วิธีลดดอกเบี้ยบ้าน กับ รีไฟแนนท์บ้าน เลือกอะไรดีกว่ากัน

การเลือกวิธีลดภาระดอกเบี้ยบ้านเป็นหนึ่งในการตัดสินใจสำคัญสำหรับผู้ที่มีภาระหนี้สินจากการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่ปีที่ 4 ที่อัตราดอกเบี้ยมักจะปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้ผู้กู้ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้น การเลือกวิธีที่เหมาะสมในการจัดการกับภาระดอกเบี้ยจึงเป็นสิ่งสำคัญ

รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance)

รีไฟแนนซ์บ้านหมายถึงการเปลี่ยนสินเชื่อจากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ โดยมีการยื่นกู้และเอกสารใหม่ทั้งหมด เพื่อได้รับอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ต่ำกว่า ซึ่งโดยทั่วไปจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าในช่วง 3 ปีแรก ทำให้มีโอกาสลดภาระดอกเบี้ยได้มากกว่าการขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม

วิธีลดดอกเบี้ยบ้าน (Retention)

การขอลดดอกเบี้ยบ้านหรือ “รีเทนชัน” คือการขอลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม โดยไม่ต้องยื่นเอกสารใหม่ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการยุ่งยากกับกระบวนการยื่นกู้ใหม่ แต่อัตราดอกเบี้ยที่ลดได้จะไม่มากเท่ากับการรีไฟแนนซ์

เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย

  • ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน:
    • ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
    • สามารถเปลี่ยนโครงสร้างหนี้ได้
    • มีโอกาสยืดระยะเวลาการผ่อนชำระ
  • ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์บ้าน:
    • กระบวนการยื่นเอกสารและตรวจสอบเครดิตใหม่
    • มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์, ค่าจดจำนอง
  • ข้อดีของการขอลดดอกเบี้ยบ้าน (Retention):
    • ไม่ต้องยื่นเอกสารใหม่
    • ไม่ต้องตรวจสอบเครดิตใหม่
    • ค่าธรรมเนียมน้อยหรือไม่มี
  • ข้อเสียของการขอลดดอกเบี้ยบ้าน (Retention):
    • ได้ลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าการรีไฟแนนซ์

การเลือกระหว่างรีไฟแนนซ์บ้านกับขอลดดอกเบี้ยบ้านขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของแต่ละบุคคล หากคุณต้องการลดภาระดอกเบี้ยให้มากที่สุดและไม่กังวลเรื่องกระบวนการยื่นเอกสารใหม่ การรีไฟแนนซ์อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่หากคุณต้องการความสะดวกและไม่ต้องการยุ่งยากกับการตรวจสอบเครดิตใหม่ การขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า

ในการตัดสินใจระหว่างรีไฟแนนซ์บ้านกับขอลดดอกเบี้ยบ้าน คุณต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขและสถานการณ์ทางการเงินของตนเองอย่างละเอียด ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน และการเลือกวิธีที่เหมาะสมสามารถช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากในระยะยาว

การพิจารณาเลือกวิธีลดดอกเบี้ยบ้าน

  1. สถานะเครดิต: หากคุณมีประวัติเครดิตที่ดี การรีไฟแนนซ์อาจเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากคุณมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าจากธนาคารใหม่ แต่หากคุณมีประวัติเครดิตที่ไม่ดี การขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
  2. ความยุ่งยากในการดำเนินการ: การรีไฟแนนซ์ต้องการการยื่นเอกสารและกระบวนการตรวจสอบที่ซับซ้อนกว่า หากคุณต้องการความสะดวกและไม่ต้องการยุ่งยากกับกระบวนการเหล่านี้ การขอลดดอกเบี้ยอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
  3. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: การรีไฟแนนซ์อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ค่าจดจำนอง และค่าอากรแสตมป์ คุณควรพิจารณาค่าใช้จ่ายเหล่านี้เมื่อเปรียบเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
  4. ระยะเวลาการผ่อนชำระ: หากคุณต้องการลดภาระการชำระเงินรายเดือน การรีไฟแนนซ์อาจช่วยให้คุณสามารถยืดระยะเวลาการชำระหนี้และลดจำนวนเงินที่ต้องชำระรายเดือนได้
  5. เป้าหมายทางการเงินระยะยาว: คุณควรพิจารณาเป้าหมายทางการเงินระยะยาวของคุณ หากคุณมีแผนที่จะขายบ้านในอนาคตอันใกล้ การขอลดดอกเบี้ยอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะไม่ต้องยุ่งยากกับกระบวนการรีไฟแนนซ์

การตัดสินใจ

การตัดสินใจระหว่างรีไฟแนนซ์กับการขอลดดอกเบี้ยบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวสำหรับทุกคน คุณควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการเงินและพิจารณาถึงสถานการณ์ทางการเงินของคุณเอง รวมถึงความต้องการและเป้าหมายระยะยาวก่อนทำการตัดสินใจ

การเลือกวิธีที่เหมาะสมสามารถช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากในระยะยาว และช่วยให้คุณจัดการกับภาระหนี้สินของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด การมีแผนการเงินที่ชัดเจนและการจัดการหนี้สินอย่างมีสติเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีสถานะทางการเงินที่ดีในอนาคต


ติดปัญหาเรื่องหนี้สิน ทำยังไงดี ?

หากคุณ
– มีหนี้บัตรเครดิตและชำระขั้นต่ำ
– มีเงินกู้เริ่มผ่อนไม่ไหว
– สมัครสินเชื่ออะไรก็ไม่ผ่าน
– ติดหนี้นอกระบบ

เราช่วยคุณได้ด้วย
สินเชื่อรวมหนี้ดอกเบี้ยถูก
สมัครฟรี
ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
**************************
จบทุกปัญหา #โครงการรวมหนี้ – ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน เงินเดือน 20,000 ขึ้นไป ดอกเบี้ยต่ำ
เอกสารไม่ยุ่งยาก
►มีประกันสังคมมาตรา33
►ประวัติยังดี ปลดล็อค ทุกปัญหา สมัครง่าย อนุมัติไว
►รู้ผลเบื้องต้นทางออนไลน์