ท่องเที่ยวขานรับจีนเปิดประเทศ 8 ม.ค. 66 สนับสนุนปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวจีนแบบไม่มีเงื่อนไข
นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ระบุ การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทย ควรปฏิบัติเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาติอื่น ไม่ควรตั้งเงื่อนไขใด เพื่อสร้างบรรยากาศการต้อนรับที่ดี ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับเอเจนซี่ท่องเที่ยวชาวจีนพบว่ายังรอนโยบายของทางการจีนอนุญาตให้บริษัททัวร์สามารถดำเนินการได้ก่อน ซึ่งขณะนี้ยืนยันว่าเป็นเพียงการเปิดให้คนจีนต่อพาสปอร์ต คาดว่านักท่องเที่ยวจะสามารถทยอยเดินทางมาเที่ยวไทยได้ช่วงหลังตรุษจีนปีนี้
โดยเชื่อว่ากลุ่มแรกที่จะมาได้คือกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความคล่องตัวในการเดินทางสามารถทำเอกสารได้เร็วและเป็นกลุ่มคนที่ติดโควิด-19 มาแล้ว ในช่วงแรกกลุ่มนี้จะยังมีกำลังจับจ่ายในการท่องเที่ยว แต่ยอมรับว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลกซึ่งกระทบต่อจีดีพีจีนให้เหลือแค่ 4% อาจทำให้กำลังซื้อและการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวจีนในระยะยาวลดลงได้ โดยปกติก่อนโควิด-19 ระบาดนักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายราว 50,000 บาท ต่อคนต่อทริป 7 วัน
ทั้งนี้ ขอให้พิจารณาเพิ่มสล็อตเที่ยวบินเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนในอนาคต ซึ่งจากการพูดคุยกับเอเจนซี่ท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่กล้าจัดทริปเที่ยวบินตรง หรือ ชาเตอร์ไฟลท์มาไทยเพราะยังเสี่ยงและไม่คุ้มทุน
ด้านประธานที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ระบุ เงื่อนไขการกำหนดให้นักท่องเที่ยวจีนต้องตรวจโควิดก่อนเข้าประเทศไทยเป็นข้อเดียวที่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าสร้างความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวจีน ส่วนข้ออื่นเห็นด้วยโดยเฉพาะการทำประกันโควิดซึ่งน่าจะผลักดันให้กำหนดเป็นเกณฑ์ระยะยาวและมีผลต่อนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่เข้ามายังไทยด้วย
ขณะเดียวกันอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องปรับปรุงการบริหารจัดการภายในท่าอากาศยานต่างๆ ให้เกิดความคล่องตัวในการเดินทาง เช่น การรับสัมภาระและการตรวจเอกสารตรวจคนเข้าเมือง และที่สำคัญคือการอำนวยความสะดวกการตรวจ RT-PCR ล่วงหน้า 48 ชั่วโมง สำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศจีนในราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสม ซึ่งที่ภูเก็ตผู้ประกอบการได้จัดทำเป็น package เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวไม่เฉพาะทางอากาศเท่านั้นแต่ทางรถไฟจีนลาว ผ่านคุนหมิงหนองคาย ก็เป็นอีกช่องทางที่นักท่องเที่ยวนิยมมากขึ้น นอกจากนี้ มองว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาประเทศไทย ไม่ส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่มาเที่ยวไทยอย่างที่หลายฝ่ายกังวล
ด้านนายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย วิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ ระบุ มัคคุเทศก์ภาษาจีนที่เป็นคนไทยแท้และลงทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งมีอยู่ราว 5,000 คน มีความพร้อมที่จะกลับมาเข้าทำงานหากนักท่องเที่ยวจีนกลับเข้ามา อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งประเทศไทยเริ่มมีการผ่อนคลายก็มีนักท่องเที่ยวชาวจีน กลุ่มไต้หวัน สิงคโปร์ แบบเดินทางด้วยตัวเองหรือเป็นกลุ่มเล็ก มาท่องเที่ยวประเทศไทยบ้างแล้ว
ทั้งนี้ มองว่าปัญหาทัวร์จีนศูนย์เหรียญในช่วงแรกคงจะยังไม่มีและถือว่าเป็นโอกาสให้มัคคุเทศก์ภาษาจีนซึ่งเป็นไทยแท้ ได้ประโยชน์จากการทำอาชีพโดยตรง ส่วนการกำหนดเงื่อนไขการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติเพราะจีนเองก็มีข้อกำหนดของตนเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม มาตรการต่างๆ ต้องสมดุลไม่ให้กระทบกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย
แหล่งข้อมูล https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1046263
ความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับตัวและการรับมือกับนักท่องเที่ยวจีนตามนโยบายเปิดประเทศของจีนเปิดประเทศ 8 ม.ค. 66
นโยบายการเปิดประเทศของจีนเป็นทั้งข่าวดี และข่าวร้าย ข่าวดี คือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และสาขาบริการที่เกี่ยวข้องจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แรงงานที่ตกงานจะกลับมามีงานทำและมีรายได้อีกครั้ง อัตราการเติบโตของจีดีพีในปี 2566 อาจเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมของหน่วยงานต่างๆ (2.7%-4.0%) อีก 1%-1.5% หากมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30%- 40% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เคยพุ่งสูงสุดถึง 11.14 ล้านคนในปี 2562 (หรือ 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ) และมีรายรับจากนักท่องเที่ยวจีน 5.3 แสนล้านบาท (ประมาณ 27.3% รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ) แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะตัดสินใจเข้ามาเที่ยวไทยในปี 2566 จะขึ้นกับปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านเที่ยวบิน ความพร้อมของบริษัททัวร์ในจีน(ที่น่าจะปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก) การต่อหนังสือเดินทางที่หมดอายุหรือการออกหนังสือเดินทางของหน่วยงานราขการจีน ฯลฯ แม้จะมีข้อจำกัดในระยะแรก ผู้เขียนคาดว่าตลอดปีน่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนไม่ต่ำกว่า 20% หรืออาจสูงถึง 40% ของยอดนักท่องเที่ยวจีนในปี 2562 ถ้าหากไม่มีปัจจัยทางลบที่รุนแรง
ข่าวร้าย คือ อาจเกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่ เพราะคนจีนมิได้ฉีดวัคซีน mRNA และผู้สูงอายุส่วนใหญ่ก็มีอัตราฉีดวัคซีนต่ำมาก รวมทั้งข้อกังวลจากนานาชาติและ WHO เรื่องการเปิดเผยข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด และไม่มีข้อมูลชนิดของสายพันธุ์โควิดที่กำลังระบาดในหมู่คนจีน
ความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดโควิดระลอกใหม่
หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศเปิดเสรีให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ หลายประเทศที่กังวลเรื่องข้อมูลจำนวนผู้ติดโควิดในประเทศจีน และสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในประเทศจีน ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขการเดินทางของคนจีนเข้าประเทศว่าจะต้องมีผลทดสอบโควิดเป็นหลักฐาน ได้แก่ อิตาลี สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฯลฯ
แต่สำหรับประเทศไทย ภาครัฐและเอกชนส่วนใหญ่คงต้องการเปิดเสรีให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยว เพื่อผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและการมีงานทำ อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะหลั่งไหลเข้าประเทศตั้งแต่ช่วงตรุษจีน อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่ ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ด้วยเหตุผลที่กล่าวถึงแล้ว
แม้จะมีข่าวรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขได้เชิญผู้เกี่ยวข้องจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวฯและกระทรวงคมนาคมร่วมประชุมหารือด่วน โดยคาดว่าจะมีมาตรการรับมืออย่างน้อย 4 มาตรการ ได้แก่ การกำหนดให้ผู้ดินทางเข้าไทยทุกคนต้องฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 2 เข็ม ผู้เดินทางจากจีนต้องมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโควิด และมีผลตรวจ ATK ก่อนเดินทางถึงไทย 48 ชั่วโมง รวมทั้งขอความร่วมมือเรื่องมาตรการป้องกันโรค เช่นการสวมหน้ากากาในที่ชุมชน แต่หลายประเทศ รวมทั้งองค์การอนามัยโลกยังไม่ไว้วางใจในข้อมูลของจีน และกำลังเรียกร้องขอให้รัฐบาลจีนเปิดเผยข้อมูลเพิ่มขึ้น
ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท รัฐบาลไทยโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณะสุขควรเร่งดำเนินการดังต่อไปนี้ (ก) กระทรวงสาธารณสุขควรจัดเตรียมความพร้อมเรื่องบุคลากร อุปกรณ์การแพทย์ ยารักษาโรค และสถานพยาบาล รวมทั้งโรงพยาบาลสนาม ไว้ล่วงหน้า เพราะไม่มีใครมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าคนจีนติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อะไร มีความรุนแรง และความรวดเร็วของการระบาดเพียงไร
(ข) กระทรวงต่างประเทศควรขอความร่วมมือเรื่องข้อมูลจำนวนผู้ติดโควิดและสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในจีนจากรัฐบาลจีน เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนรับมือ แม้จะมีการให้สัมภาษณ์ของนายแพทย์ที่เกี่ยวข้องว่าสายพันธุ์โควิดที่ระบาดในจีนจะเป็นเคยระบาดในไทยมาก่อน แต่ดังที่กล่าวแล้วว่าองค์การอนามัยโลกยังเรียกร้องขอข้อมูลเพิ่มเติมและความร่วมมือบางด้านจากรัฐบาลจีน
(ค) รัฐบาลควรเร่งพิจารณาจัดเก็บ “ค่าธรรมเนียมพิเศษเพื่อลดความเสียหายจากโควิด” จากนักท่องเที่ยวทุกชาติที่เดินทางเข้าประเทศ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่ต้องมีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโควิด เพราะถ้าหากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เป็นพาหะเชื้อโควิด หรือ ติดเชื้อโควิด แม้นักท่องเที่ยวเหล่านั้นจะมีประกันสุขภาพ แต่ถ้าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ารักษาในสถานพยาบาลมีจำนวนมาก ก็จะกระทบ9jvบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่คนไทยจะได้รับ รวมทั้งราคาค่ารักษาและค่ายาสำหรับคนไทย นักเศรษฐศาสตร์เรียกปัญหานี้ว่า ‘ผลกระทบภายนอกด้านลบ” (negative externalities) นี่คือเหตุผลที่รัฐต้องพิจารณาจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษเพื่อลดความเสียหายของการระบาดของโควิดจากนัท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเกิดกับคนไทย ค่าธรรมเนียมนี้คล้ายกับค่าธรรมเนียมการเก็บจากนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมอุทยานต่างๆ จนก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายด้านชีวภาพในป่าอุทยานทั้งบนบกและในทะเล
รัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากนักวิชาการด้านโรคติดต่อ การประกันภัยและเศรษฐศาสตร์ในการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงอัตราความเสี่ยงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะก่อให้เกิดการระบาดระลอกใหญ่จนกระทบต่อการรักษาพยาบาลคนไทย
(ง) ร่วมมือกับภาคเอกชนในการสร้างระบบติดตามนักท่องเที่ยวจากจีนด้วยแอปพลิเคชัน รวมทั้งการรณรงค์ขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวจีน และสถานทูตจีน
ข้อจำกัดด้านแรงงานและที่พัก
แม้ว่าการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่ช่วงตรุษจีน จะเป็นข่าวดี แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการท่องเที่ยวกำลังเป็นห่วงเรื่องข้อจำกัดด้านแรงงานที่ให้บริการนักท่องเที่ยว และความเพียงพอของโรงแรมที่พักที่ปิดตัวไปจำนวนมาก รวมทั้งรถตู้ที่ให้บริการ ทั้งนี้เพราะในช่วงโควิดระบาด และโดยเฉพาะช่วงต้นปี 2563 ที่รัฐบาลมีคำสั่งบิดเมืองและกิจการบางอย่าง ปรากฏว่ามีแรงงานย้ายถิ่นกลับภูมิลำเนาขนานใหญ่ จำนวนประชากรทั้งย้ายเข้าสุทธิ และย้ายออกสุทธิสูงถึง 2 ล้านคนในช่วงกุมภาพันธ์-เมษายน 2563 เทียบกับค่าเฉลี่ยของช่วงหลังของปี 2563 ที่เฉลี่ยเพียงเดือนละ 2 แสนคน แรงงานอพยพที่กลับภูมิลำเนาส่วนใหญ่เป็นการอพยพออกจากกรุงเทพและปริมณฑลและเมืองท่องเที่ยงหลัก (เช่น ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น) และส่วนใหญ่เป็นทำงานในภาคท่องเที่ยว โรงแรม ภัตตาคาร และภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
แรงงานสำคัญด้านการท่องเที่ยวที่อาจมีการขาดแคลนในระยะแรก คือ มัคคุเทศก์ที่ตามกฎหมายต้องมีใบอนุญาต 2 ประเภท 8 ชนิด และมีอายุ 5 ปี หากหมดอายุ ต้องขอใบอนุญาตใหม่โดยต้องผ่านการอบรมและทดสอบความรู้ความสามารถ (มาตรา 56 พรบ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์) แต่ในช่วงโควิดระบาดเกือบสามปีที่ผ่านมา คาดว่าจะมีมัคคุเทศก์จำนวนมากที่ใบอนุญาตหมดอายุและมิได้ต่ออายุ ดังนั้นเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนชั่วคราว กรมการท่องเที่ยวอาจพิจารณาผ่อนผันการต่ออายุใบอนุญาตชั่วคราว โดยให้มีมัคคุเทศก์ที่ใบอนุญาตหมดอายุ แจ้งความประสงค์ที่จะต่ออายุก่อน และกำหนดให้ต้องต่ออายุภายในเวลา 6 เดือน แต่ในระหว่างนั้น ยังอนุญาตให้ทำงานเป็นมัคคุเทศก์ได้ชั่วคราวด้วยใบอนุญาตฉบับเดิม
