“เศรษฐา ทวีสิน” ผู้ก่อตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในแบรนด์แสนสิริ ก่อนหน้านี้เรามักจะเคยได้ยินการออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมและเศรษฐกิจจากหัวเรือใหญ่ของแสนสิริกันมาบ้างแล้วแต่กระนั้นหากมองในมุมมองของการทำธุรกิจชื่อของ คุณเศรษฐา ก็ยังมีความน่าสนใจในการเข้าไปศึกษาแนวความคิดที่ทำให้แบรนด์แสนสิริประสบความสำเร็จอยู่ไม่น้อย ในบทความนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักและเรียนรู้แนวทางความคิดของคุณเศรษฐา ไปพร้อม ๆ กัน

จากหนุ่มนักเรียนนอกผู้ผันตัวเองมาทำธุรกิจ

คุณเศรษฐา ทวีสิน หรือที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่าคุณนิดเกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2506 โดยเขาจบการศึกษาในระดับปริญญาโทด้านการเงินจาก Claremont Graduate School ประเทศสหรัฐอเมริกา

ภายหลังจบการศึกษาเขาเริ่มต้นทำงานครั้งแรกในปี 2529 ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท P&G ประเทศไทย (จำกัด)ซึ่งในภายหลังเมื่อเขามีประสบการณ์ในการทำงานที่มากพอเขาจึงตัดสินใจที่จะหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ปัจจุบันคุณเศรษฐา ทวีสินดำรงตำแหน่งประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

เป็นผู้นำทางความคิดให้กับอสังหาริมทรัพย์อยู่เสมอ

คุณเศรษฐา มีแนวความคิดในการบริหารองค์กรที่เรียกได้ว่าค่อนข้างนำสมัยอยู่เสมอ โดยเขามักจะเป็นผู้ริเริ่มนำแนวความคิดใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในวงการอสังหาริมทรัพย์อยู่เสมอเช่นการนำเอาเทคโนโลยีอย่างการใช้แพลตฟอร์ม AI เพื่อเก็บข้อมูลไซต์งานก่อสร้างอย่างละเอียด การนำไปใช้ในการเยี่ยมชมโครงการของลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์เสมือนจริงในการชมห้องตัวอย่างหรือในหลายปีก่อนหน้านี้แสนสิริก็เคยนำเสนอแนวความคิดโครงการหมู่บ้านจัดสรรสำหรับผู้สูงอายุที่นำเอาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสำหรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุมานำเสนอเป็นเจ้าแรก

ในปัจจุบันแสนสิริมีโมเดลธุรกิจที่ต้องการบาลานซ์ 3 ด้านอย่างลงตัวโดย 3 ด้านที่ว่านี้ก็คือ

  • PROFIT มุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วนและเพื่อความแข็งแกร่งขององค์กร
  • PEOPLE มุ่งดำเนินธุรกิจโดยให้ทั้งพนักงาน ลูกค้า และสังคมเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญ
  • PLANET มุ่งเดินหน้าพันธกิจสีเขียวโดยแสนสิริวางเป้าที่จะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่เป็น Net-zero หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

ไม่ยอมทิ้งใครไว้เบื้องหลังแม้จะเจอกับช่วงวิกฤตที่ผ่านมาก็ตาม

แสนสิริภายใต้การบริหารของ คุณเศรษฐา มีจุดยืนที่ต้องการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการช่วยเหลือเกื้อหนุนสังคมโดยเขามักมีนโยบายที่จะให้ความช่วยเหลือหรือความร่วมมือกับสังคมมากมายทั้งการอุดหนุนผลผลิตทางการเกษตรที่ราคาตกต่ำเพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับลูกบ้านหรือบริษัทในเครือรวมถึงพันธมิตรและองค์กรต่าง ๆ หรือการประกาศใช้พื้นที่ Sansiri Backyard ที่ T77 Community เป็นตลาดขายสินค้าเกษตรกลางกรุงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเป็นต้น โดยเฉพาะนับตั้งแต่ที่มีการระบาดของโควิด 19 คุณเศรษฐา ได้ออกมาประกาศเป้าหมายที่อยากจะลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนที่ยิ่งทำให้ช่องว่างแห่งความเหลื่อมล้ำนั้นยิ่งกว้างมากขึ้นนั่นเอง

แม้ในช่วงที่องค์กรประสบปัญหาในช่วงโควิดก็ไม่ยอมทิ้งใครไว้ข้างทาง

ในช่วงการระบาดของโควิดทำให้แม้แต่แสนสิริเองก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกันแต่กระนั้น คุณเศรษฐา ก็ไม่ยอมที่จะปลดพนักงานกว่า 4,000 คนออกแม้แต่คนเดียว ทั้งยังไม่ยอมลดเงินเดือนของพนักงานลงด้วยซ้ำเพราะคุณเศรษฐามีแนวคิดที่ต้องการจะจับมือมองหาทางรอดไปด้วยกัน ด้วยการออกแคมเปญกระตุ้นยอดขายทั้งการประกาศขายอสังหาริมทรัพย์ในราคาเท่าทุน การช่วยลูกค้าผ่อน การลดต้นลดดอกเป็นต้น เมื่อองค์กรให้ใจอย่างเต็มที่บุคลากรเองก็พร้อมที่จะสู้ไปพร้อมกันและนั่นเองคือสิ่งที่ทำให้แสนสิริกลับมาสร้างผลกำไรกว่า 2,000 ล้านบาทสวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจในปี 2564 ที่ผ่านมา

ทำงานหนัก มีวินัย ไม่ลืมต้นน้ำคือสิ่งที่ทำให้องค์กรอยู่รอดในช่วงวิกฤต

ในฐานะผู้บริหาร คุณเศรษฐา จะเข้าออฟฟิศตั้งแต่ 7 โมงครึ่งเพื่อสร้างความรู้สึกอุ่นใจให้กับลูกน้องว่าผู้บริหารยังพร้อมจะยืนเคียงข้างไปด้วยกัน นอกจากนี้เขาเองก็ยังไม่ลืมทั้งพาร์ทเนอร์และซัพพลายเออร์ต่าง ๆ และพร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือหากพวกเขาประสบปัญหาในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา

บทเรียนแนวคิดของเศรษฐา ทวีสิน

1.ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและเป็นผู้นำแนวคิดด้านธุรกิจ

แสนสิริภายใต้การบริหารของ คุณเศรษฐา ถือเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งจนทำให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจมีการเติบโตอยู่ที่การนำแนวคิดใหม่ ๆ เข้ามาผสานกับตัวของธุรกิจได้อย่างลงตัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยี ความที่ไม่ยอมหยุดนิ่งนี้เองจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการที่อยากประสบความสำเร็จจำเป็นต้องเรียนรู้และนำไปปรับใช้กับธุรกิจ

2.มีความเป็นผู้นำที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับปัญหาไปพร้อมกับคนในองค์กร

ผู้นำที่ดีจะวัดกันในยามที่องค์กรเกิดวิกฤตซึ่ง คุณเศรษฐา เองก็มีคุณสมบัติเช่นนี้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก็คือในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมาที่กระทบต่อยอดขายของแสนสิริจนเกิดความระส่ำระสายและความไม่แน่ใจของทุกคนในองค์กรว่าอนาคตของตนเองจะเป็นอย่างไร คุณเศรษฐาในฐานะผู้นำองค์กรจึงถลกแขนลุกขึ้นสู้ร่วมกับลูกน้องในองค์กรและสร้างความเชื่อมั่นว่าพร้อมที่จะสนับสนุนซัพพอร์ตพนักงานทุกคนไปด้วยกัน ผลที่ตามมาก็คือทำให้ลูกน้องทุกคนคลายความกังวล รวมใจกันและลุกขึ้นสู้ไปพร้อมกับคุณเศรษฐาและทำให้แสนสิริผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาได้อย่างงดงาม

3.เป็นผู้ให้ที่พร้อมจะโอบอุ้มผู้ที่ด้อยกว่าจนเป็นภาพลักษณ์ที่ดีกลับสู่ตัวของแบรนด์

อีกหนึ่งจุดแข็งและเป็นแนวคิดในการทำธุรกิจที่น่าสนใจของ คุณเศรษฐา ก็คือการทำธุรกิจที่พร้อมจะเป็นผู้ให้ที่คอยช่วยโอบอุ้มผู้ที่ด้อยกว่า ภาพลักษณ์เช่นนี้ค่อนข้างชัดเจนมากในช่วงวิกฤตที่ผ่านมาจากการให้ความช่วยเหลือทั้งเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ พาร์ทเนอร์ธุรกิจและซัพพลายเออร์ที่ประสบปัญหา รวมถึงการเป็นกระบอกเสียงที่สะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม ภาพลักษณ์เช่นนี้จึงเป็นภาพลักษณ์ที่ย้อนกลับสู่ตัวของแบรนด์ทำให้แสนสิริได้รับความสนใจจากคนทั่วไปมากขึ้นจนถึงกับที่หลายคนตั้งใจเอาไว้ว่าหากจะมีบ้านหลังแรกแบรนด์แสนสิริจะเป็นแบรนด์แรกที่พวกเขาจะนึกถึง

4.มีวินัยสูงจึงสร้างความเชื่อมั่น เชื่อถือให้กับทุกคน

ความมีวินัยคือคุณสมบัติเด่นของผู้นำองค์กร ที่มีวินัยสูงจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นได้ คุณเศรษฐาเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติในเรื่องของความมีวินัยเช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงโควิดที่ผ่านมา การเข้าออฟฟิศแต่เช้าทุกวันจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนในองค์กรและเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผลักดันให้องค์กรรอดพ้นจากวิกฤตได้ หรือแม้กระทั่งในเรื่องอื่น ๆ หากผู้นำมีระเบียบวินัยย่อมเป็นตัวอย่างให้กับลูกน้องและช่วยผลักดันให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

หากให้นิยามตัวตนของคุณเศรษฐาในเวลานี้คงจะไม่มีคำนิยามใดที่จะนิยามตัวตนได้ดีไปกว่าคำว่านักธุรกิจหัวสมัยใหม่ที่เปิดกว้าง ทันสมัยและพร้อมจะเป็นผู้ให้ แนวความคิดในการทำธุรกิจเช่นนี้จึงมีส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจสามารถเติบโตและเป็นแนวทางที่ผู้ประกอบการควรค่าแก่การนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตน