การเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจครอบครัวของมูเกซ อัมบานีไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่อาศัยโชคชะตาราศี ไม่ต้องพึ่งพาหมอดูหรือร่างทรง เพราะสิ่งที่เขาทำเกิดจากความรู้ในสิ่งที่เขาร่ำเรียนและนำมาต่อยอดจนประสบความสำเร็จ

ในธุรกิจส่วนใหญ่ของโลกใบนี้ การวางรากฐานสำคัญจนนำไปสู่ความมั่งคั่งมักจะเกิดขึ้นในรุ่นที่ 1 หรือรุ่นบุกเบิก ความคิดสร้างสรรค์อันมาจากการสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของสังคมมักนำไปสู่จุดกำเนิดของธุรกิจใหม่ คนรุ่นบุกเบิกจึงแทบจะเป็นทุก ๆ อย่างของธุรกิจนั้น ผ่านร้อนผ่านหนาว ล้มลุกคลุกคลานจนธุรกิจเติบใหญ่ มั่นคงและประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นจึงส่งไม้ต่อให้รุ่นที่ 2 เข้าไปดูแลแทน ซึ่งการดำเนินธุรกิจจึงแทบไม่แตกต่างจากคนรุ่นเดิม แต่ยังมีทายาทรุ่นที่ 2 ที่ไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยวิสัยทัศน์และการมองเห็นถึงโอกาสบางอย่าง ทำให้ทายาทคนนี้ไม่เพียงสืบทอดธุรกิจของครอบครัวเท่านั้น ซ้ำยังขยายต่อจนเป็นอาณาจักรธุรกิจขนาดมหึมาติดลำดับต้น ๆ ของโลก และทายาทธุรกิจคนนั้นมีชื่อว่า “Mukesh Dhirubhai Ambani” เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ Reliance Industries Ltd.

จุดกำเนิดของลูกชายคนทอผ้า

Mukesh Dhirubhai Ambani หรือ “มูเกซ อัมบานี” เกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน 1957 เป็นบุตรชายของ Dhirubhai Ambani และ Kokilaben Ambani เขามีน้องชาย 1 คนคือ Anil Ambani และมีน้องสาว 2 คนคือ Dipti Salgaoncar และ Nina Kothari

พ่อของมูเกซเปิดบริษัทสิ่งทอชื่อ Reliance Textiles Industries ดังนั้นมูเกซจึงเป็นลูกชายของคนทอผ้ามาตั้งแต่เด็ก และเติบโตมากับธุรกิจทอผ้าของครอบครัว

ในวัยเด็กครอบครัวของอัมบานีพักอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ 2 ห้องนอนขนาดเล็กใน Bhuleshwar เมืองมุมไบจนถึงปี 1970

ต่อมาพ่อของเขาซื้อตึกอพาร์ตเมนต์ 14 ชั้นชื่อ sea wind ในเมือง colaba ซึ่งในปัจจุบันทั้งครอบครัวของมูเกซและอนิลได้พำนักอยู่ในชั้นต่าง ๆ

มูเกซ อัมบานี เข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมที่ Hill Grange High School เมืองมุมไบ และเข้าศึกษาต่อด้านวิศวกรรมเคมีจาก Institute of Chemical Technology เมือง Matunga

เข้าช่วยงานธุรกิจครอบครัว จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่

หลังจบการศึกษาปริญญาตรี มูเกซ เข้าศึกษาต่อ MBA ที่ Stanford University แต่เรียนไม่จบ เนื่องจากในปี 1980 รัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของ อินธิรา คานธี เปิดให้ภาคเอกชนผลิต “เส้นใยโพลีเอสเทอร์” ในครั้งนั้นพ่อของมูเกซได้ยื่นใบขออนุญาตด้วย และได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานผลิตจึงทำให้มูเกซต้องออกมาช่วยงานตั้งโรงงาน และมูเกซก็ไม่ได้กลับไปเรียนต่อ MBA อีกเลย

นำสิ่งที่เรียนมาต่อยอด พลิกสู่ธุรกิจปิโตรเคมี

มูเกซเข้าทำงานเต็มตัวที่บริษัท Reliance เขาเป็นส่วนหนึ่งในการนำให้ธุรกิจครอบครัวเปลี่ยนจากบริษัทสิ่งทอกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตเส้นใยโพลีเอสเทอร์ เขาเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการพัฒนาโรงงาน พัฒนาการผลิตทำให้สามารถผลิตเส้นใยโพลีเอสเทอร์ได้ถึงกว่า 145,000 ตัน/ปี จนกลายเป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตลำดับต้น ๆ ของอินเดีย

แต่มูเกซไม่หยุดการเติบโตของธุรกิจเพียงเท่านี้ ในภายหลังเขาพลิกธุรกิจของครอบครัวครั้งใหญ่อีกครั้งจากความรู้ที่เขาเล่าเรียนมาในด้านวิศวกรรมเคมี นั่นทำให้เขาตัดสินใจขยายธุรกิจครอบครัวเข้าสู่แวดวงธุรกิจปิโตรเคมี

จากการขยายธุรกิจในครั้งนี้ทำให้ในปี 1985 เขาเปลี่ยนชื่อบริษัทจากเดิมเป็นชื่อใหม่คือ Reliance Industries Ltd. และเปิดโรงงานปิโตรเคมี Hazira ได้สำเร็จในช่วงปี 1991 – 1992 หรือเพียง 10 ปีนับจากที่เขาเข้ามาช่วยงานครอบครัว

ขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านพลังงานของอินเดีย

RIL ภายใต้การบริหารของมูเกซยังคงเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากวิสัยทัศน์ของเขา มูเกซประกาศแผนการสร้างโรงกลั่นปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่รัฐคุชราตในช่วงปี 1998 – 2000

โรงกลั่นแห่งใหม่ที่ Jamnagar นี้มีกำลังการผลิตถึง 660,000 บาร์เรล/วัน หรือราว 33 ล้านตัน/ปี ในปี 2010 ทำให้ RIL เป็นมหาอำนาจด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย

เป้าหมายต่อไปคือธุรกิจด้านโทรคมนาคม

ในปี 2013 มูเกซ อัมบานี ประกาศแผนการลงทุนการเป็นพันธมิตรกับ Bharti Airtel ในการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลสำหรับเครือข่าย 4G ในประเทศ ซึ่งมูเกซได้จัดตั้งบริษัททางโทรคมนาคม Reliance Infocomm Limited ไว้แล้ว ( ปัจจุบันคือ Reliance Communication Ltd. )

ในวันที่ 18 มิถุนายน 2014 ประกาศการลงทุน 1.8 ล้านล้านรูปีในการลงทุนด้านการสื่อสาร และเปิดให้บริการ 4G ในปี 2015

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 เปิดตัวแบรนด์สมาร์ทโฟน 4G ชื่อ LYF เป็นแบรนด์ที่ขายดีเป็นอันดับ 3 ของอินเดีย 

Reliance Industries ภายใต้การบริหารของมูเกซ อัมบานี

นับตั้งแต่ก่อตั้งโดยบิดาในปี 1965 จนกระทั่งมูเกซ อัมบานี เข้ามาช่วยงานในช่วงปี 1980 – 1981 จวบจนกระทั่งปัจจุบัน Reliance Industries มีการพัฒนาที่สำคัญและมีอิทธิพลสำคัญต่ออินเดียดังนี้

– 1985 เปลี่ยนชื่อเป็น Reliance Industries Ltd.

– 1991 – 1992 เปิดโรงงานปิโตรเคมี Hazira

– 1995 – 1996 ร่วมมือกับ NYNEX ประเทศสหรัฐอเมริกาก่อตั้งบริษัทโทรคมนาคม

– 1998 – 1999 ผลิตก๊าซหุงต้มในชื่อ Reliance gas

– 1998 – 2000 สร้างโรงกลั่นปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่รัฐคุชราต

– 2001 – 2002 ควบรวมกับบริษัท Reliance Petroleum

– 2002 ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียที่ลุ่มน้ำ Krishna Godavari

– 2002 – 2003 เข้าซื้อหุ้นบริษัท Indian Petrochemicals Corporation Ltd. บริษัทปิโตรเคมีอันดับ 2 จากรัฐบาลและควบรวมกันในปี 2008

– 2005 – 2006 ลงทุนผลิตในจำหน่ายกระแสไฟฟ้า, การบริการด้านการเงิน

– 2010 เข้าซื้อ Infotel Broadband Services Limited บริษัทที่ให้บริการคลื่น 4G

– 2017 ร่วมทุนกับบริษัท Sibur ของรัสเซียเพื่อตั้งโรงงานยางบิวทิลในรัฐคุชราต

ความสำเร็จของมูเกซ อัมบานี

สิ่งที่เป็นเครื่องการันตีความสำเร็จในการบริหารธุรกิจของครอบครัวจนเจริญรุ่งเรืองคือรางวัลที่ได้รับอันเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี เช่น

2010       – Global Vision award at the award dinner

– Bussiness Leader of the year

– Business of the year

– อันดับที่ 5 ในการจัดอันดับ best performing global CEO

– Global Leadership award

2016       – Othmer Gold Medal

2018 – ในเดือนกุมภาพันธ์ Bloomberg’s Robin Hood Index ประมาณทรัพย์สินทั้งหมดของอัมบานี  เทียบเท่ากับงบบริหารประเทศของอินเดียทั้งหมดถึง 20 วัน

– ได้รับการจัดอันดับเป็นเศรษฐีอันดับที่ 19 ของโลกโดยนิตยสารฟอร์บด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4 หมื่น ล้านเหรียญ 

Mukesh Ambani : สิ่งที่ SMEs ควรเรียนรู้

        1. ทำในสิ่งที่ตนรู้และเชี่ยวชาญ

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจครอบครัวของมูเกซ อัมบานีไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่อาศัยโชคชะตาราศี ไม่ต้องพึ่งพาหมอดูหรือร่างทรง เพราะสิ่งที่เขาทำเกิดจากความรู้ในสิ่งที่เขาร่ำเรียนและนำมาต่อยอดจนประสบความสำเร็จ

SMEs ก็เช่นกัน เมื่อคิดที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจ สิ่งที่ทำต้องเป็นสิ่งที่เรารู้และเข้าใจมันเป็นอย่างดี และต้องเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งทุกซอกทุกมุม ธุรกิจนั้นจึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ การทำธุรกิจที่เราไม่มีความรู้หรือทำไปเพราะกระแสโดยไม่เรียนรู้ เงินลงทุนที่เราลงจะเสมือนเราเอามันไปถมไว้ในบ่อที่ไร้ก้น เพราะมันสูญเปล่าและไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

        2. เป็นผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์

ไม่ว่าคุณจะบริหารองค์กรระดับเล็กหรือใหญ่หรือกระทั่งทำธุรกิจเป็น startup หรือ SMEs สิ่งที่คุณควรจะฝึกคือความเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ ผู้นำที่ดีคุณลักษณะสำคัญประการหนึ่งคือต้องมีวิสัยทัศน์ที่ดีจุงจะนำพาองค์กรและธุรกิจไปรอด ผู้นำจะต้องมองหาทุกโอกาสที่เป็นไปได้ทั้งหมดที่จะทำให้องค์กรเติบโต ต้องรู้และเข้าใจเป้าหมายขององค์กรเป็นอย่างดีจึงจะเดินหน้านำพาองค์กรไปได้ ผู้นำที่ไร้วิสัยทัศน์นอกจากจะทำให้ลูกน้องสับสนไร้ทิศทาง หากยังปล่อยให้นำพาองค์กรต่อไปก็มีแต่จะทำให้องค์กรเข้ารกเข้าพงและล่มสลายในที่สุด

        3. มองโอกาสและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของธุรกิจ

ความรุ่งเรืองของธุรกิจนอกจากการมองเห็นโอกาสแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือต้องวิเคราะห์โอกาสและความเป็นไปได้นั้นให้ถี่ถ้วนที่สุด อย่าทำตัวเป็น “หนูน้อยในทุ่งลาเวนเดอร์” หรือมองโลกสวยงามเกินไป เพราะเหรียญมี 2 ด้านฉันใด โอกาสทางธุรกิจก็มีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวฉันนั้น จงวิเคราะห์ทั้งโอกาสและความเสี่ยงเพื่อหาทางต่อยอดและป้องกันให้ดี ถ้าทำได้ธุรกิจของคุณก็ไม่มีอะไรฉุดรั้งได้ครับ

มูเกซ อัมบานี คือตัวอย่างทายาทรุ่นที่ 2 ที่ทำให้ธุรกิจครอบครัวเปลี่ยนแปลงจากจุดเริ่มต้นสู่ความยิ่งใหญ่ ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นเกิดจากความเข้าใจ ความรู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใด และความสามารถด้านวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมจนสามารถขยายอาณาจักรธุรกิจจนเติบโตมหาศาลในทุกวันนี้ เชื่อว่าใคร ๆ ก็เป็นดังมูเกซ อัมบานีได้ ขอเพียงแค่ “มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความเข้าใจ มองโอกาสและวิเคราะห์ให้เป็น” แม้ไม่อาจยิ่งใหญ่เท่า แต่คุณก็ยิ่งใหญ่ได้ในแบบที่คุณเป็น