หลายคนที่ค้าขายออนไลน์ สอบถามผมเข้ามาเยอะพอสมควรครับ ว่าช่วงนี้ยอดขายตก ทำอย่างไรดี
มันก็มีหลากหลายวิธีการนะครับ สำหรับเรื่องยอดขายที่ตกลง
สินค้าเราเริ่มได้รับความสนใจน้อยลงหรือเปล่า
คนเก็บเงินไว้ไม่อยากใช้อยากจ่ายหรือเปล่า
คู่แข่งมีมากขึ้นทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้นไหม
บริการของเราดีหรือยัง
ช่องทางการขายเราเท่าเดิม หรือลดลง มีการหาช่องทางเพิ่มไหม
ตอนดูกันไปเป็นข้อ ๆ เลยทีเดียวครับ
ก็ต้องแก้กันไปเป็นประเด็นไป
วันนี้อยากจะเสนอเรื่องง่าย ๆ ที่น่าจะเริ่มทำกันก่อนได้เลย
ฟรี !!! ค่าจัดส่ง
แค่เห็นคำว่า “ฟรีค่าส่ง” ลูกค้าหลายคนก็หูผึ่ง ตาลุกวาวเลยทีเดียวครับ
ปกติเราคิด ราคาสินค้ากันอย่างไรบ้าง
1.คิดราคาสินค้า แยก จากค่าจัดส่ง
2.คิดราคาสินค้า รวมกับค่าจัดส่งเรียบร้อยแล้ว
หากเป็นกรณีที่ 1 ข้อดีคือ ลูกค้าไม่ต้องโดนเก็บค่าส่งมากนัก หากซื้อหลาย ๆ ชิ้น แต่ข้อเสีย คือทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าทำไมต้องจ่ายหลายต่อ ไม่คิดรวม ๆ กันไปทีเดียว
กรณีนี้เหมาะกับกลุ่มสินค้าที่มีน้ำหนัก มาก ๆ เพราะราคาจัดส่งแปรผันตามน้ำหนักสินค้า
ส่วนกรณีคิด ค่าส่งรวมไปแล้ว ผู้ขายอาจจะมีกำไรน้อยลงไปหน่อย แต่สิ่งที่ได้ในมุมลูกคือ “ครบแล้ว” ไม่ต้องอะไรกับฉันอีก จ่ายแค่นี้ได้ของเรียบร้อยเลย
สินค้ากลุ่มนี้สินค้าน้ำหนักไม่มากนัก เน้นจำนวนชิ้น เช่นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง อาหารเสริม ฯ
สำหรับพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ หรือ มือเก่าเก๋าเกมจะส่งช่องทางไหน แบบไหนดี
โดยส่วนตัวผมทำธุรกิจออนไลน์ รวมทั้งเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนก็ส่งสินค้าผ่านทางไปรษณีย์ไทย หละครับ
แม้ตอนนี้จะมีบริษัทที่เขารับบริการจัดส่งสินค้ามากยิ่งขึ้นแต่ ไปรษณีย์ไทย ก็ยังได้รับความนิยมครับ
ส่งแบบไหนดี
ผมแนะนำ 2 แบบนะครับ ส่งให้ลูกค้าได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั้ง 2 แบบครับ
1.แบบด่วน EMS ราคาเริ่มต้นที่ 32 บาท ได้ความสะดวกที่ส่งถึงลูกค้าเร็วมากไม่เกิน 2 วันนี่ได้รับสินค้า สามารถตรวจสอบสถานะสิ่งของได้ตลอดเวลา รายละเอียดบริการคงไม่ต้องแนะนำมาก เพราะเพื่อนๆ น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
2.แบบลงทะเบียน ราคาจะประหยัดมาก โดยใช้ค่าส่งในอัตราจดหมายมาเป็นฐานการคิดค่าบริการตามน้ำหนักสิ่งของ และประเทศปลายทาง บวกค่าธรรมเนียมลงทะเบียนในประเทศ 13 บาท หรือ ค่าธรรมเนียมลงทะเบียนต่างประเทศ 65 บาท ทำให้ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 16 บาท สำหรับการส่งในประเทศ และราคา 77 บาท สำหรับการส่งไปต่างประเทศ
ค่าบริการ ตามน้ำหนัก + ค่าธรรมเนียมลงทะเบียน 13 / 65 บาท = ค่าส่ง ที่ต้องจ่าย
ข้อจำกัดของการส่งแบบลงทะเบียน คือ เหมาะกับการส่งของขนาดเล็กเท่านั้น เพราะส่งได้สูงสุดที่น้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม ระยะเวลาจะถึงลูกค้าใช้เวลา 3-4 วัน แต่ลูกค้าสามารถตรวจสอบสินค้าได้ว่าคนขายได้จัดส่งให้แล้ว และเราสามารถตรวจสอบได้เมื่อของถึงลูกค้าแล้ว
ยิ่งใครที่มีลูกค้าในประเทศมากๆ ส่งบ่อยๆ ลองขอใช้บริการชำระเงินเป็นเงินเชื่อกับที่ทำการที่ใช้เป็นประจำด้วยนะครับ นอกจากจะสะดวกไม่ต้องจ่ายค่าส่งเป็นเงินสดทุกครั้งแล้ว ยังจะได้ส่วนลดของค่าธรรมเนียมลงทะเบียนในประเทศ 13 บาทด้วย โดยส่ง 5,000 – 10,000 ชิ้น ต่อเดือน ได้รับส่วนลด 5%
10,001 – 50,000 ชิ้นต่อเดือน ได้รับส่วนลด 10%
50,001 – 100,000 ชิ้นต่อเดือน ได้รับส่วนลด 15%
ตั้งแต่ 100,0001 ชิ้นต่อเดือน ได้รับส่วนลด 20%
ตัวอย่างเช่น ผมส่งครีมเครื่องสำอาง น้ำหนัก 20 กรัม ค่าส่งแบบลงทะเบียน 16 บาท ถ้าในเดือนนี้ผมส่งครบตามเงื่อนไข ผมจะได้ส่วนลดในส่วนของค่าธรมมเนียม 13 บาท
ยอดส่งในเดือน มี.ค. | ส่วนลด | เป็นเงิน |
5,000 ชิ้น | 5% | (5% x 13 x 5000) = 3,250 บาท |
15,000 ชิ้น | 10% | (10% x 13 x 15000) = 19,500 บาท |
55,000 ชิ้น | 15 % | (15% x 13 x 55000) = 107,250 บาท |
105,000 ชิ้น | 20 % | (20% x 13 x 105000) = 273,000 บาท |
สำหรับบริการอื่น ๆ ผมแนะนำว่าลองเข้าไปดูข้อมูลของไปรษณีย์ไทยเลยดีกว่าครับ > http://www.thailandpost.com/
ใจเขา ใจเรา
บางคนอาจกังวลใจกับเรื่องที่ต้องออกค่าจัดส่งให้กับลูกค้า เพราะกำไรน้อยลงบ้างหละ คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับผมก็คือ เราวางโครงสร้างเรื่องราคาให้ดีครับ พยายามหาสินค้าที่เราเข้าถึง “ต้นทุน” ที่ถูกที่สุด
เพราะในมุมของลูกค้า ใจเขา คืออยาก “จบ ในราคาต่ำ” ยิ่งได้ของ “ฟรี” จะทำให้รู้สึกว่า “เขาเป็นต่อ ได้ประโยชน์”
ก็ลองเลือกดูนะครับระหว่าง “กำไรน้อยลง” กับ “ขายไม่ได้เลย” พวกเราจะเลือกแบบไหน
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME