สิ่งหนึ่งที่ Cute press มีความชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์คือ ต้องการให้ผู้หญิงทุกคนสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่จับต้องได้

“ทุกความสวยย่อมมีการลงทุน” ตื่นมาปุ๊บ สวยปั๊บแบบในละครนี่ไม่มีนะคะ ใช่ว่าเบื้องหลังความสวยนั้นจะสวยเสมอไป เห็นได้จากสมรภูมิความงามอันดุเดือด ที่แบรนด์ต่างๆพากันงัดกลยุทธ์ ถ้าไม่รอด ก็เจ็บสาหัส ถึงขั้นหายไปเลยก็มี หนึ่งในนั้นมีแบรนด์สัญชาติไทย ที่ร่วมสู้และยืนหยัดมาถึง 4 ทศวรรษ อะไรที่ทำให้อยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ลองมาหาคำตอบกันค่ะ

จุดเริ่มต้นของ Cute press

ย้อนไปประมาณ ปี 2519  ที่แบรนด์ได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้บริษัท เอสเอสยูพี กรุงเทพ 1991 จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านความงามและสุขภาพที่ดี สินค้าแรกที่เปิดตัวคือแป้งคิวท์เพรส เพรส พาวเดอร์ ในตอนนั้นสินค้าหลักๆเป็นเครื่องสำอาง น้ำหอม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ด้วยแนวคิดที่ต้องการให้ผู้หญิงทุกคนสามารถสวยได้ทุกวัน มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมที่มีชื่อเสียงในการผลิต มุ่งเน้นในด้านความเป็นเลิศและคุณภาพที่เหนือกว่าในราคาสบายกระเป๋าที่ผู้หญิงทุกคนสามารถหาซื้อได้

สู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญโดยทายาทรุ่นที่ 2

ในตอนนั้นเอง Cute press เป็นแบรนด์ขายตรงชั้นเดียว ที่มีคู่แข่งรายใหญ่ที่สำคัญอย่างมิสทีน และเอวอน อีกทั้งยังมีจำนวนของตัวแทนที่น้อยกว่า ด้วยวิสัยทัศน์ มุมมองที่แตกต่าง และความใส่ใจในรายละเอียดของผู้บริหารซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ทำให้ Cute press เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และสร้างสีสันให้กับแบรนด์มากขึ้น

  • ลงลึกถึงรายละเอียดสำคัญของแบรนด์ ที่ถูกมองข้ามมาตั้งแต่แรก
  • เปลี่ยนรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ดูทันสมัยขึ้น
  • ปรับโลโก้ Cute press ให้มีขนาดใหญ่ เน้นให้ลูกค้าจดจำง่าย
  • ปี 2548 มีการทำโฆษณาตัวแรกออกมา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
  • ปล่อยโฆษณาอย่างต่อเนื่อง โดยหยิบเอาสินค้ายอดนิยมอย่าง แป้งพัฟ มาสคาร่า ครีมกันแดด มาช่วยในการกระตุ้นยอดขาย
  • มุ่งเน้นการลงทุนกับ Cute press Shop เนื่องจากตัวแทนขายตรงและดีลเลอร์มีข้อจำกัด
  • มีการวางกลยุทธ์ขายตรงแบบ Multi-Channel Marketing ที่เพิ่มช่องทางที่หลากหลายในการซื้อสินค้า

งัดกลยุทธ์แบบ CRM พร้อมขยายสาขา Cute press Shop

ในปี 2550 ถือได้ว่า Cute press ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เห็นได้จากผลิตภัณฑ์ คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ ไวท์เทนนิ่ง ฟาวเดชั่น พาวเดอร์ ที่มียอดจำหน่ายสูงมากกว่า 1 ล้านตลับ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น ลูกค้าหลักคือกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 22-28 ปี เป็นผลมาจากการทำกลยุทธ์แบบ CRM ที่ช่วยนำเสนอสินค้าและตอบสนองได้ตรงต่อความต้องการของลูกค้า และมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้น 25 แห่ง ทำให้เกิดแบรนด์รอยัลตี้และสร้างภาพลักษณ์ของ  Cute press ให้เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งขึ้น

