มีนักธุรกิจบางส่วนที่จงใจหลบเลี่ยงภาษี ทำบัญชีหลายเล่ม เล่มหนึ่งของจริง เล่มสองเมคมาเพื่อให้กำไรน้อยๆ จะได้เสียภาษีน้อยลง บางรายถึงขั้นโกงภาษีกันเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องผิดกฎหมายนี้มีให้เห็นบ่อย

ทำไมภาษีเยอะขนาดนี้! เงินไม่พอจ่ายภาษี! บลาๆๆ สารพัดปัญหาของ SME เรื่องภาษีนี้เห็นมานักต่อนัก ทั้งๆที่รู้ว่าการทำธุรกิจต้องจ่ายภาษี แต่ไม่วายมีปัญหา คือที่มีปัญหาเพราะไม่อยากจ่ายนั่นเอง แต่อย่าลืมว่ากาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลนั้นมีโอกาสในการขอคืนภาษีค่อนข้างสูง มีค่าลดหย่อน ค่าใช้จ่ายมากมายให้นำมาคำนวณเพื่อลดหย่อนและเสียภาษีให้น้อยที่สุดได้ แต่ต้องถูกกฎหมายด้วย

จริงๆแล้ว ภาษีธุรกิจต้องเสียน้อยกว่าภาษีรายได้บุคคลธรรมดาที่มีแค่เงินเดือนเสียอีก เพราะรัฐบาลถือว่าการทำธุรกิจเป็นการสร้างงาน เพื่อให้คนในประเทศมีรายได้ จึงมีคำกล่าวว่า คนรวยเสียภาษีน้อยกว่าคนจน

ธุรกิจ SME ส่วนใหญ่ไม่วางแผนเรื่องนี้ให้ดีจึงเกิดปัญหาขึ้นมาภายหลัง ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ คือ

1.ไม่เข้าใจเรื่องเสียภาษีจึงขาดการวางแผน

การเสียภาษีธุรกิจนั้น ถ้ามีการวางแผนดีๆ รับรองว่าจะไม่เป็นปัญหาเลย ที่เกิดปัญหาเพราะไม่ได้วางแผน ไม่มีความรู้  ผู้บริหารจะต้องมีความรู้จะได้วางแผนได้ ทั้งในเรื่องกฎหมายภาษีอากร องค์กรที่จัดเก็บ วิธีการ เงื่อนไข การประหยัด วิธีการชำระเงิน ข้อยกเว้น บทลงโทษ

ซึ่งการวางแผนภาษีนี้จะต้องทำตั้งแต่เริ่มกิจการ ถ้าเริ่มธุรกิจโดยขาดความรู้ก็จะสบสันวุ่นวายกับเรื่องนี้ไม่จบ สิ่งที่ต้องทำคือศึกษาเรื่องตัวบทกฎหมายเกี่ยวกับการเสียภาษีอากรอย่างรอบคอบ กรณีธุรกิจที่เป็น S หรือขนาดเล็ก ผู้ที่ต้องรู้เรื่องนี้อาจจะเป็นแค่เจ้าของธุรกิจเพียงคนเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการจ้างทำบัญชีจากผู้ประกอบวิชาชีพโดยตรง อันนี้ต้องรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะจดทะเบียนบริษัทเป็นแบบไหน ต้องเสียภาษีอย่างไร ถ้าไม่ได้ทำอะไร สักแต่จดทะเบียนตั้งไว้ ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นก็จะตามมาหลอกหลอนไม่สิ้นสุด

แต่กรณีเป็นขนาด M ที่มีทุนจดทะเบียนหลายสิบล้าน ก็จะต้องมีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายหลายแผนก อาจมีผู้เชี่ยวชาญทางภาษีอากรโดยเฉพาะ ผู้บริหาร สมุห์บัญชี นักกฎหมาย จะต้องร่วมรับรู้และวางแผนกันอย่างเป็นระบบ

2.ไม่จด Vat หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม

แน่นอนว่าภาษีมูลค่าเพิ่มเกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ซึ่งรัฐกำหนดให้ประชาชนผู้ใช้สินค้าหรือบริการเป็นผู้จ่าย โดยให้ผู้ประกอบการคิดภาษีส่วนนี้รวมเข้าไปในราคาสินค้าและแยกราคาให้เห็นชัดเจนว่าเป็นค่าสินค่าเท่าไหร่ค่า Vat เท่าไหร่

แต่ SME ส่วนใหญ่มักลืมข้อนี้ไป คิดราคาสินค้าหรือบริการแต่ในส่วนของต้นทุนกำไร เมื่อถึงเวลา ถูกเรียกเก็บภาษีก็ถึงขั้นกุมขมับกันเลยทีเดียวเพราะลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทใจ

ในการตั้งราคาสินค้าจึงต้องบวกค่า Vat เข้าไปด้วย และแสดงแยกให้เห็นชัดเจน อย่าไปกลัวว่าลูกค้าจะรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบเพราะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ถ้าเราทำตามกฎหมายลูกค้าก็ยินดีจ่ายอย่างสบายใจ หากไม่เรียกเก็บจากลูกค้าเราเองนั่นแหละที่จะต้องเจ็บตัว เพราะภาษีส่วนนี้ไม่น้อย ถ้าต้องควักกระเป๋าจ่ายเองก็อ่วมได้เหมือนกัน

3.ลืมคิดค่าใช้จ่ายในการคำนวณเสียภาษี

นี่คือสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องมีความรู้เรื่องภาษี ต้องศึกษาอย่างละเอียด เพราะกฎหมายเปิดโอกาสให้ธุรกิจนำค่าใช้จ่ายหลายรายการมาลดหย่อนภาษีโดยถูกกฎหมาย เช่น ค่าเสื่อม ดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าบริจาคการกุศล ค่าฝึกอบรมพนักงาน ค่าวิจัยพัฒนา ค่าจัดทำบัญชี รายจ่ายทุกประเภท จะเห็นได้ว่าในธุรกิจนั้นมีค่าใช้จ่ายมากมาย ซึ่งจะต้องมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างละเอียดเพื่อนำมาเป็นต้นทุน และเมื่อหักลดเหลือกำไรเท่าไหร่จึงจะนำมาคำนวณเสียภาษี

ธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องรายละเอียดการทำบัญชี ไม่มีการทำบัญชีรายรับรายจ่าย เงินเดือนพนักงาน เงินเดือนตัวเอง ซึ่งก็จะต้องเป็นรายจ่ายที่อยู่ในช่วงราคาที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป หลายกิจการเสียโอกาสเพราะขาดความละเอียด ไม่มีรายจ่ายมาแสดงเพื่อลดภาษีจนบางครั้งต้องเสียภาษีมากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดปัญหาไม่มีเงินจ่าย เครียดเพราะคิดว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นธรรม

4.ไม่แสดงบัญชีตามความเป็นจริงหรือเจตนาหลบเลี่ยงภาษี

ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะรู้ดีว่าการทำธุรกิจจะต้องเสียภาษี และมีการวางแผนมาก่อนหน้าจะตั้งกิจการแล้ว เพราะแค่ไปจดทะเบียนบริษัท หรือทะเบียนพาณิชย์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับการค้าแม้กระทั่งภาษีป้าย หน่วยงานรัฐจะแจ้งไว้ก่อนเลยว่าจะต้องเสียภาษีเท่าไหร่ กี่เปอร์เซ็นต์ ส่วนไหนบ้าง

แม้แต่ทำการค้าขายของออนไลน์ถ้าอยากทำให้ถูกต้องตามกฎหมายไม่เดือดร้อนทีหลังเมื่อสรรพากรอยากรู้จัก ก็จะต้องมีการจดทะเบียนการค้า ทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ชัดเจน ต้นทุนกำไร ค่าสินค้า ค่าโฆษณา ทุกอย่างจะต้องละเอียดถี่ถ้วน

แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีนักธุรกิจบางส่วนที่จงใจหลบเลี่ยงภาษี ทำบัญชีหลายเล่ม เล่มหนึ่งของจริง เล่มสองเมคมาเพื่อให้กำไรน้อยๆ จะได้เสียภาษีน้อยลง บางรายถึงขั้นโกงภาษีกันเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องผิดกฎหมายนี้มีให้เห็นบ่อย แต่คนทำมาหากินสุจริตอย่างเราไม่ทำแน่นอน เพราะการทำธุรกิจโปร่งใส จ่ายในส่วนที่ควรจ่าย จะทำอะไรก็ไม่ต้องสะดุ้งกลัว พร้อมเปิดเผยทุกรายการ อันนี้จะสบายใจกันทุกฝ่าย

5.ไม่เตรียมเงินไว้เสียภาษี

เนื่องจากการเสียภาษีนั้นส่วนใหญ่จะคิดเป็นรายปีหรือ 6 เดือนแล้วแต่กิจการ จึงทำให้มีการนิ่งนอนใจ ประมาทว่าถึงเวลาจ่ายค่อยหาเงิน ไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาต้องจ่ายเงินก้อนก็สะดุ้งกันเป็นแถว และยิ่งถ้ากิจการรายได้สูง ภาษีก็สูงตามไปด้วย อาจจะต้องจ่ายครั้งละเป็นแสน แต่ถ้ามีการเตรียมเงินส่วนนี้ไว้ เก็บเป็นรายเดือนเฉลี่ยว่าเดือนละเท่าไหร่ แยกบัญชีไว้สำหรับเสียภาษีโดยเฉพาะ ถึงเวลาก็ไม่เดือดร้อน

การวางแผนทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งรายรับรายจ่ายจะต้องละเอียดถี่ถ้วนทุกบาทกันเลย ถ้าจะให้ดีก็คำนวณเองไปเลยว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ มีการศึกษาอย่างรอบคอบ ถ้าทำไม่เป็นก็ลองปรึกษาเจ้าหน้าที่สรรพากรดู รับรองว่าเค้าพร้อมจะให้ความรู้กับเราเป็นอย่างดี

การก่อตั้งธุรกิจ การวางแผนทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ การวางแผนภาษีเป็นหนึ่งในนั้นที่จะต้องละเอียดรอบคอบ โปร่งใส จะต้องศึกษาทั้งขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติ ถ้าจะต้องเรียนรู้เรื่องข้อกฎหมายก็อย่าไปกังวล เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ นับเป็นเรื่องซีเรียสของกิจการนอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจปกติเลยทีเดียว…