ในยุคที่อินเตอร์เน็ตรุกเร้าเข้าสู่สังคมไทย สื่อทุกอย่างหันเข้าปรับเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กระทบภาคธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลายธุรกิจมีการปรับเปลี่ยนไปเพื่อเอาตัวรอด ถ้าไม่ปรับตัวก็รอดยาก ไม่ว่าจะธุรกิจข้างทางไปจนถึงธุรกิจระดับนานาชาติ

เมื่อพูดถึงการเอาตัวรอดนั้น หลายธุรกิจปรับตัวเองให้สอดรับกับสังคมไทยในเวลานี้ คือกรณีคือ ร้านแมงป่อง ถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดของการปรับตัว

จากเมื่อหลายสิบปีก่อน ร้านแมงป่องถือเป็นรายขายหนังและเพลงที่มีขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง แต่เมื่อผ่านเข้ายุคอินเตอร์เน็ตทุกหย่อมหญ้า ผู้คนเริ่มไม่มีใครดูหนังแผ่น โหลดเอาจากอินเตอร์เน็ต และปัญหาลิขสิทธิ์ แผ่นผี หนังเถื่อน เกลื่อนตลาด ร้านขายแผ่นหนังเริ่มได้รับผลกระทบ เจ้าของกิจการนี้เริ่มล้มหายตายจากไปจนแทบไม่เหลือ แต่ยกเว้น ร้านแมงป่องสามารถผ่านวิกฤตนี้มาได้ สิ่งที่ร้านแมงป่องปรับตัวคือได้ปรับขนาดร้านให้เล็กลง และเปลี่ยนไลน์จากร้านขายหนังขายเพลงเป็น ร้านขายแก็ดเจ็ตจำพวกของเล่นไฮเทค ร้านขายเครื่องสำอาง และผลิตเครื่องสำอาขายเอง

ใครจะเชื่อ แมงป่องขายครีม แมงป่องขายลำโพงบลูทูธทำเอา หลายคนอ้าปากค้างกัน การปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญการข้ามจากธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ มาเป็นธุรกิจเครื่องสำอางและเทคโนโลยี มันไม่เข้ากันเท่าไหร่แต่มันเป็นไปแล้ว เมื่อแมงป่องปรับธุรกิจใหม่ในปัจจุบันจะมีธุรกิจใหม่ดังนี้

ธุรกิจของแมงป่อง ประกอบด้วย

1.ธุรกิจ Retail คือธุรกิจเดิมที่ทางแมงป่องชำนาญและเป็นจุดแข็ง โดยการบริหารพื้นที่ศูนย์การค้าที่เป็นทำเลทอง โดยมี 3 แบนรด์ คือ

-ร้านแมงป่อง ขายหนังและเพลง จำนวน 13 สาขา

-ร้าน GIZMAN ขายแก็ดเจ็ต เช่นลำโพง หูฟัง โดรน เป็นต้น จำนวน 13 สาขา

-ร้าน STARDUST ขายเครื่องสำอาง จากต่างประเทศ จำนวน 8 สาขา

2.ธุรกิจ Cosmetics คือขายเครื่องสำอางแบนร์ดของตัวเอง 2 แบรนด์ คือ

กลุ่ม Make up ชื่อแบรนด์ “CLOUDA”

กลุ่ม Skin care ชื่อแบรนด์ “KEIRA”

ที่มาที่ไป

แมงป่องเริ่มดำเนินธุรกิจขายหนังและเพลง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เริ่มเปิดสาขาแรกที่ เดอะมอล์ สาขาราชประสงค์ ในช่วงแรกเป็นการขายสินค้าเป็น แผ่นเลซอร์ดิส วีดีโอเทป เทปคาสเซ็ท  และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับหนัง   จากเดิมมีเพียงสาชาเดียวแมงป่องขยายสาขาไปอีกหลายสาขาจนใน ช่วงหนึ่งแมงป่องเป็นกลายเป็นร้านขายหนังและเพลงขนาดใหญ่ มีสาขาขยายไปทั่วประเทศ จนปี 2546 แมงป่องได้เข้าตลาดหนักทรัพย์ นับเป็นการเติบโตที่มากในยุคนั้น  แต่ทุกอย่างไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบหลังจากนั้นไม่นานแมงป่องได้จะเผชิญกับคลื่นเทคโนโลยีที่ถาโถม คนเริ่มดูหนังผ่านออนไลน์มากขึ้น โหลดหนังมาดูและ ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ทำให้แมงป่องต้องปรับลดสาขาลงจากเดิมที่มี 100 สาขา จนต้องปรับลดสาขาลงเหลือเพียงสิบกกว่าสาขาเท่านั้น

ปี2557 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง แมงป่องได้แตกไลน์ธุรกิจ ร้าน Gizman ร้านขายอุปกรณ์ ขายแก็ดเจ็ต อุปกรณ์ไอทีต่างๆ ถือเป็นการตอบสนองตลาดของผู้บริโภคในยุตใหม่มากยิ่งขึ้น

ปี2558 ปีแห่งธุรกิจความงาม ทางแมงป่องแตกไลน์  “Stardust” ร้านขายเครื่องสำอางและน้ำหอม โดยมองเห็นโอกาสในการเติบโตในธุรกิจนี้มากโดยมีการนำเข้าเครื่องสำอางจาก เกาหลี  และได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MPG

                ปี 2559 แมงป่องได้สร้างแบรนด์ เครื่องสำอาง CLOUDA ขึ้น โดยมีเลือกอยู่ในตลาดกลางที่มีกำลังซื้อสูงและมีกำไรมาก

 

กลยุทธ์ที่นำไปสู่ความสำเร็จ

1.สร้างความแตกต่างที่คู้แข่งไม่มี

ร้านเครื่องสำอาง “Stardust” ของแมงป่องได้นำเครื่องสำอางหลากหลายแบรนด์ จากทุกมุมโลกหลายพันรายการ หรือจะเรียกเล่นๆว่า ร้านสารพัน   แบรนด์ นำมาขายในราคาจับต้องได้โดยเป้าหมายนี้เป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน ที่ยังไม่มีกำลังซื้อมาก และเสริมการบริการใหม่คือการให้บริการครบวงจร ถ้าเข้าร้าน “Stardust” นอกจากจะมีสินค้าให้เราต้องซื้อแล้วทางร้านยังมีบริการแต่งหน้าและแต่งเล็บด้วย คือถ้าได้เข้าไปก็สวยพร้อมใช้ทันที่

2.การสร้างแบนด์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า

แมงป่องได้สร้างแบนร์ดเครื่องสำอางเอง คือ CLOUDA (คลาวด้า) – เครื่องสำอางค์กลุ่มเมคอัพ อาทิ แป้งอัดแข็ง ลิปสติค อายแชโดว์ ฯลฯ
KEIRA (เคียร่า) – สกินแคร์สำหรับผิวกาย อาทิ เจลอาบน้ำ บอดี้สครับ และโลชั่นบำรุ่งผิวเครื่องสำอางที่กำหนดวางไว้อยู่ช่องว่างของตลาดเครื่องสำนางระดับกลาง ทำนองคุณภาพหลักหมื่นราคาหลักร้อย

3.ช่องทางการขาย

ทางแมงป่องได้เพิ่มช่องทางการขายสินค้าเครื่องสำอาง เก็ดเจ็ต และสินค้าภาพยนตร์ เพลงผ่านออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ใช้หลัการ O2O (Online to Offline) คือการที่ลูกค้าสั่งซื้อของผ่านทางออนไลน์แล้วสามารถไปรับของที่สาขาของร้านได้เลย ทำให้ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และลูกค้าได้ของแน่นอน ถือว่าเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือของลูกค้าได้ด้วย

4.ทำเลดีมีชัย

ทางแมงป่องมีจุดแข็งที่เป็นข้อได้เปรียบคู่แข่งอื่นคือ การมีทำเลที่เรียกว่าทำเลเงินทำเลทองซึ่งอยู่ในห้างสรรสินค้าขนาดใหญ่ที่มีลูกค้าเยอะโดยขยายสาขาไปยังจุดใหม่ในต่างจังหวัดด้วย โดยตั้งเป้าไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ

5.การรักษาฐานลูกค้า

คือการที่ แมงป่องใช้ระบบสมาชิกสมาชิกทำการตลาดโดยมีการกิจกรรมส่งเสริมการขายเช่นมีการสะสมแต้มเพื่อนำมาเป็นส่วนลด เป็นต้น

สิ่งที่ SMEs ได้จาก กรณีศึกษาแมงป่อง

1.ไม่มีความยั่งยืนใดเทียบเท่าการเปลี่ยนแปลง

จากธุรกิจทางด้านบันเทิง ให้เช่า ขายแผ่นหนัง DVD เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง หากเรายื้อที่จะสู้กับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ก็มีแต่พังกับพัง แต่เราจะอยู่ให้ได้อย่างไรเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงและส่งผลกับธุรกิจเราโดยตรง

SMEs อย่าดื้อครับ !!! ถ้าเห็นว่ามันไปไม่ได้ในยุคปัจจุบัน ไม่ทันเทคโนโลยีแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนครับ เพราะไม่เปลี่ยนมันก็คือ “เจ๊ง” แต่ถ้าเปลี่ยนก็ยังมีโอกาส “รอด”

2.เพื่อความอยู่รอดแม้ต้องยอมสละเลือดบ้างก็ต้องทำ

หากมีเนื้อร้ายเกิดขึ้นในร่างกาย เราก็จำเป็นต้องรักษาด้วยการทำลายเนื้อร้ายนั้นทิ้งเสีย แม้อาจจะมีผลกระทบกับเนื้อดีบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เนื้อร้ายลุกลามจนรักษาไม่ได้

ยอมขาดทุน เพื่อ ตั้งหลักใหม่ ดีกว่า เสียจนหมดไม่เหลืออะไรให้เราได้เริ่มต้นใหม่

                ยอมสละบางส่วนของธุรกิจ เพื่อนำมาต่อชีวิตใหม่ให้เดินต่อได้ ดีกว่าต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เสียทรัพย์จนหมดเนื้อหมดตัวอย่างแน่นอน

ตอนนี้เราอยู่ในสภาพไหน เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ดีหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนี้ผมว่าต้อง “ตัดใจ” ทำอะไรสักอย่างแล้วหละครับ

3.อย่าฝากชีวิตไว้กับธุรกิจที่พึ่งเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว

หลายต่อหลายกรณีศึกษา ธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับเรื่องของเทคโนโลยี Kodak ตายเพราะกล้องดิจิตอล Nokia ตายเพราะ Smartphone ยังมีหลายเคสที่เรารู้และเป็นข่าว แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่เราไม่รู้เลย

เกิดการล้มหายตายจากของธุรกิจอย่างเป็นพลวัต ใครช้าก็จบ ใครเร็วก็รอด เทคโนโลยีใหม่เกิดมาเพื่อฆ่าเทคโนโลยีเก่า ธุรกิจเกิดมาเพื่อฆ่าธุรกิจเก่า อย่าฝากชีวิตไว้เพียงเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง อย่าฝากธุรกิจไว้กับเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งพึงที่จะเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อมาฆ่าเทคโนโลยีเก่าของเราเอง ก่อนที่จะมีใครคนอื่นเข้ามาฆ่าเรา

4.เชื่อมประสานออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน

โลกออนไลน์เพียงอย่างเดียวก็คงไม่รอด แม้ยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ก็ยังพยายามที่จะไล่ซื้อร้านค้าออฟไลน์ อยู่แค่ออฟไลน์ก็คงไม่พอ ต้องก้าวขึ้นไปเล่นในตลาดออนไลน์ด้วย

                ถ้าใครยังจับจดอยู่แค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ก็เท่ากับว่าเราได้สร้างกำแพง หรือ กรงไว้ขังตัวเองเพื่อที่จะรอวันตายครับ

ต้องเก่งทั้งสองช่องทางนะครับ หากไม่เก่งก็หาคนเก่งมาช่วยงานสะนะครับ ไม่อย่างนั้นลำบากแน่

5.แปลงสินทรัพย์ที่มีให้เกิดประโยชน์เพื่อธุรกิจใหม่

ร้านเก่าที่เรามีในวันที่ต้องรื้นธุรกิจใหม่ ก็อย่าไปอาลัยอาวรณ์มากนัก ถ้ายังสร้างประโยชน์ได้ก็ทำ หากทำไม่ได้ก็ปล่อย

ร้านเช่าหนังเก่าใช้ไม่ได้ ก็นำมาทำเป็นร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เห็นการสู้ของแมงป่องไหมครับ ว่าหลังชนฝา สู้ขนาดไหน แล้ว SMEs อย่างเรา ๆ หละครับสู้กันอยู่หรือเปล่า

สรุป

การปรับตัวของแมงป่อง เป็นปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อความอยู่รอด ถ้าแมงป่องยังไม่ยอมปรับตัวเองจากการขายหนังแผ่นและแผ่นเพลงเพียงอย่างเดียว ก็คงพบกับจุดสิ้นสุด การที่แมงป่องเปิดไลน์ในธุรกิจแก็ดเจ็ต  Gizman นั้นเพื่อตอบสนองสังคมยุคปัจจุบันและ “Stardust “ เป็นการตอบสนองกับธุรกิจความงานที่จะเติบโตในอนาคตและตลาดที่เติบโต  ยังไม่รวมถึงการการผลิตเครื่องสำอางเอง อย่าง CLOUDA และ KEIRA  ที่ทำยอดขายได้ดีมา แมงป่องมาถึงจุดนี้ทำได้เกินคาด

จากที่สถานการณ์ย่ำแย่พลิกฟื้นได้ถือว่าไม่ธรรมดา ทำให้นึกถึงคำสุภาษิตที่ว่า

“รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

คงไม่ผิดนัก หลังจากนี้เราคงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของแมงป่องอีกในไม่ช้าเราคงได้เห็นแมงป่องลอกคราบใหม่ที่ไฉไลกกว่าเดิม แต่เส้นทางนี้ก็ไม่ใช่ทางที่ถนัดรวมทั้งคู่แข่งก็ไม่ได้มีน้อย การจะเอาชนะตลาดนั้นไม่ง่าย แต่ถ้าไม่สู้ก็คงจะอยู่ไม่ได้เช่นกัน