“คุณมนชวัล อู่ทรัพย์ศาสตร์” คือเจ้าของเรื่องราวที่น่าสนใจนี้ ในอดีตเธอมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นอยู่กับสามีที่เป็นข้าราชการและลูกสาวที่จังหวัดสมุทรปราการ ชีวิตของคุณมนคงจะมีความสุขกับครอบครัวไปเรื่อย ๆ หากไม่เกิดเหตุพลิกผันครั้งสำคัญในชีวิตนั่นก็คือ เมื่อลูกสาวตัวน้อยล้มป่วยด้วยโรคมิลาสเมื่ออายุได้เพียง 8 ปี เท่านั้น

เพราะชีวิตที่ไม่อาจคาดเดาอนาคตได้ ใครจะรู้ว่าจากชีวิตแม่บ้านที่แสนอบอุ่นท่ามกลางครอบครัวที่มีพ่อ แม่และลูกสาว แต่โชคชะตากลับเล่นตลกร้ายอย่างเหลือเชื่อและเป็นเหตุพลิกผันให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องผันตัวมาเป็นชาวนาปลูกข้าวอินทรีย์เพื่อหวังให้ลูกสาวได้ทานข้าว ทานอาหาร ที่ให้คุณค่าและปลอดภัยจากสารพิษ จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ทำเพื่อลูกสู่รางวัลใหญ่ระดับประเทศ และกลายเป็นแบรนด์ข้าวท้องถิ่นที่ได้รับออเดอร์สั่งจองจนไม่พอขาย

นี่คือเรื่องราวอันน่าทึ่งของ “ข้าวน้ำนมแบรนด์ลูกสาว” ของดีประจำจังหวัดหนองคาย จากแม่บ้านตัวเล็ก ๆ จนกลายมามีแบรนด์ข้าวของตัวเองได้อย่างไร เรามาติดตามเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจจากเธอผู้นี้กันเลยครับ

มิลาส โรคร้ายทำลายชีวิตลูกสาว

“คุณมนชวัล อู่ทรัพย์ศาสตร์” คือเจ้าของเรื่องราวที่น่าสนใจนี้ ในอดีตเธอมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นอยู่กับสามีที่เป็นข้าราชการและลูกสาวที่จังหวัดสมุทรปราการ ชีวิตของคุณมนคงจะมีความสุขกับครอบครัวไปเรื่อย ๆ หากไม่เกิดเหตุพลิกผันครั้งสำคัญในชีวิตนั่นก็คือ เมื่อลูกสาวตัวน้อยล้มป่วยด้วยโรคมิลาสเมื่ออายุได้เพียง 8 ปี เท่านั้น

โชคชะตายังเล่นตลกกับครอบครัวของคุณมนเมื่อแพทย์ผู้ดูแลอาการป่วยของลูกสาวได้แจ้งกับคุณมนว่าอาการของลูกสาวคุณมนไม่อาจบอกระยะเวลาที่เหลือได้ และอาจจากไปเมื่อไหร่ก็ได้ คำพูดของแพทย์เป็นเสมือนดั่งสายฟ้าฟาดกลางอกของผู้เป็นพ่อแม่

จากลูกสาวที่แข็งแรงสดใสตามวัยกลับต้องกลายมาเป็นคนป่วยหนัก นี่คือสิ่งผกผันครั้งสำคัญที่ทำให้คุณมนและสามีคิดจะทำบางอย่างเพื่อลูกสาวตัวน้อย

จากแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมสู่วิถีธรรมชาติ จ.หนองคาย

ช่วงเวลานั้นเองที่สามีของคุณมนซึ่งรับราชการอยู่ได้รับการโยกย้าย ไปประจำที่จังหวัดหนองคาย ครอบครัวคุณมนเองเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้พาลูกสาวซึ่งกำลังป่วยไปพักฟื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งอากาศดี ในระยะนั้นทางครอบครัวได้หาซื้ออาหารจากแบรนด์ดังที่เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของลูกสาวมาบริโภค

กระทั่งสามีของคุณมนกลับมานั่งคิดว่าอาหารที่ซื้อมานั้นผ่านกระบวนการเกษตรอินทรีย์จริงดั่งว่าหรือไม่ สามีของคุณมนจึงมีแนวคิดอยากที่จะทำนาปลูกข้าวด้วยกระบวนการเกษตรอินทรีย์เองเพื่อความแน่ใจว่าข้าวที่ครอบครัวบริโภคนั้นปลอดจากสารเคมีอย่างแท้จริง

ข้าวอินทรีย์ 4 ไร่สู่เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ข้าวเพื่อสุขภาพ ของดีจังหวัดหนองคาย

เมื่อต้องการปลูกข้าวอินทรีย์เพื่อบริโภคเอง สามีของคุณมนจึงเริ่มหาซื้อที่ดินเพื่อมาทำนาที่จังหวัดหนองคายจำนวน 1 ไร่ครึ่ง ก่อนจะหาซื้อเพิ่มเติมอีก 4 ไร่ และเริ่มศึกษาการทำเกษตรอินทรีย์ก่อนลงมือปลูกข้าวในเวลาต่อมา

ในระยะแรกช่วงปี 2552 – 2555 คุณมนและครอบครัวจึงเริ่มได้ผลผลิตข้าวอินทรีย์มาใช้ทานในครัวเรือน และข้าวสารส่วนที่เหลือคุณมนได้เอาไปแจกจ่ายโดยการเปิดท้ายรถเพื่อหวังให้คนอื่น ๆ ได้บริโภคข้าวที่ปลอดสารพิษ ซึ่งระยะนั้นก็มีทั้งผู้ที่ยอมรับข้าวไปทานและผู้ที่ไม่สนใจ กระทั่งข้าวของคุณมนไปเข้าตาร้านแห่งหนึ่งเขาจึงอาสารับข้าวของคุณมนไปแจกในทุก ๆ ปี เรียกได้ว่าช่วงนั้นคุณมนปลูกข้าวเพื่อทานเองและเพื่อแจกเพียงอย่างเดียว

