั้งแต่สมัยคุณยาย คลุกกันให้นัวเข้าที่ ตักข้าวเข้าปากพร้อมกับไข่ต้ม อร่อยจนคิดถึงบ้านเกิดเลยทันทีครับ เมนูนี้นอกจากความอร่อยแล้วยังได้ในเรื่องสุขภาพด้วยนะครับ

เห็นครบเครื่องอย่างนี้ จัดจานยังกับภัตตาคาร หลายคนอาจจะคิดว่าราคาหลักร้อย แต่แค่ 25-30 บาทเท่านั้นเองนะครับ ( เอาจริงๆ ถ้าให้จ่ายหลักร้อยก็ยอมจ่ายนะครับ )

ติ่มซำ อุ่นร้อน ๆ ทานคู่กับน้ำซอส ก็เป็นอีก 1 เมนู ยามเช้าของชาวปักษ์ใต้ ที่ตอนเช้าเปิดสภากาแฟต้องมีติ่มซำซักสองสามถาด ทานคู่กับน้ำชากาแฟ ติ่มซำที่นี่จัดจานได้น่าทานมากครับ รสชาติก็อร่อยครับ ทานคู่กาแฟร้อน ๆ ฟิลเลยทีเดียวครับ ส่วนใครที่ต้องการหนักขึ้นมานิด ก็มีข้าวต้มร้อน ๆ พร้อมเสริฟให้ได้ฟิลกันไปครับ

ตบท้าย กาแฟสด รสกำลังพอดี ตามวิถีบ้าน ๆ ประยุกต์จะเป็นแบบร้อน หรือแบบเย็นก็มีพร้อมครับ นั่งคุยกันไปจิบกาแฟไปสบายใจครับ สูดอาหารบริสุทธิ์ ดูวิถีชุมชน กาแฟหมดล้างคอด้วยน้ำชาร้อน ๆ สุขต่อไปได้ทั้งวัน

ชวนแวะดูสวนเกษตรประยุกต์

ด้วยความที่เป็นเพื่อนกัน ผมจึงอยากขอเข้าไปดูสวน เพราะเห็นเพื่อนโพสตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็นสวนยางที่นำมาทำเป็น “สวนสนุกส์” หรือ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นกิจกรรมยามว่างจากงานอาหารมาสานต่อเจตนารม และ เดินตามพระราชดำรัส ร.๙ เรื่องไร่นาสวนผสม และวิถีชีวิตแบบพอเพียง

งานนี้เพื่อนเอ ซิ่งพ่วงข้างนำเที่ยว พาเข้าสวนชมสวนสาหนุก กันแบบเปิดประทุน เด็กๆ ชอบกันใหญ่เลย

นำร่องระหว่างสวนยางมาทำเป็นสวนสนุก (คือสนุกที่จะทำ ทำให้มันสนุก) ทำเป็นฟาร์มเห็ดบ้าง ลองเลี้ยงไส้เดือนบ้าง ปลูกผักเหรียง (ผักกินใบ มักนำมาผัดกับไข่ อร่อยอย่างบอกใครเลย) ทั้งสับปะรด ไม้ไผ่ ไม้เลื้อยต่างๆ ยังมีส่วนของเลี้ยงปลากัดไว้ขยายพันธุ์ บ่อทดลองเลี้ยงกุ้งก้ามแดงมีทั้งพ่อพันธ์แม่พันธ์ ออกลูกมามากมาย

เพื่อนเอ พาผมและลูก ๆ เดินชมสวนสาหนุก ราว ๆ สักชั่วโมง เด็กๆ ชอบมาก คราวหน้ากลับปักษ์ใต้ สถานที่นี้ก็เป็นอีก 1 เป้าหมายที่จะต้องแวะมานั่งดื่มกาแฟ ทานข้าวยำ ให้หนำใจครับ

เห็นเพื่อนมีความสุข ผมเองก็มีความสุข และแอบอิจฉาอยู่ลึกๆ (ฮาๆ ) ได้เปลยวนสักเปล มาผูกติดระหว่างต้นยางนอนเล่นช่วงบ่ายๆ หลังว่าจากงาน ชมเสียงต้นไผ่เสียงสีกันเบา ๆ ลมพัดให้ใบยางพลิ้วไหว เย็นสบายกว่านอนตากแอร์อยู่ในห้องอุดอู้เป็นไหนๆ

เสร็จสรรพวันนั้นผมได้ของฝากเป็นสับปะรด พร้อมกับผ้าขาวม้า ที่ผูกเอว เป็นสัญลักษณ์ของพ่อครัวบ้านทุ่งนาหว่านแห่งนี้ครับ ไว้เช็ดมือ เช็ดหน้า เช็ดเหงื่อ แถมขนมคางคุ้งทอดมาอีกสองห่อ

ใครอยากฟิลแบบผม อยากได้ทานอาหารพร้อมพูดคุยกับพ่อครัวผู้มากความรู้ในทางวิศวะ บริหาร ที่กำลังสร้างวิถีชีวิตสู่การก้าวเป็นปราชญ์ชาวบ้านในอนาคต เชิญแวะเวียนมาที่ร้านทุ่งนาหว่านครับ บอกว่ารู้มาจากเถ้าแก่ใหม่เจ้าของร้านบอกเลี้ยงน้ำแข็งฟรี (ฮาๆ)

 

ข้อมูลติดต่อ

แฟนเพจ ทุ่งนาหว่าน >>  https://www.facebook.com/Thoongnawhan