เงินเดือนไม่พอใช้ หารายได้เสริมอะไรทำดี?

ในยุคที่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นทุกวัน แต่เงินเดือนกลับไม่เติบโตตาม หลายคนกำลังมองหาช่องทางหารายได้เสริมเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับอาชีพเสริมที่น่าสนใจ ยกตัวอย่างวิธีการเริ่มต้น พร้อมประมาณการรายได้และการลงทุนที่ต้องเตรียมไว้ในแต่ละด้าน

6 ช่องทางหารายได้เสริมมนุษย์เงินเดือน ไม่ต้องลงทุนมาก

1. ขายของออนไลน์

ตัวอย่าง: คุณอาจเริ่มต้นด้วยการขายสินค้าที่คุณสนใจ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า หรือเครื่องประดับ โดยเลือกสินค้าจากแหล่งผลิตท้องถิ่นหรือจากร้านค้าส่ง คุณสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ในแพลตฟอร์มอย่าง Shopee, Lazada, Facebook หรือ Instagram ซึ่งไม่มีค่าเช่าหน้าร้าน ทำให้ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ

การลงทุน: การขายของออนไลน์มีการลงทุนเบื้องต้นในเรื่องของสินค้าสต็อก ซึ่งถ้าคุณขายสินค้าราคาปานกลาง เช่น เสื้อผ้าราคา 300 บาทต่อชิ้น คุณอาจเริ่มต้นด้วยเงินทุน 5,000-10,000 บาท เพื่อซื้อสินค้ามาสต็อก

รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ: หากคุณขายเสื้อผ้า 300 บาทต่อชิ้น และขายได้วันละ 5 ชิ้น คุณจะมีรายได้ประมาณ 1,500 บาทต่อวัน หรือประมาณ 45,000 บาทต่อเดือน ก่อนหักต้นทุนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ

2. งานฟรีแลนซ์

ตัวอย่าง: หากคุณมีทักษะด้านการเขียน กราฟิกดีไซน์ หรือโปรแกรมมิ่ง คุณสามารถเสนองานของคุณบนเว็บไซต์ฟรีแลนซ์อย่าง Fastwork, Fiverr หรือ Upwork ซึ่งคุณสามารถเลือกงานที่ตรงกับความถนัดและกำหนดอัตราค่าบริการได้ตามที่คุณพอใจ

การลงทุน: งานฟรีแลนซ์ไม่ต้องการการลงทุนเป็นเงินมาก สิ่งที่ต้องมีคือทักษะที่ดีในด้านที่คุณเลือกและคอมพิวเตอร์ที่พร้อมทำงาน อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการสมัครสมาชิกบางเว็บไซต์ แต่ต้นทุนนี้ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับผลตอบแทน

รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ: หากคุณรับงานเขียนบทความฟรีแลนซ์ที่ 1,500 บาทต่อชิ้น และสามารถทำได้สัปดาห์ละ 5 ชิ้น รายได้จะอยู่ที่ประมาณ 7,500 บาทต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณงานและคุณภาพที่คุณสามารถส่งมอบได้

3. การทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย

ตัวอย่าง: หากคุณชอบทำวิดีโอหรือเล่าเรื่องผ่าน TikTok, YouTube หรือ Facebook การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี คุณสามารถเริ่มจากการทำคลิปสั้นที่ตอบโจทย์ผู้ชม เช่น การรีวิวสินค้า การให้ความรู้ หรือแชร์ประสบการณ์

การลงทุน: คุณต้องมีอุปกรณ์ถ่ายทำเบื้องต้น เช่น สมาร์ทโฟน กล้อง หรือไมโครโฟนที่คุณภาพดี ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอาจอยู่ที่ประมาณ 5,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของอุปกรณ์ที่คุณเลือกใช้

รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ: รายได้จากการทำคอนเทนต์โซเชียลมีเดียมีหลายช่องทาง เช่น รายได้จากโฆษณา สปอนเซอร์ หรือการโปรโมทสินค้า หากคุณมีผู้ติดตาม 10,000 คนขึ้นไป คุณอาจเริ่มได้รับการติดต่อจากแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งรายได้ต่อหนึ่งโพสต์อาจอยู่ที่ประมาณ 5,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตามและความมีชื่อเสียงของคุณ

4. การสอนออนไลน์

ตัวอย่าง: คุณอาจเปิดคอร์สออนไลน์เกี่ยวกับทักษะที่คุณเชี่ยวชาญ เช่น การสอนภาษาอังกฤษ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Udemy หรือสร้างเว็บไซต์ของคุณเองสำหรับการขายคอร์ส

การลงทุน: คุณต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่สอน และอาจลงทุนในเรื่องการสร้างวิดีโอการสอน ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการสร้างคอร์สออนไลน์มักจะอยู่ที่ประมาณ 10,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการผลิตเนื้อหา

รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ: หากคุณขายคอร์สออนไลน์ในราคา 1,500 บาท และสามารถขายได้เดือนละ 20 คอร์ส คุณจะมีรายได้ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน

5. การลงทุน

ตัวอย่าง: หากคุณมีเงินเก็บอยู่บ้าง คุณสามารถเริ่มต้นการลงทุนในกองทุนรวม หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพในระยะยาว แต่ควรเลือกการลงทุนที่ตรงกับระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ เช่น การลงทุนในกองทุนรวมสำหรับผู้เริ่มต้น

การลงทุน: การลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม อาจต้องใช้เงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป สำหรับอสังหาริมทรัพย์อาจต้องใช้เงินมากกว่านั้น แต่บางโครงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มต้นอาจใช้เงิน 50,000 – 100,000 บาท

รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ: การลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 5-10% ต่อปี เช่น หากคุณลงทุน 100,000 บาท คุณอาจได้รับผลตอบแทนประมาณ 5,000-10,000 บาทต่อปี การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต

6. ขับรถส่งของ หรือขับแกร็บ

ตัวอย่าง: หากคุณมีรถยนต์และมีเวลาว่างหลังเลิกงาน คุณสามารถขับแกร็บหรือส่งอาหารได้ ซึ่งเป็นงานที่ทำได้ง่าย และสามารถเลือกเวลาทำงานเองได้

การลงทุน: การลงทุนเริ่มต้นไม่สูงนัก คุณอาจต้องใช้เงินในการสมัครบริการและเตรียมเอกสาร นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถยนต์และน้ำมัน

รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ: การขับแกร็บหรือส่งอาหารสามารถทำรายได้ประมาณ 300-1,000 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงที่ทำงานและพื้นที่ที่ให้บริการ ซึ่งทำให้รายได้ต่อเดือนอาจอยู่ที่ประมาณ 9,000-30,000 บาท


สรุป

การหารายได้เสริมมีหลายวิธีและหลายรูปแบบที่เหมาะกับบุคคลที่มีทักษะและทรัพยากรที่แตกต่างกัน ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด การเริ่มต้นทำงานเสริมต้องใช้ความพยายามและการวางแผน แต่เมื่อทำไปได้สักพัก รายได้เสริมนี้อาจกลายเป็นรายได้หลักที่มั่นคงได้ในอนาคต