เมื่อพูดถึง “มานี มีหม้อ” สิ่งแรกที่ลูกค้านึกถึงคือโลโก้ร้าน และบรรยากาศที่เป็นกันเองแบบครอบครัว ย้อนวัยไปสนุกสนาน

สำหรับเหล่าสายกินทั้งหลาย หนึ่งในอาหารยอดฮิตที่กำลังเป็นกระแส แรงดีไม่มีทีท่าว่าจะตกในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นชาบู ที่มีให้เลือกหลากหลายแนวตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงร้านอาหารขนาดใหญ่  ในขณะที่ผู้บริโภคอย่างเรากำลังเพลิดเพลินกับการทานนั้น สมรภูมิการแข่งขันของบรรดาผู้ประกอบการนั้นดุเดือดไม่แพ้กัน หลายแห่งต่างงัดกลยุทธ์เข้ามาสู้เพื่อให้ได้ใจลูกค้า แต่ก็มีน้องใหม่ไฟแรงถือกำเนิดขึ้นมาร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย หนึ่งในนั้นคือ “มานี มีหม้อ” แค่ชื่อก็สะดุดหู ทำอย่างไรถึงได้มาไกลขนาดนี้ ที่มาที่ไปเป็นอย่างไรลองมาทำความรู้จักกันเลย

มานี มีหม้อ ชูเมนู ชาบูมันกุ้ง เจ้าแรกของไทย

เปิดตัวทั้งทีต้องสร้างความแตกต่าง สำหรับ “มานี มีหม้อ” นั้น วัตถุดิบที่ทำให้น้ำซุปมีรสชาติอร่อยไม่เหมือนใครคือ “มันกุ้งแม่น้ำ” ช่วยเพิ่มความหอม หวานมัน กลมกล่อม ถือเป็นทีเด็ดที่เรียกได้ว่าใครที่ได้ลิ้มลองแล้วจะต้องติดใจทุกราย จนเกิดการบอกต่อกันอย่างรวดเร็ว รวมถึง “หมูเทวดา” ที่แนะนำให้สั่งคู่กับมันกุ้ง เพื่อเพิ่มอรรถรสในการทานมากขึ้น

ชื่อร้านที่โดดเด่นแบบไทยไทย

สิ่งสำคัญที่ทำให้คนจดจำได้ง่ายนั้นคือชื่อ ซึ่งทางร้านได้ใช้ชื่อที่แสดงถึงความเป็นไทยอย่าง “มานี” ตัวละครในหนังสือเรียนที่หลายๆคนคุ้นเคย แต่เด็กรุ่นใหม่อาจจะงงๆ รวมถึงการโลโก้ประจำร้านที่ถอดแบบมาจากมานี เด็กผู้หญิงมัดผมแกละ เพิ่มเอกลักษณ์ด้วยท่าเท้าคางที่น่ารัก จนกลายมาเป็นท่าถ่ายรูปยอดฮิตที่ลูกค้านิยมทำกัน เป็นท่าที่ออกแบบมาให้เข้ากับทุกเพศทุกวัยจริงๆ บวกกับการที่ทางร้านได้สร้างเรื่องราวของมานีขึ้นมาในแบบฉบับของตนเอง ถือเป็นชื่อที่เรียกง่าย จำง่าย ที่ใครต่างได้ยินแล้วต้องเกิดความอยากรู้ถึงที่มาที่ไป

สไตล์การตกแต่งร้านและบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร

การตกแต่งร้านที่เรียกได้ว่าโดดเด่นมากๆสำหรับ มานี มีหม้อนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความตื่นเต้นเมื่อได้เข้าไปในร้าน เหมาะกับการถ่ายรูปสุดๆ ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละสาขา ถือเป็นการดึงดูดลูกค้าได้เช่นกัน เช่น

  • สาขา Esplanade รัชดา มีการตกแต่งสไตล์อเมริกันวินเทจ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่คาสิโนในเมืองลาสเวกัส โดยมีความเป็นไทยแฝงอยู่ เห็นได้จากโคมระย้าที่นำเอาหม้อมาประดับเรียงราย
  • สาขา Market Village Suvarnabhumi ที่ตกแต่งสไตล์บ้านสวนของอังกฤษ
  • สาขา The Circle Ratchapruk มีการตกแต่งในสไตล์วิหารแบบอิตาลี เหมือนอยู่บนสวรรค์

รูปแบบการตกแต่งที่ไม่ซ้ำใครบวกกับการบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครหลักอย่างมานีต่อสถานที่นั้นๆ นอกจากความสวยงามบวกกับความเก๋แล้วยังเพิ่มความสนุกให้แก่ลูกค้าได้อีกด้วย

ชื่อเมนูอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ แค่ได้ฟังเป็นต้องร้องว้าว

สุดยอดความอาร์ตคงต้องยกให้ มานี มีหม้อ แค่หน้าตาของเมนูรายการอาหารก็สะดุดตา ชื่อเมนูต่างๆก็เป็นที่จดจำได้ไม่แพ้กัน เพราะมีชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น ลูกชิ้นมันกุ้ง 1 เดียวในใจมานี, สมคิดหิ้วมาจากปีนัง, น้ำส้มสดจากไร่ผู้ใหญ่จ้อน, ปลาบาซาจากกระชังครูไพลิน โอ้โหแต่ละชื่อนั้นสุดยอดจริงๆ

นอกจากนี้การคัดสรรวัตถุดิบเป็นอีกสิ่งที่ทางร้านให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ แหล่งของวัตถุต้องคุณภาพดี สด สะอาด แต่ละเมนูที่คิดขึ้นมาสร้างความแตกต่าง แทบจะไม่ซ้ำกับใคร แม้แต่น้ำจิ้มที่เป็นสูตรเด็ดเฉพาะตัว ลูกค้าสามารถปรุงรสตามชอบได้อีกด้วย น้ำซุปที่มีให้เลือกหลากหลาย เรียกได้ว่าอร่อยจนหยดสุดท้ายเลยก็ว่าได้

สรุปจุดเด่นของ “มานี มีหม้อ ”ที่ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

1.มีความเป็นเอกลักษณ์ คอนเซ็ปต์ชัดเจน

เดินผ่านร้านแล้วต้องเหลียวมอง ความกล้าที่จะแตกต่างทำให้มีจุดยืนที่โดดเด่น ภาพลักษณ์ที่นำเสนอออกมาชัดเจน เมื่อพูดถึง “มานี มีหม้อ” สิ่งแรกที่ลูกค้านึกถึงคือโลโก้ร้าน ชาบูมันกุ้ง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการโฆษณาตัวเองของ มานี มีหม้อ ได้อย่างแท้จริง

2.ใส่ใจในทุกรายละเอียด

ไม่เว้นแม้แต่แก้วน้ำ รวมไปถึงเครื่องแต่งกายพนักงาน ชื่อเมนู เพลงที่เปิด ทำให้ทุกอย่างดูเข้ากันได้อย่างลงตัว

3.พิถีพิถันในเรื่องของอาหารและรสชาติ

คุณภาพของวัตถุดิบคือสิ่งที่ มานี มีหม้อ ให้ความสำคัญมาก การคัดสรรสิ่งที่ดีให้แก่ลูกค้า ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความสำเร็จ จนกลายมาเป็นร้านชาบูยอดนิยม

4.จุดเริ่มต้นมาจากความหลงใหล

การได้ทำในสิ่งที่รัก เรามักจะทำสิ่งนั้นได้ดี ยิ่งถ้ามีการจัดการที่ดีด้วยนั้น โอกาสที่จะสำเร็จย่อมมีสูง สองสิ่งนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญในการประกอบธุรกิจ หากขาดสิ่งใดไป ธุรกิจอาจดำเนินไปได้แค่ครึ่งๆกลางๆเท่านั้น

5.รู้จักลูกค้าของตัวเอง

การที่ “มานี มีหม้อ” รู้ถึงกลุ่มลูกค้าของตัว นั่นคือ กลุ่มครอบครัว ทำให้สามารถจัดการในเรื่องของราคาขายได้อย่างสมเหตุสมผล เพราะรู้ว่าตั้งราคาเท่าไหร่ ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถจ่ายไหว อีกทั้งยังทำให้รักษาฐานลูกค้าในระยะยาวได้

6.มีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ

ทุกเมนูที่คิดค้นขึ้นมาล้วนผ่านการทำวิจัยเพื่อให้สามารถอยู่ได้ในระยะยาว มีการคิดค้นเมนูใหม่ๆขึ้นมาอยู่เสมอ ทำให้สูตรอาหารมีความเป็นเอกลักษณ์ ยากที่จะหาใครเลียนแบบ

ถอดบทเรียน เติมแนวคิดจาก “มานี มีหม้อ” สู่ SMEs

1.คิดจะทำทั้งที ต้องทำให้สุด

เมื่อเริ่มต้นทำด้วยความหลงใหลแล้ว ต้องมีความอดทน มุ่งมั่น ทำไปจนถึงที่สุด คิดให้สุด เพื่อให้ออกมาดีที่สุด เหมือนอย่างที่ผู้ก่อตั้งมานี มีหม้อ ให้ความสำคัญ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว

ดูละครย้อนดูตัว ศึกษาธุรกิจย้อนดูกิจการ สำรวจดูครับว่า สิ่งที่เราทำ เราคิด ตอนนี้มันไปสุดหรือยัง หรือยังเป็นประเภทห่วงหน้าพะวงหลัง ยังมีอะไรที่มันรั้นความสำเร็จของเราอยู่

ทำธุรกิจมันต้องไปให้สุดความคิด ทุ่มให้สุดกำลัง ไม่อย่างนั้น มันจะพังตั้งแต่เริ่ม

2.ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ ก็สามารถสร้างความโดดเด่นได้

เรื่องเล็กๆที่หลายคนปล่อยผ่าน แต่หากให้ความสนใจ แม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ก็สามารถเกิดความโดดเด่นขึ้นมา จนกลายเป็นเอกลักษณ์ ยากที่จะหาใครเหมือน อย่างเช่นที่มานี มีหม้อ ใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่เว้นแม้แต่แก้วน้ำ หรือเพลงที่ใช้เปิดในร้าน ทำให้ทุกองค์ประกอบสามารถเข้ากันได้อย่างลงตัว

ธุรกิจอาหารนอกจากอาหารอร่อยปากแล้ว การที่เราใส่ใจทุกรายละเอียด ขั้นตอน จะทำให้ลูกค้าอร่อยใจอีกด้วย นี่คือกุญแจสำคัญมากๆ ในการแข่งขันในยุคปัจจุบัน อาหารมันต้องอร่อยเป็นพื้นฐาน แต่บรรยากาศ นี่เป็นสิ่งที่ต้องลงรายละเอียดทุกเม็ดเพื่อให้เข้าไปถึง “อารมณ์” ของลูกค้า เมื่ออารมณ์ได้ อาหารมันก็อร่อย

แม้อาหารอร่อย แต่อารมณ์มันกร่อย ร้านนั้นก็ไม่อาจจะอยู่ได้…สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก นี่แหละที่จะทำให้สร้างบรรยากาศดี ผลที่ตามมาก็คือยอดขาย

SMEs ก็ควรให้น้ำหนักกับเรื่องของ “รายละเอียด” ให้มาก ยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งได้ใจลูกค้า ก่อนที่เราจะเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้ ต้องเริ่มจากที่เราเอาใจของลูกค้ามาไว้ที่เราก่อน แล้วเราจะได้คำตอบว่าเราจะต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าชอบ

3.ค้นหาเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความแตกต่าง

มานี มีหม้อ ไม่ใช่เจ้าแรกที่ทำธุรกิจชาบู แต่ด้วยความแตกต่างที่กล้าลงมือทำ บวกกับไอเดียที่ดี ทำให้ชาบูมันกุ้งกลายเป็นกระแสที่ทุกคนอยากลิ้มลอง ชื่อร้านที่ฟังแล้วมีความเป็นไทย ที่มาพร้อมกับท่าเท้าคางเก๋ๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้มานี มีหม้อ สามารถขึ้นมาเป็นร้านชาบูอันดับต้นๆที่หลายคนนึกถึงได้

แล้วธุรกิจของเราหละ เอกลักษณ์เราคืออะไร ? คำถามง่ายๆ ที่เจ้าของกิจการต้องคิดให้มาก คิดให้หนัก หากรักที่จะทำธุรกิจ เพราะเอกลักษณ์เท่านั้นที่จะทำให้เรายืนอยู่ในตลาดได้

หากเราเหมือน  ๆ กับคนอื่น ไม่นานช้าธุรกิจก็จะโดนกลืนไปโดยที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้เลย…

พยายามหาความแตกต่างในกลุ่มธุรกิจที่เราทำอยู่ สร้างเอกลักษณ์ให้เกิดขึ้นในธุรกิจที่เราทำ ลองมองดูธุรกิจอื่นที่แตกต่างจากธุรกิจที่เราทำ ดูสิว่ามีอะไรที่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อให้ธุรกิจเรามีความแตกต่างได้บ้าง หรือเราสามารถผสมผสานไอเดียธุรกิจอื่น ๆ มาประกอบเป็นธุรกิจของเราได้บ้าง นี่เป็นแนวทางในการสร้างความแตกต่างอย่างง่ายๆ

ทำธุรกิจ แตกต่าง = สำเร็จ

ทำธุรกิจ เหมือน = ล้มเหลว

เราเลือกเดินแบบไหน เส้นทางไหน ลองถามใจตัวเองดู

ธุรกิจอาหารถือว่ามีการแข่งขันที่สูงมาก กระแสโลกออนไลน์ก็เป็นอีกแรงที่ช่วยผลักดันธุรกิจ เจ้าไหนดัง เจ้าไหนเด็ด มักมีคนอยากทำตาม หากผู้ประกอบการสามารถมีการจัดการได้ดี รู้จุดเด่นของตัวเอง แก้ไขข้อบกพร่องได้รวดเร็ว ปรับตัวได้ทันตามสถานการณ์ ก็สามารถทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้

สิ่งที่ยากที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ธุรกิจอยู่ได้ในระยะยาว หากให้ใจลูกค้า ลูกค้าก็จะให้ใจกลับมา

เหมือนกับธุรกิจที่ทำด้วยใจ พร้อมคอนเซ็ปต์ที่ว่า “อร่อยใจๆ อาร์ตๆ” อย่าง “มานี มีหม้อ”

อ้างอิง

  • https://www.facebook.com/maneememore/
  • https://ibusinessjourney.com/2016/05/25/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%AD-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%84%E0%B8%A3/
  • https://www.sentangsedtee.com/news_detail.php?rich_id=2612&section=1
  • https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1451499844
  • https://www.youtube.com/watch?v=zOQL2H7tWT4

บทความโดย

ผู้ผ่านรับการฝึกอบรม “ใช้เวลาว่างเขียนบทความสร้างรายได้”

คุณ  มาลินี เพ็ชรอุไร

แม่บ้านครูสอนพิเศษวิชาวิทยาศาสตร์