ในช่วงปี 2556 เริ่มเกิดถนนคนเดินที่จังหวัดหนองคาย นั่นเองจึงทำให้คนทั่วไปรู้จักข้าวอินทรีย์แบรนด์ลูกสาวของคุณมนกันมากขึ้นและด้วยแนวคิดที่ทำข้าวเพื่อให้ลูกสาวได้รับประทานจึงไม่ยอมเอาสารเคมีใส่ลงไปในนาของคุณมนจึงทำให้ข้าวของคุณมนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

ในช่วงปี 2556 – 2557 นั้นเองที่คุณมนเริ่มคิดทำข้าวน้ำนมเพื่อสรรหาสิ่งดี ๆ ให้แก่ลูกสาวโดยใช้ข้าวหอมมะลิพันธุ์ 105 ที่หุงง่าย หอมกรุ่น ทานง่ายและมีคุณค่าและคุณประโยชน์ครบถ้วนภายใต้แนวคิดการไม่ใช้สารเคมีประกอบกับการทำข้าวน้ำนมจะทำได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้ข้าวน้ำนมแบรนด์ลูกสาวของคุณมนถึงกับสีไม่พอขายเพราะมีแต่คนรอผลิตภัณฑ์ของคุณมน

ในปี 2560 พาณิชย์ประจำจังหวัดได้ลองเชิญให้คุณมนส่งผลิตภัณฑ์ข้าวน้ำนมอินทรีย์แบรนด์ลูกสาวเข้าประกวดในระดับจังหวัด แม้ผลิตภัณฑ์ของคุณมนจะคว้ารางวัลชมเชยในระดับจังหวัดแต่กลับคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทรายบุคคลในระดับประเทศเป็นเครื่องการันตีคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี และคุณมนยังได้ร่วมนำข้าวที่ผลิตได้สมทบเพื่อการกุศลในงานอุ่นไอรักเป็นจำนวน 100 กิโลกรัม

ความรักจากแม่ คือความสำเร็จสู่ลูก และคนได้ทาน “ข้าวลูกสาว”

จากแรกเริ่มที่ทำแบรนด์ข้าวอินทรีย์ ในปัจจุบันคุณมนเปิดให้ผู้สนใจเข้าไปเยี่ยมชมนาข้าวอินทรีย์ของเธอเพื่อเข้าไปดูไปศึกษาขั้นตอนการผลิตข้าวอินทรีย์ที่คุณมนทำอยู่ในขณะนี้ และเร็ว ๆ นี้คุณมนก็กำลังจะสร้างบ้านพักหลังเล็ก ๆ ไว้กลางแปลงนาเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสบรรยากาศ วิธีการทำนาและขั้นตอนการสีข้าวอย่างใกล้ชิด

แม้ชีวิตของผู้หญิงคนนี้จะเกิดจากความผกผัน แต่แนวคิดที่มีแต่ให้ของเธอสมควรที่จะนำมาเป็นตัวอย่างสู่ความสำเร็จเป็นอย่างดี จากจุดเริ่มต้นที่อยากสร้างสิ่งดี ๆ ให้แก่ลูกสาวผู้เป็นที่รักก่อนจะต่อยอดที่ทำเพื่อแบ่งปันอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยให้แก่ผู้อื่นในตอนหนึ่งคุณมนยังกล่าวว่า “แม้คนอื่นจะมีความรู้มากมายและทำประโยชน์ได้มากขนาดไหน แต่ตัวตนเธอเองที่เป็นเพียงคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งก็อยากจะทำประโยชน์และอยากจะทำให้คนในประเทศได้เห็นสิ่งดี ๆ ที่ทำขึ้นมาเช่นกัน” นี่คือความภูมิใจของคุณมนและครอบครัวสมดั่งสโลแกนที่ติดไว้ที่บรรจุภัณฑ์ที่ว่า

“ข้าวลูกสาวปลูกด้วยใจใฝ่ใจรัก         เฝ้าฟูมฟักทุ่งนาปลอดสารพิษ

         ได้เป็นข้าวเป็นอาหารเพื่อชีวิต         จักพิชิตโรคร้ายให้หายไป”

ซึ่งสะท้อนแนวคิดของการเป็นผู้ให้ของเธอได้เป็นอย่างดี

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 083-335-1166 หรือ ไลน์ไอดี mon_2802 ครับ

ความรัก และ ความปรารถนาดี ในการทำธุรกิจ ผลิตสินค้าเพื่อให้ผู้คนได้รับสินค้าที่ดี ประกอบกับ  “ยิ่งให้ยิ่งได้รับ” เป็นสิ่งที่ SMEs ควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง สิ่งใดก็ตามที่เราทำเพื่อหวังจะมอบความสุข ส่งต่อสิ่งดี ๆให้แก่ผู้อื่น แม้สิ่งนั้นอาจเป็นสิ่งที่ดูเล็กน้อย หรือไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เชื่อเถิดครับว่าสิ่งนั้นย่อมประทับจิตประทับใจของผู้รับอย่างแน่นอน และท้ายที่สุดคุณก็จะได้รับสิ่งดี ๆตอบแทนกลับมาดังเช่นที่ “คุณมน” มนชวัล อู่ทรัพย์ศาสตร์ ได้รับกลับมาด้วยผลแห่งการเป็นผู้ให้ของเธอนั่นเอง