ยุค SMEs 4.0 ที่อะไรต่อมิอะไรก็ต้องออนไลน์นะครับ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจับต้องได้ หรือ เป็นบริการที่จับต้องไม่ได้ หากไม่อยู่บนออนไลน์สมัยนี้ก็ยากที่จะได้เกิด

ดังคำกล่าวของ บิลเกตต์ ทำนองที่ว่า “อีก 5 ปีข้างหน้าถ้าธุรกิจคุณไม่อยู่บนออนไลน์ธุรกิจคุณจะตายไปอย่างแน่นอน” คำกล่าวนี้คงไม่ผิดอะไรมากนักครับ เพราะทุกวันนี้ตื่นเช้ามาทุกคนก็ต้องจับมือถือ Smart phone มาดูนั่งส่องนี่ ก่อนนอนก็ต้องมีเจ้าเครื่องนี้อยู่ข้างกาย

ทว่าการทำธุรกิจออนไลน์ใช่เพียงว่ามีแค่ “Facebook Fanpage” แล้วมันจะเพียงพอนะครับ เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่เราเห็นที่เป็น Social Media เป็นแค่ต้นทางของระบบที่เขาเรียกว่า Ecommerce เท่านั้นครับ

แล้วจะเริ่มกันอย่างไรดี…

 

1.เริ่มจากการมีเว็บไซต์ส่วนตัว

จุดเริ่มต้นที่ควรจะมี (ผมมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นเลยทีเดียว) นั่นก็คือ เว็บไซต์ ของตัวเองครับ

แต่พอพูดถึงเรื่องเว็บไซต์หลายคนเริ่มรู้สึกว่ามัน “ยาก” เกินไปไหมกับยุคสมัยนี้ เพราะหากเทียบกับการเปิดแฟนเพจนี้กดแค่ไม่กี่ครั้งก็ได้แฟนเพจแล้วนะ

ถ้านับความยากเมื่อเทียบกับเปิดหน้าแฟนเพจก็ต้องยอมรับว่ายากกว่า แต่ปัจจุบันก็มีเว็บสำเร็จรูปให้เราได้ใช้งานกันแบบง่าย ๆ นะครับ กดแค่ไม่กี่ครั้งก็ได้เว็บ รูปก็แค่ดึงมาว่า แถมได้ธีมหรือเท็มเพลสเป็นแบบสไตล์ของตัวเอง อย่างเว็บสำเร็จรูปของ Shopup.com  ก็เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์สำเร็จรูปที่ใช้ง่าย เข้าใจความต้องการของพ่อค้าแม่ค้าสมัยใหม่ที่ต้องการความสะดวกเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง สามารถที่จะจดโดเมน เป็นชื่อร้านของเราได้ด้วยครับ

ถ้าวันนี้เป็นก้าวแรกของเรา ผมแนะนำว่าเริ่มที่ร้านค้าสำเร็จรูปอย่าง Shopup.com   เป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียวครับ

2.ขยับเป็นมืออาชีพมากขึ้น สร้างเว็บเอง มี Host

หากพอมีความรู้ทางด้านการปรับแต่งเว็บไซต์สักนิดหรือเรียนมาสักหน่อย ก้าวถัดมาของการทำเว็บไซต์ในการค้าขายหลายคนเลือกที่จะให้ CMS หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ระบบการจัดการเนื้อหาบทความ และที่นิยมมากที่สุดก็เห็นจะเป็นระบบของ WordPress เพราะเป็นระบบเปิดให้ผู้คนสามารถที่จะพัฒนาเท็มเพลส และ ปลั๊กอินต่าง ๆ มาให้เราใช้กัน มีทั้งแบบฟรีและแบบขาย ให้เราสามารถเลือกใช้ได้ครับ

มี host ที่รองรับ CMS อย่าง WordPress มากมายครับไม่ว่าจะเป็นของต่างประเทศหรือในประเทศ ขึ้นอยู่กับความพอใจของเรา สำหรับคำแนะนำเบื้องต้นในการเลือก Host WordPress สำหรับค้าขายออนไลน์ในประเทศนั้น การเลือก Host ในประเทศดูจะได้ภาษีเยอะกว่านะครับทั้งในเรื่องของความเร็วและเรื่องของการ Support กรณีที่เกิดปัญหาด้านต่าง ๆ ขึ้นนะครับ

นอกจากเรื่องของการบริการ Service ต่าง ๆ ที่ใช้ในการพิจารณเลือกนั้น เรายังคงต้องดูถึงขนาดความจุ ความเร็ว ของเครื่องและการต่อสัญญาณด้วยนะครับ เรื่องเหล่านี้อาจจะดูเป็นเชิงเทคนิค แต่เรียนรู้ไว้สักนิดผมว่าก็ไม่เสียหายอะไรมากครับ

3.ระบบ Email Marketing

หลายคนคงยังไม่รู้ หรือหลายคนอาจจะหลงลืมไปแล้วว่าเรายังมีการพูดคุยกันทาง Email ไม่ใช่ใช้เฉพาะเพียงแค่ Facebook Messenger หรือ Line ในการ Chat นะครับ

Email Marketing ยังคงมีประสิทธิภาพอยู่มากทั้งในเรื่องการติดตามความสนใจลูกค้า ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า โปรโมทชั่นใหม่ ๆ ถ้านับในเรื่องของต้นทุนก็ต้องบอกว่า Email Marketing ตอนนี้ต้นทุนต่ำว่าการโฆษณา Facebook มากเลยทีเดียวนะครับ และให้ผลค่อยข้างดีกว่าด้วย เพราะคนที่อยู่ใน Email List ของเรานั้นเป็นคนที่ยินดีรับข้อมูลข่าวสารจากเรา นั่นหมายความว่าข่าวสารเราก็ส่งตรงถึงพวกเขาได้ทันที เขาพร้อมจะเปิดอ่าน และใช้บริการของเราหาอยู่ในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม

ได้เวลาที่ SMEs ที่ต้องการจะจริงจังกับธุรกิจออนไลน์ต้องหันกลับมาปูพื้นฐานธุรกิจแบบ Back To Basic เพื่อให้ได้พื้นที่แน่นสำหรับธุรกิจ โดยการสร้างเว็บและระบบ Email ของตัวเองแล้วครับ ส่วนเรื่อง Social ก็ทำไปครับเพราะนี่เป็นเรื่องของกระแส แต่ถ้าจะให้ยั่งยืนต้องกลับมาทำ 3 ข้อเบื้องต้นที่ว่ามาด้วยครับ