ลงทุนต่างประเทศดีไหมปี 2566 ดร.กอบศักดิ์  แนะเป็นปีที่น่าลงทุนที่สุด

            สำนักข่าวฐานเศรษฐกิจได้รายงานเรื่อง ดร.กอบศักดิ์  ย้ำปี 2023 เป็นปีที่เหมาะสมที่จะไปลงทุนในตลาดต่างประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพเผยข้อมูลที่น่าสนใจเอาไว้ว่าตลาดทุนปี 2023 จะเป็นปีแห่งการลงทุนพร้อมกับแนะนำให้นักลงทุนหันไปเจาะตลาดต่างประเทศเพราะมีโอกาสที่ดีกว่าแต่ต้องหาจังหวะให้เจอ และคาดการณ์ว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้าภาวะเงินเฟ้อทำให้อาจจะยังมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยได้อีกระยะรับสัญญาณเฟดที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.75%

สถานการณ์การลงทุนโลกในตอนนี้ ดร.กอบศักดิ์ มองที่ว่ากำลังผ่านวิกฤต Perfect Storm ระยะเวลา 3 ปีซึ่งในปี 2565 เป็นปีแรกของวิกฤตดังกล่าวซึ่งเป็นปีที่มองว่าเป็นมรสุมใหญ่ของการลงทุน สินทรัพย์เสี่ยงมีการปรับตัวลงแรงและมีความผันผวนมากมายเกิดขึ้นในตลาดซึ่งเป็นปีที่วัดฝีมือของนักลงทุนอย่างแท้จริง ปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ของวิกฤตก็กำลังเข้าสู่เงินเฟ้อที่แนวโน้มเงินเฟ้ออาจจะยังเพิ่มได้อีกระยะหนึ่งแล้วจึงเริ่มปรับตัวลดลง เฟดเริ่มสู้กับภาวะเงินเฟ้อทำให้เศรษฐกิจถดถอยและเกิดวิกฤตในประเทศเกิดใหม่ ส่วนปี 2567 เป็นปีที่ 3 คาดว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2567 ทองและหุ้นมีจุดวกกลับแต่ยังไม่แน่ใจชัดว่าจะจบลงอย่างไร

ในอีก 1-2 ปีข้างหน้ามีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นอาจจทำให้มีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยได้อีกระยะหนึ่งรับกับสัญญาณเฟดว่าปี 2566 จะขึ้นดอกเบี้ยอีกอีกอย่างน้อย 0.75% หรือเฟดอาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับปกติ 0.25% ไปเรื่อย ๆ และขึ้นต่อได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้นซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 4.5-4.75%

เนื่องจากรายงานการประชุมเฟดเมื่อ 1 ก.พ. 2566  ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเฟดมีความพยายามจะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาอยู่ที่เป้าหมาย 2% ให้ได้และเมื่อเงินเฟ้อเริ่มลงก็จะเริ่มลดดอกเบี้ยในที่สุดผลกระทบในปีนี้จึงอยู่ที่การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ปัจจัยที่กระทบต่อการลงทุนมี  3 ส่วนหลักได้แก่  

1. เศรษฐกิจซบเซาและถดถอยในบางประเทศการส่งออกของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะจีน เกาหลีใต้  สิงคโปร์ ฮ่องกง หากชะลอตัวย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่อง เศรษฐกิจถดถอยจะเกิดในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ลาติน แต่สำหรับเอเชียเพราะได้ผลบวกจากการกลับมาของจีนในเวลาที่เหมาะสมจึงมองว่าเอเชียจะผ่านไปได้เมื่อจีนจัดการให้โควิดจบและกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ซึ่งคาดกันว่าตั้งแต่เดือนมี.ค.2566 เป็นต้นไป เศรษฐกิจจีนจะดีขึ้นเป็นพิเศษ  โดย IMF มองว่าเศรษฐกิจจีนปีนี้เติบโตได้  5.2%

2.ผลกระทบต่อตลาดประเทศเกิดใหม่หากเฟดยังขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จะเกิดปัญหากับประเทศเกิดใหม่

3.การฟื้นตัวของสินทรัพย์ต่าง ๆ ในตลาดที่อยู่ในภาวะ Bear Market ยังมีโอกาสในการลงทุนเพราะไม่มีใครซื้อได้ที่ราคาต่ำสุด แต่หากจะซื้อในราคาที่เหมาะสมจะต้องถืออย่างน้อย 2 ปีและมีโอกาสได้ผลตอบแทน 40-50% ซึ่งถ้าพลาดโอกาสนี้จะต้องรอไปอีกหลายปีกว่าจะได้ในราคาสินทรัพย์ที่ระดับนี้

ที่มา: https://www.thansettakij.com/finance/557575

ประเด็นสำคัญลงทุนต่างประเทศดีไหมปี 2566 ดร.กอบศักดิ์  แนะเป็นปีที่น่าลงทุนที่สุด

สภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจยังคงเป็นเครื่องหมายสำคัญและสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนไม่น้อยโดยเฉพาะนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีแรงขายสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติสะสมแล้วหลายหมื่นล้านบาท เมื่อประกอบกับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังไม่ถูกกดลงตามเป้าที่ทางเฟดตั้งไว้จึงยังคงมีแนวโน้มที่ทางเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 นี้อีกแม้อาจจะไม่ได้รุนแรงเท่ากับในช่วงปีที่ผ่านมาก็ตาม และเมื่อพิจารณาจากปัจจัยหลาย ๆประการเข่นการฟื้นตัวของประเทศใหญ่อย่างจีนที่เริ่มจะมีการฟื้นตัวไปในทางบวกหลังสามารถจัดการกับสถานการณ์โควิดในประเทศได้ ทำให้ตลาดภายนอกประเทศมีความน่าสนใจกว่าตลาดภายในประเทศที่ยังคงน่าจะเป็นตลาดที่อยู่ในช่วงซึมไปไม่น้อยกว่า 1 ปี

นักลงทุนที่อยากจะสร้างผลตอบแทนใ ตลาดต่างประเทศในช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่กระนั้นก่อนที่คุณจะออกไปยังตลาดต่างประเทศคุณก็ควรที่จะศึกษาและวางแผนการลงทุนให้ดีเพื่อให้คุณสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างที่ต้องการ

เทรด forex ให้ได้วันละ 1000 บาท