แรงงานที่ขาดแคลนอีก 2 ด้าน คือ พนักงานสปาที่มีกระแสข่าวว่าแรงงานเหล่านี้นได้เดินทางไปทำงานในต่างประเทศแล้ว รวมทั้งการขาดแคลนแรงงานคนไทยและต่างชาติที่ทำงานตามร้านอาหาร หรือร้านค้าต่างๆ สภาอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและกระทรวงแรงงานควรจัดทำข้อมูลจำนวนแรงงานทั้งสองประเภท และหามาตรการแก้ไข หากพบว่ามีปัญหาคอขวดที่รุนแรง
นอกจากนั้นก็อาจมีปัญหาด้านโรงแรมที่พักและรีสอร์ทที่ปิดตัวไปจำนวนมาก รวมทั้งรถตู้ที่ต้องเลิกกิจการในช่วงโควิด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมหามาตรการชั่วคราวในการฟื้นฟูโรงแรมและรีสอร์ท และถือโอกาสนี้กำหนดมาตรการสนับสนุนช่วยเหลือให้เจ้าของสถานบริการเหล่านั้น เข้าสู่ระบบการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม โฮสเทล รวมทั้งปรับแก้ไขกฎระเบียบ การใช้อาคารให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริงตลอดจนการร่วมมือกับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อปรับปรุงสถานบริการ ประเด็นหลักนี้อาจครอบคลุมสินเชื่อสำหรับเจ้าของรถตู้ หรือรถบัสที่ให้บริการท่องเที่ยวต้องซ่อมแซมรถของตนด้วย
นโยบายรายได้จากการท่องเที่ยว และการปรับโครงสร้างธุรกิจการท่องเที่ยวในระยะยาว
ถึงแม้ว่าไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก แต่ว่ารายได้จำนวนมากไม่ได้ตกในมือของคนไทย และไม่ถูกเก็บภาษีเงินได้ในประเทศ แม้ปัจจุบันบริษัทข้ามชาติที่ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์ม (online travel agency) จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว แต่ยังมิได้เสียภาษีเงินได้ ข่าวดี คือ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการหารือกับองค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) และ 139 ประเทศ กำหนดมาตรการให้บริษัทข้ามชาติเหล่านั้นต้องเสียภาษีเงินได้ โดยปันส่วนกำไรมาให้กับประเทศผู้ใช้บริการแพลตฟอร์ม ประเด็นที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา คือ ข้อตกลงเรื่องสัดส่วนในการแบ่งรายได้ภาษีให้แต่ละประเทศ สิ่งที่หน่วยงานรัฐควรเตรียมพร้อม คือการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลธุรกรรมของแพลตฟอร์มต่างๆทั้งไทยและเทศ
แหล่งข้อมูล https://www.thaipost.net/articles-news/296467/
ไทยไม่มีมาตรการเพิ่มต่อนักท่องเที่ยวจีนเปิดประเทศ 8 ม.ค. 66 ยึด “เท่าเทียมทุกชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่จะออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 ยึดหลักปฏิบัติเท่าเทียมกันทุกชาติและเป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการ พร้อมตรวจเฝ้าระวังเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในน้ำเสียจากเครื่องบิน ผู้เดินทางต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม และมีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโควิด-19
นี่เป็นชุดมาตรการล่าสุดที่เริ่มชัดเจนขึ้น หลังจากหลายประเทศทั่วโลกเริ่มเข้มงวดมาตรการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวจากจีนเปิดประเทศ 8 ม.ค. 66 จากการยกเลิกข้อกำหนดการกักกันโรคโควิด-19 สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566
นายอนุทินกล่าวว่าจะเสนอมาตรการชุดนี้ในวันที่ 5 ม.ค. ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม
รองนายกฯ และ รมว. สาธารณสุข คาดการณ์ด้วยว่า นักท่องเที่ยวจีนจะทยอยเดินทางมาประเทศไทยในไตรมาสแรกถึง 3 แสนคน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2565 คณะกรรมการด้านวิชาการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ชี้ว่าการพิจารณามาตรการควรคำนึงถึงหลักการเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ตั้งอยู่บนพื้นฐานด้านวิชาการ ความปลอดภัยสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม
มาตรการที่ออกมาในวันนั้น ได้แก่ การตรวจเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด 19 และกำหนดให้ผู้เดินทางซื้อประกันสุขภาพเดินทางระยะสั้น ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย
ในการแถลงหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข วันนี้ (4 ม.ค.) นายอนุทินกล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ของไทยมีแนวโน้มลดลง โดยข้อมูลวันที่ 25-31 ธ.ค. 2565 มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 2,111 ราย เฉลี่ย 301 รายต่อวัน และผู้เสียชีวิต 75 ราย เฉลี่ย 10 รายต่อวันโดยเกือบทั้งหมดยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ ไม่ได้รับเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือนขึ้นไป
ยืนยันไทยพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ปรับมาตรการตามเชื้อที่กลายพันธุ์
นายอนุทินกล่าวว่า ในการเตรียมรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านมา มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงการประชุมของคณะกรรมการด้านวิชาการ ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีความเห็นตรงกันว่าควรปฏิบัติตามแนวทางโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และปฏิบัติกับผู้เดินทางจากทุกประเทศอย่างเท่าเทียม ไม่ใช้มาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อกีดกันผู้เดินทางจากประเทศใดประเทศหนึ่ง
เขาระบุด้วยว่า ไทยมีมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามหลักวิชาการและเป็นไปตามมาตรฐานโลกอยู่แล้ว พร้อมกับยืนยันว่าระบบสาธารณสุขของไทยยังมีความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะนี้มีการใช้เตียงระดับ 2-3 เพียง 5.2% และมีแผนเตรียมความพร้อมหากพบการระบาดของโรคที่รุนแรงเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ จะมีการติดตามและประเมินสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เพื่อปรับมาตรการตามสถานการณ์ของเชื้อกลายพันธุ์
มาตรการรับนักท่องเที่ยวจีน
นายอนุทิน ยังเปิดเผยถึงข้อเสนอมาตรการด้านสาธารณสุขรองรับผู้เดินทางจากต่างประเทศที่จะเสนอในวันที่ 5 ม.ค. นี้ ได้แก่ ก่อนเข้าประเทศไทยให้ฉีดวัคซีนโควิด 19 อย่างน้อย 2 เข็ม หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ควรเลื่อนการเดินทางและรักษาให้หายก่อนเพื่อลดการแพร่โรค และให้ซื้อประกันสุขภาพเดินทางที่ครอบคลุมการรักษาโรคโควิด-19 ก่อนเข้าประเทศ
ส่วนมาตรการขณะพำนักในไทย จะมีการให้คำแนะนำผู้เดินทางป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ เช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะและขนส่งสาธารณะ การล้างมือบ่อย ๆ การตรวจคัดกรองด้วย ATK และหากมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล
กรณีเดินทางออกจากประเทศไทยและประเทศปลายทาง มีนโยบายตรวจคัดกรองก่อนเข้าประเทศ พร้อมคำแนะนำให้พักในโรงแรม SHA+ ซึ่งจะมีบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ยังมีแนวทางการเฝ้าระวังโรคกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศที่มีอาการทางเดินหายใจ โดยให้ได้รับการตรวจด้วย ATK และวิธี PCR และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์โรคและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
รมว. สาธารณสุข ยังระบุถึง การกำหนดเกณฑ์สำหรับการปรับมาตรการเมื่อพบผู้ติดเชื้อในอัตราสูงหรือพบเชื้อกลายพันธุ์ รวมถึงเฝ้าระวังและตรวจเชื้อโควิด-19 ในน้ำเสียจากเครื่องบินด้วยอีกมาตรการหนึ่ง
คาดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยเดือน ม.ค. 60,000 คน
นายอนุทินกล่าวว่า จากการประมาณการนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรกในเดือน ม.ค.-มี.ค. 2566 มีประมาณ 3 แสนคน คิดเป็น 5% ของนักท่องเที่ยวทุกชาติรวมกัน
โดยคาดการณ์ถึงตัวเลขในแต่ละเดือน ได้แก่ เดือน ม.ค. 60,000 คน ก.พ. 90,000 คน และ มี.ค. 150,000 คน โดยจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัจจุบันยังมีเที่ยวบินจำกัด มีระยะเวลาในการขอทำหนังสือเดินทางและการขอวีซ่า และรัฐบาลจีนยังไม่อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวนำกลุ่มทัวร์ออกนอกประเทศ ผู้เดินทางจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองและเป็นกลุ่มนักเดินทางระดับบนที่มีกำลังซื้อ
แหล่งข้อมูล https://www.bbc.com/thai/articles/cjjnqdw8dqzo
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME