ใครเลยจะคิดว่าเพียงแค่ขายน้ำแข็งใสหรือขนมหวานจะสร้างตำนานสะท้านโลกันต์ได้เพียงนี้ วันนี้ผมจะพาทุกท่านมารู้จักร้านขนมหวาน เช็งซิมอี๊ สาขาต้นตำรับ ถนนจันทร์ ซึ่งจะมีประวัติความเป็นมาและมีแนวคิดทางธุรกิจที่น่าสนใจอะไรบ้างมาติดตามกันเลยครับ

หากนับอายุของร้านขนมหวานเช็งซิมอี๊ แล้ว อายุของร้านก็ปาเข้าไป 60 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องให้เลือกกว่า 60 อย่าง และเสน่ห์ของขนมหวานร้านนี้อยู่ที่เมนูเด็ดอย่าง เช็งซิมอี๊ ,ห้าขุนพล,จั้มบ๊ะ รวมมิตร ทับทิมมะพร้าว ฯลฯ ที่มีความหลากหลายและทรงคุณค่าทางโภชนาการ แถมรสชาติเป็นเลิศ

 

หลายคนอาจจะคิดว่าของหวานอาจเป็นของว่างทานหลังอาหาร เป็นเมนูสำหรับวันว่าง ๆ ธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะคุณตี๊ สมชาติ คงศักดิ์ศรีสกุล ทายาทรุ่นที่สอง ผู้สืบทอดกิจการร้านเช็งซิมอี๊ จะมาทำให้เห็นว่าเช็งซิมอี๊ กินแล้วสบายใจ มีความหมายให้คุณค่าทางโภชนาการดีต่อสุขภาพแค่ไหน ก่อนอื่นเรามาดูความเป็นมาและแนวคิดการทำธุรกิจกัน

 

1.ลองผิดลองถูกเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า

คุณสมชาติ ได้เท้าความให้เราฟังว่า ช่วงเปิดร้านใหม่ ๆ มีเครื่องแค่ 10-20 อย่าง แต่ตอนนี้มีถึง 50-60 อย่าง โดยคุณสมชาติหรือคุณตี๊พยายามทำตัวเป็นนักชิมที่ดี สรรหาวัตถุดิบใหม่ ๆ ที่สามารถเข้ากันได้กับเมนูของทางร้าน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงชิมขนมหวานตามร้านอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเดินดูของตามท้องตลาด แล้วจินตนาการว่าถ้าเติมสิ่งนี้ลงไป จะให้รสชาติอย่างไรบ้าง จึงต้องมีการลองผิดลองถูกทุกครั้ง พอเห็นว่าโอเคก็ลองเอามานำเสนอให้ลูกค้าได้ชิม ถ้าลูกค้าติดอกติดใจก็จะทำการเพิ่มเมนูเข้าไป

 

2.ทำด้วยความจริงจังและตั้งใจ

ถ้าใครได้ชมรายการที่คุณสมชาติไปออกมาแล้วจะเห็นถึงความจริงจัง ความตั้งใจ การใส่ใจ การรู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่างทุกขั้นตอน การเลือกใช้วัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ที่สำคัญการรักในสิ่งที่ทำ ทำด้วยความสนุก เป็นพลังดึงดูดให้มีชื่อเสียงจนทุกวันนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ ครับ

 

3.คัดสรรเป็นอย่างดีในทุกสิ่ง

ชามขนาดใหญ่ที่ใช้บรรจุขนมหวานหลากสีสัน ที่โชว์เรียงรายเต็มหน้าร้าน เชิญชวนให้เราเข้าไปดูใกล้ ๆ เรียกน้ำลายไม่น้อย รู้ไหมว่าสิ่งเหล่านี้ได้ผ่านขั้นตอนและถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดีแล้วทั้งสิ้น อย่างถั่วแดงเม็ดโตหรือถั่วแดงหลวง ซึ่งคุณตี๊เห็นว่าโครงการหลวงสามารถปลูกถั่วชนิดนี้ได้สำเร็จ จึงได้เปลี่ยนจากถั่วแดงเม็ดเล็กมาเป็นถั่วแดงหลวงแทน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสเนื้อนุ่ม ๆ ของถั่วกันอย่างเต็มปากเต็มคำมากกว่าเดิม รวมถึงการหาวิธีเชื่อมไม่ให้เหลือรสฝาด ซึ่งควบคุมยากกว่าถั่วเม็ดเล็กมากเอาการอยู่เหมือนกัน

 

แม้แต่ถั่วปากอ้า ซึ่งแต่เดิมเราเคยชินกับการกินแบบกรอบ ๆ คุณตี๊ยังลองนำมาเชื่อมดู เมื่อเห็นว่ารสชาติออกมาดี จึงนำมาใช้เป็นวัตถุดิบตัวใหม่ในเมนู แม้ขั้นตอนการทำจะยุ่งยาก โดยต้องแช่น้ำทิ้งไว้หนึ่งคืนแล้วมานั่งแกะเม็ดต่อเม็ดทางร้านก็ยอมลงทุนลงแรง ที่จะทำให้ลูกค้ากินแล้วสบายใจ กินแล้วเช็งซิม นั่นเอง

 

4.เลือกชื่อสื่อความหมาย จดจำง่ายเป็นสิริมงคล

ว่ากันตามจริงแล้วต้นตำรับของประเทศจีนจะไม่เรียก  เช็งซิมอี๊  แต่จะเรียกว่า เช็งโป๋เลี้ยง คือกินแก้ร้อนใน ช่วยเสริมให้สุขภาพแข็งแรง แต่ทางร้านอยากให้ลูกค้าได้มากกว่าสุขภาพ คือกินแล้วได้ความสบายใจด้วย ซึ่งคำว่า เช็งซิม แปลว่าความสบายใจนั่นเอง จึงเป็นเหตุผลที่ตั้งชื่อร้านแบบนี้

 

ส่วนคำว่า อี๊ แปลว่ากลมและราบรื่น อาจหมายถึงแป้งบัวลอยที่มีทรงกลมอีกความหมายหนึ่ง ดังนั้น เพื่อให้ร้านเช็งซิมอี๊ คงความเป็นสิริมงคลเอาไว้ ทางร้านจึงตัดแป้งให้เป็นแผ่นกลมตามต้นตำรับเมืองจีน จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์และเป็นเมนูที่เลื่องชื่อมาจนถึงทุกวันนี้

 

5.ทุกเมนูชูสุขภาพและความอร่อยเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ

ตัวชูโรงในถ้วยขนมหวานแน่นอนว่าต้องเป็น เช็งซิมอี๊ เพราะแป้งของที่นี่เป็นสูตรฮ่องกงแท้ เวลาเคี้ยวจะให้ความเหนียวและกรุบไปพร้อม ๆ กัน ตามคอนเซ็ปต์ของร้าน ยิ่งเคี้ยวยิ่งมัน เมื่อตักกินพร้อมธัญพืชนานาชนิดที่อัดแน่นในชาม ยิ่งช่วยเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี ที่ลงตัวอย่างกลมกลืนทั้งความนุ่มของถั่วแดง ความนิ่มของเม็ดบัว ความกรอบของแห้ว ลูกเดือย เม็ดเกาลัด ฯลฯ กินแล้วชุ่มคอชื่นใจอร่อยถึงใจจริง ๆ

 

สำหรับเมนู ห้าขุนพลที่ชื่อดูห้าวหาญ แต่รู้ไหมว่าสรรพคุณที่เจ้าของร้านยกนิ้วให้เลยว่ากินแล้วดีต่อสุขภาพจริง ๆ แม้แต่คนที่เป็นโรคเบาหวานก็กินได้ไม่ต้องกลัวปริมาณน้ำตาลจะพุ่งพรวดพราด เพราะทางร้านเน้นขั้นตอนการตุ๋นยาจีนเป็นหลัก การเชื่อมน้ำตาลที่ไม่หวานมากนัก แค่ให้เหลือรสน้ำเชื่อมบาง ๆ อยู่บ้าง เหมาะแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งนาน ๆ จะได้เพิ่มกลูโคสให้ร่างกายบ้างก็ดี ส่วนคนที่ชอบหวานน้อยหวานมากก็สามารถเติมน้ำเชื่อมเข้าไปได้ตามความพอใจไม่ทำให้ความอร่อยลดลงแถมยังได้ประโยชน์อีกด้วย

 

สำหรับขุนพลทั้งห้านั้น ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ เริ่มตั้งแต่แปะก๊วยช่วยบำรุงสมองและระบบความจำ เก๋ากี้ บำรุงสายตาและผิวพรรณ แป๊ะหะ ช่วยขยายหลอดลม ทำให้เสียงใส รากบัว แก้ร้อนในล้างสารพิษออกจากไต เกาลัดทำหน้าที่ซ่อมแซมระบบทางเดินอาหารและสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย อีกทั้งยังช่วยเสริมรสชาติในถ้วยให้ดีขึ้นอีกด้วย

 

สำหรับคนที่กลัวน้ำลำไยที่ราดผสมมาว่าจะทำให้เกิดอาการร้อนใน ขอบอกว่าไม่ต้องกังวล อันนั้นเป็นผลมาจากการกินลำไยสด แต่ถ้าลำไยอบแห้งนำมากลั่นเป็นน้ำยิ่งซดยิ่งชื่นใจ ส่วนคนที่ชอบกินแบบราดน้ำกะทิมากกว่าน้ำเชื่อม เมนู หริ่ม ทิม พร้าว จัดว่าเด็ดมาก เพราะมีซาหริ่ม ทับทิมและมะพร้าวเป็นตัวนำ  ซึ่งคุณตี๊บอกว่าเมื่อรวมสามอย่างนี้เข้าด้วยกันจะช่วยเสริมความหอมของกะทิได้อย่างลงตัวที่สุด โดยเฉพาะมะพร้าวเป็นมะพร้าวกะทิที่หากินยาก เมื่อกัดลงไปในเนื้อมะพร้าวจะนุ่มเหนียวเคี้ยวมันจนติดใจอย่างแน่นอน

 

ตบท้ายด้วยเมนู จ้ำบ๊ะ ถ้าใครนึกภาพไม่ออกแต่ถ้าบอกว่าเป็นขนมปังเย็นคงเห็นภาพทันที ซึ่งอาจจะดูเหมือนร้านอื่น แต่พอได้ลิ้มชิมรสกันแล้วต้องอึ้งไปพักหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องด้วยความสดของน้ำกะทิที่ราดลงมานั้นเป็นกะทิคั้นสดและนำมาเติมใหม่ทุก 2-3 ชั่วโมง หรือแม้แต่ท็อปปิ้ง ก็มีให้ลูกค้าเลือกกว่า 30 รายการ เรียกได้ว่ากินขนมร้านนี้แล้วก็เช็งซิมจริง ๆ

 

ได้ทราบเรื่องราวความเป็นมาของร้าน เช็งซิมอี๊แล้ว หลายคนอยากไปลองชิมน้ำแข็งไสหรือขนมหวานกันสักครั้ง รับรองว่าจะไม่ผิดหวังเลยทีเดียว ในส่วนของการทำธุรกิจนั่น สิ่งที่เห็นได้ชัดนั่นคือความใส่ใจของเจ้าของธุรกิจที่คัดสรรแต่สิ่งดีมีประโยชน์ให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังรู้แจ้งรู้จริงในวัตถุดิบและกระบวนการผลิตของตน แถมยังสรรหาพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ มาเพิ่มเติมให้ลูกค้าได้รับประทานกัน เรียกว่าพัฒนาไม่หยุดยั้ง รวมถึงความมีอัธยาศัยที่ดี มีใจรักในสิ่งที่ทำก็เป็นหัวใจสำคัญของทุก ๆ ธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้ด้วยเช่นกันครับ