ก้าวข้ามผ่านวิกฤต เดินหน้าขยายสาขา

ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปี 2551 ส่งผลให้ธุรกิจความงามได้รับผลกระทบ แบรนด์ระดับเดียวกันต่างพากันแข่งขันในเรื่องของการลดราคาสินค้า สำหรับ Cute press นั้นได้พยายามหลีกหนีในเรื่องราคา เพราะมองว่าอาจจะทำให้ลูกค้าหมดความเชื่อถือในแบรนด์ มีการออกสินค้าใหม่เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ที่เป็นกลุ่มระดับแมส  เน้นการตลาดภายใต้กลยุทธ์ CRM การที่มองเห็นโอกาสในภาวะวิกฤตนี้ทำให้มีการขยายสาขา พร้อมทั้งรีโนเวตสาขาเดิมที่สร้างรายได้ในลำดับต้นๆ

ภายใต้แนวคิด  “คิวท์เพรส…   สวยได้ทุกวัน”

เมื่อกระแสตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ การรุกตลาดยิ่งเข้มข้นมากขึ้น ดั่งสำนวนที่ว่า “น้ำขึ้น ให้รีบตัก” ในปี 2553 ได้มีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับลูกค้า ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยเข้ากับไลฟ์สไตล์มากขึ้น จึงเป็นที่มาของแนวคิดที่ว่า “คิวท์เพรส…สวยได้ทุกวัน” หมัดเด็ดที่ปล่อยออกมาสู่ตลาดคือ คิวท์เพรส มอยส์เจอร์ มิลค์ ยูวี เอ็กซ์เพิร์ท โพรเทคชั่น เอสพีเอฟ 50 พีเอ+++ หรือ “วันสเต็ปครีม” ด้วยยอดขายกว่า 3 แสนหลอด เน้นจุดขายสวยครบในสเต็ปเดียว โดยขยายกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มสาวรุ่นใหม่ ทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน  อีกทั้งยังได้ปรับปรุง Cute press shop ให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น

อีกครั้งกับโฆษณาลิปสติก ที่ช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

หนึ่งในเมคอัพชิ้นสำคัญ ถือได้ว่าเป็นอาวุธชิ้นเด็ดสำหรับผู้หญิงเลยก็ว่าได้นั้นคือ ลิปสติก ในปี 2556 Cute press ได้มีการเปลี่ยนโลโก้ให้ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับการเปิดตัวสินค้าสุดฮอตคือ คิวท์เพรส คัลเลอร์ แฟนตาซีเนเจอร์ ชายน์ ลิป บัตเตอร์ โดยเน้นครองใจลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น ลิปสติกรุ่นนี้นอกจากจะขายดิบขายดีแล้ว ยังได้รับรางวัล Best Everyday Lipstick จากนิตยสาร Cleo อีกด้วย ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ความทันสมัยของแบรนด์ที่ต้องการจะสื่อได้อีกขั้นหนึ่ง

แป้งผสมรองพื้นที่ดีที่สุด เท่าที่ Cute press เคยทำมา

เป็นกระแสที่ฮือฮามากในตอนนั้น แป้งพัฟขึ้นชื่อว่าเป็นสินค้าเด็ดอีกหนึ่งอย่างของ Cute press ที่ใครๆต่างนึกถึง ด้วยคุณภาพที่ดีเกินราคา ทำให้ในปี 2016 แป้งพัฟรุ่น Evory Retouch Oil Control Foundation Powder SPF30 PA+++  ที่การันตีด้วยยอดขาย 1 ตลับ ทุกๆ 14 วินาที โด่งดังจนสาวๆหลายคนต่างพากันหาซื้อ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในแป้งพัฟสัญชาติไทยที่ครองใจหลายๆคน

สุดยอดหนังสั้น ที่คว้ารางวัลระดับโลก

ยิ่งตอกย้ำความฮอตของแบรนด์เข้าไปอีกขั้น เมื่อหนังสั้น Midnight Sun คว้ารางวัลใหญ่ Best Film of Asia Pacific จากเวทีระดับโลกอย่าง “Berlin Fashion Film Festival 2017” (BFFF 2017)  ตัวหนังแทบจะไม่ได้พูดถึงสินค้าเลย แต่คนดูสามารถรับรู้ได้เองว่าต้องการสื่อถึงสินค้าอะไร ซึ่งก็คือครีมกันแดดนั่นเอง

บทสรุป Cute press ยืนหยัดอยู่ในสนามการแข่งขันมากว่า 40 ปี ทำได้อย่างไร ?

1.รู้จักข้อผิดพลาดเป็นอย่างดี

อย่างที่กล่าวตั้งแต่ต้น ในช่วงที่ Cute press ยังเป็นแบรนด์ขายตรงชั้นเดียว ได้เล็งเห็นว่า หากยังจำหน่ายสินค้าโดยผ่านตัวแทนอยู่นั้น คงสู้คู่แข่งไม่ได้ จึงได้มีเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่ายและเพิ่มช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น แม้กระทั่งรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่หลายคนมองข้ามไป ก็ปรับให้ดูดีทันสมัยขึ้น พร้อมโลโก้ที่เห็นชัดเจน เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

2.กลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน

สิ่งหนึ่งที่ Cute press มีความชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์คือ ต้องการให้ผู้หญิงทุกคนสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่จับต้องได้ กลุ่มเป้าหมายมีตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงสาวๆที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน เมื่อรู้ว่ากลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อแค่ไหน ทำให้สินค้าที่ผลิตออกมาสามารถตอบสนองความต้องการได้เป็นอย่างดี สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฐานลูกค้าแน่นหนา มาจากการที่ลูกค้าใช้แล้วรู้สึกว่าคุณภาพคุ้มค่าเกินราคาที่จ่าย

3.พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เห็นได้ชัดว่า Cute press มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนามาโดยตลอด ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ใช้ในปัจจุบันนอกเหนือจาก Cute press Shop แล้ว ยังเพิ่มช่องทางออนไลน์เข้ามาอีกด้วย ในส่วนสินค้านั้น Cute press รู้ว่าสินค้าที่เป็นจุดขายของตัวเองคืออะไร ก็มุ่งเน้นออกสินค้าตัวใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์นั้นๆ ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาสินค้าตัวอื่น เพื่อให้ได้คุณภาพยิ่งขึ้น รวมถึงภาพลักษณ์ของสินค้าที่ดูดีทันสมัย สีสันสดใส ลวดลายที่สวยงาม โดนใจลูกค้าเป็นอย่างมาก

4.การตลาดที่เข้ากับยุคสมัย

ตั้งแต่โฆษณา การตลาดแบบ CRM เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า  Cute press ได้มีการปรับตัวมาโดยตลอด หรือจะเป็นการรีวิวสินค้าจากเหล่าบล็อกเกอร์สายความงามทั้งหลาย รวมถึงพรีเซ็นเตอร์ของสินค้า เรียกได้ว่าไม่เคยตกกระแสเลยจริงๆ

ถอดแนวความคิด สู่ธุรกิจสำหรับ SMEs

1.ไม่ยึดติดกับความสำเร็จในอดีต พร้อมที่จะปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด

ทำอะไรก็ตามอย่ายึดติด หากยึดอยู่กับรูปแบบเดิมๆ Cute press คงไม่มาไกลจนถึงทุกวันนี้ ถือเป็นสิ่งที่ SMEs ควรตระหนัก ให้เวลากับสิ่งที่ทำซักระยะหนึ่ง จนถึงที่สุดแล้ว ถ้าไม่ดีขึ้น ทำแล้วไปต่อไม่ได้ ให้รีบเปลี่ยน อย่าไปคิดว่าสักวันคงดีขึ้นเอง เพราะถึงตอนนั้นอาจไม่มีโอกาสได้แก้ไขอีกเลย

ความสำเร็จในอดีต…ไม่ได้เป็นเครื่องหมายการันตีความสำเร็จใน “ปัจจุบัน”

ความสำเร็จในวันนี้ ปัจจุบันนี้ ก็ไม่ได้บอกว่า พรุ่งนี้ มันจะยังใช้การได้ผลอยู่….

เทคโนโลยีเปลี่ยน ความต้องการเปลี่ยน…ทุกการเปลี่ยนแปลงมันเหมือนกระแสลม ที่บางครั้งก็เบา บางครั้งก็ไม่มี ถ้าเราชะล่าใจ บ่อยครั้งที่ลมนั้นมันเปลี่ยนเป็นพายุขนาดใหญ่ พี่พัดพาสิ่งต่างๆ ให้พังทลายไปในพริบตา โดยที่ไม่เคยถามว่าเราพร้อมรับมือกับพายุนั้นหรือไม่

ทางดีที่ที่สุดคือ “ตระหนักรู้” และ “เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมการจัดการ” ให้พร้อมมากที่สุด ไม่ยึดติด กอดความสำเร็จในอดีตไว้กับตัว ภูมิใจในความสำเร็จนั้น จนกลายเป็น “มะเร็งร้าย” ที่มาทำลายธุรกิจ มารู้ตัวอีกที ก็ถึงขั้นที่สี่ ยากแท้จะเยียวยา

อดีต เราเก็บมาใช้แค่เพียงประสบการณ์ ได้เท่านั้น แต่วิธีการ อาจจะใช้ไม่ได้เลย…..

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ผลงานที่ผ่านมา แต่อยู่ที่การที่เรายอมวางความสำเร็จนั้นลง แล้วสร้างความสำเร็จใหม่ ขึ้นมาแทน…..

2.สำรวจตัวเองและพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับ SMEs นั้นหมั่นทบทวนและมองดูธุรกิจของตัวเอง สิ่งใดดีให้พัฒนาต่อ สิ่งใดแย่ขอให้รีบแก้ไข อย่าย้ำอยู่กับที่ เพราะโลกธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง เผลอๆแค่กระพริบตาทุกอย่างก็เปลี่ยน เร็วกว่าย่อมได้เปรียบ แต่หากมีความสม่ำเสมอนั้นย่อมได้เปรียบกว่าแน่นอน

ธุรกิจที่จะอยู่รอดได้ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต คือธุรกิจที่พร้อมจะ Disrupt หรือทำลายธุรกิจตัวเองทิ้งเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมาแทน โดยที่ไม่รอให้คนอื่นมาทำลายธุรกิจของเรา… เพราะหากเป็นเช่นนั้นเท่ากับธุรกิจเราก็จบเห่ !!!

หากจะอยู่รอดในสนามการแข่งขันจง “เอาชนะตัวเองให้ได้ในทุกๆวัน”

3.ทำอะไร ต้องมีความชัดเจน

ทำธุรกิจต้องชัดเจนในแบรนด์ ชัดเจนในสินค้า และชัดเจนในกลุ่มลูกค้า เลือกเจาะกลุ่มเป้าหมายที่คิดว่าถนัดที่สุด แล้วลุยให้สุด ถึงจะไปต่อได้ถูกทาง หากธุรกิจสะดุดอย่างน้อยก็ยังอยู่ในเส้นทางที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก ทำให้ไม่ไขว่เขว เมื่อเกิดเหตุจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ อย่างน้อยก็มีแนวทางที่สามารถแก้ปัญหาได้ทัน

เป้าหมายไม่ว่าจะไกล หรือ ใกล้ เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะไปไหน และที่ ๆ เราจะไปนั้นต้องรู้ด้วยว่าเราจะไปทำไม ไปทำอะไร เพราะหากไม่ชัด เดินไปสักพักเจอปัญหา เราอาจจะท้อ และถอยไปเสียก่อน

มี SMEs มากมายที่มีความฝัน แต่ ขาดความชัดเจน…ไม่เด็ดขาดที่จะ มุ่งมั่นเดินไปให้ถึงจุดนั้น พอเจอปัญหาอะไรเข้านิด เจออุปสรรคเข้าหน่อย ก็ยอมแพ้

ยิ่งเรา “ชัดเจน” กับสิ่งที่ทำมากเท่าไหร่ คนอื่นก็จะเห็นความตั้งใจกับสิ่งที่เราทำมากเท่านั้น

ยิ่งเรา “ชัดเจน” กับกลุ่มลูกค้าเรามากเท่าไหร่ ลูกค้าก็จะจัดเจนกับสินค้าบริการเราเช่นกัน

ทำอะไรไม่ชัด มันก็เหมือนขับรถในความมืด ไฟหน้าก็ไม่มี ไฟท้ายก็ไม่มี จะไปข้างหน้าก็ไม่เห็นทาง คนตามมาข้างหลังก็ไม่เห็นเงา…ลองสำรวจธุรกิจเราดู “วันนี้เราชัดเจนในสิ่งที่ทำหรือยัง ?”

ความยากอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจคือทำอย่างไรให้อยู่ได้นาน ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ ล้วนมาจากประสบการณ์บวกกับการยอมรับในข้อผิดพลาดและการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง Cute press ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าแบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติไทยก็สามารถครองใจสาวไทยได้เช่นกัน

สักวันแบรนด์…ของคุณเอง ก็จะต้องมายืนอยู่บนเวทีแบบนี้ ถ้าคุณ “มุ่งมั่นมากพอ”

 

อ้างอิง

  • http://www.cutepress.com/
  • https://www.marketingoops.com/pr-news/cute-press/
  • https://positioningmag.com/9131
  • http://www.ssup.co.th/ssup/brands.php
  • http://www.prfocus.co.th/newsfocus_details.php?news_id=243
  • http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/000863/lang/th/
  • https://www.facebook.com/cutepress/
  • https://mgronline.com/business/detail/9510000072280

บทความโดย

ผู้ผ่านรับการฝึกอบรม “ใช้เวลาว่างเขียนบทความสร้างรายได้”

คุณ  มาลินี เพ็ชรอุไร

แม่บ้านครูสอนพิเศษวิชาวิทยาศาสตร์