น้องปริญญ์ ผมได้เจอเมื่อครั้งที่ผมไปดูเพื่อนไปร่วมอัดรายการ SME ตีแตก The Final โชคดีวันนั้นได้ดูน้อง ปริญญ์นำเสนองาน และเป็นไปตามคาด เด็กหนุ่มที่กล้านำเสนอความคิดที่ “หลุดกรอบ”
จากธุรกิจเดิม ๆ ของที่บ้าน สู่ธุรกิจใหม่ที่เต็มเปลี่ยมไปด้วย แรงปรารถนา Passion ที่แรงกล้า วันนั้นน้อง ไม่เพียง ตีโจทย์ได้ 3 แตกจากคณะกรรมการ แต่น้องได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวจากผู้เข้าร่วมชมรายการ ในวันนั้น

ผมจึงถือโอกาสนี้ นำ Passion ของน้อง ปริญญ์ มาแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่ ทุกท่าน เพื่อเป็นการ “จุดประกาย” ความฝันเล็ก ๆ ของพวกเราให้ตื่นขึ้นมาครับ….ผมอดปราบปลื้มไม่ได้เลยครับ ที่ได้นำเรื่องราวของน้องมาแบ่งปันในวันนี้

น้องปริญญ์ แนะนำตัวให้เพื่อน ๆ ทราบหน่อยครับ

สวัสดีครับ ผมปริญญ์ สุขสมิทธิ์ อายุ 26 ปี ปัจจุบันทำธุรกิจขนม “โมจิ ลาวาบัน” ชื่อ Phoenix Lava (ฟีนิกซ์ ลาวา) ก่อตั้งร่วมกับน้องชาย ครับ

ทราบว่าเป็น “เด็กนอก” มา ตอนเรียนนอกจากแล้วยังทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนด้วย
ใช่ครับผมทำงานเป็นพนักงานส่งหนังพิมพ์ของ Asahi Shimbun (หนังสือพิมพ์ อาซาฮี)  ผมขี่ จักรนานส่งเขต 8C จังหวัดเกียวโต 200 หลัง ตอนไปเรียนต่อที่เกียวโต

ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น มีเวลาอยู่คนเดียวเยอะมาก เลยมีเวลาคุย ทำความเข้าใจกับตัวเอง จนรู้อย่างแน่ชัดเลยว่าเราอยากทำ “ธุรกิจ” อะไรสักอย่าง

จุดเริ่มต้นของ ซาลาเปาลาวา มาจากอะไรครับ

ความอึดอัดใจครับ ….เราเกิดมาในยุคที่คนไทยไปต่อแถวซื้อขนมจากคนต่างชาติ และพวกเราเห็นภาพนั้นบ่อยๆตั้งแต่ยุค โรตีบอย Krispy Kreme Doughnut จนมาถึง Garrett Popcorn

พวกเราเริ่มตั้งคำถามว่า ทำไมมันไม่มีขนมพื้นๆของไทย ที่ทำโดยบริษัทคนไทยที่จะสามารถดังระดับนั้นได้บ้าง เรื่องราวนี้เป็นแรงบันดาลใจ และ เป็นจุดเริ่มต้นให้เราหยิบเอาขนมพื้นๆอย่าง “ซาลาเปา” มาสร้าง การเปลี่ยนแปลง

แล้วทำไมต้องเป็น “ซาลาเปา” ลาวา

การอยู่ที่ญี่ปุ่นทำให้เราได้อิทธิพลทางความคิดมามาก เราจึงหยิบนำเอาวิถีชีวิต วิธีคิดความเป็นญี่ปุ่น ที่น่าเอาแบบอย่างมาใช้ในการสร้าง Phoenix Lava

เราตั้งเป้าหมายที่เข้าใจง่ายๆก่อนอย่าง ถ้าเราจะทำ “ซาลาเปาลาวา” ที่ดีที่สุดในโลก เราจะต้องทำอะไรบ้าง คิดแบบไหนบ้าง

เราใส่ความละเอียดอ่อนในการสร้างสินค้าลงไปมากๆ ตอนเริ่มทำก็อยู่ที่ญี่ปุ่นนั้นแหละครับ

เก็บเงินจากการทำงานพิเศษ

แล้วก็ซื้อของจากใน SUPERMARKET มาทดลองทำดูก่อน

คนที่ทำ ลาวาบันทั้งหมด คือน้องชาย ส่วนผมใช้เวลาที่มีไปกับการเดินดู Packaging ที่ญี่ปุ่น ไปเดินดูทุกๆเย็นหลังเลิกงาน เจออะไรดีๆ ก็จดเอาไว้ครับ

6 เดือน 17 วันหลังจากนั้นเราก็ได้ Prototype แรกของ “โมจิ ลาวาบัน” ในแบบที่เราเชื่อว่า  ‘ดีที่สุด’ หลังจากกลับมาที่ประเทศไทย ก็เริ่มทำทันที โดยนำเงินที่เก็บสะสมจากการทำงานที่ญี่ปุ่น มาหุ้นกับน้องชาย คนละ 35% ที่เหลือระดมทุนจากครอบครัว เปิดร้านสาขาแรกที่ The Sense ปิ่นเกล้า

5.เชื่อว่าทำงานก็ต้องมีปัญหา อยากให้น้องปริญญ์ช่วยแบ่งปันเรื่องนี้หน่อยครับ

คุณพ่อผมสอนผมตั้งแต่เด็กๆว่า

“นักธุรกิจ” ไม่ได้หมายความว่า “คนที่ทำธุรกิจส่วนตัว”

แต่มันหมายถึง “คนที่มีหน้าที่… แก้ปัญหา”

หมายความว่า ถ้าหากเราออกมาทำธุรกิจด้วยตัวเองแล้ว “อาชีพหลัก” ที่เราต้องทำก็คือการเป็น “นักแก้ปัญหา” ครับ

ผมมีความเชื่อแบบนั้น..

และสำหรับคนที่เพิ่ง kick start ธุรกิจแบบพวกเรา  เจอปัญหาทุกวันเลยครับ สิ่งที่ไม่เคยเจอ ไม่เคยคิดจะเจอ

แต่พวกเราไม่คิดว่ามันเป็น ‘ปัญหา’  เราเชื่อว่ายิ่งเจอปัญหามาก ยิ่งได้เรียนรู้มาก ปัญหาที่ยิ่งยาก ก็ยิ่งทำให้เราเก่งเร็วขึ้น

พอคิดแบบนี้ จึงรู้สึกสนุกที่ได้เจอ ปัญหา ใหม่ๆทุกวัน

ตอนนี้มี ไส้แบบไหนบ้าง ขายทางไหนบ้างครับ

เราเชื่อว่าธุรกิจเล็กๆ จะทำอะไรต้อง focus  ต้องชัดเจน ในสิ่งที่ทำ อย่าจับฉ่าย อย่าทำหลายๆอย่าง   เราจึงเลือกทำเฉพาะในสิ่งที่เราถนัดจริงๆ แต่ละไส้ที่เราทำจึงมีไม่มาก แต่แทนที่ด้วยขั้นตอนที่พิถีพิถันในการสร้าง ‘ขนม’

เราคิดว่า สิ่งที่เราทำเป็นเหมือน งานศิลปะ ที่สามารถบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ได้

‘โมจิ ลาวาบัน’ เป็นการผสมผสาน ลาวาที่ละเอียดอ่อน กับ เนื้อแป้งโมจิ โมจิ เหนียวนุ่ม เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้

วงการที่น่าเบื่อๆแบบ  “ซาลาเปา”

โมจิ ลาวาบัน ปัจจุบันมีไส้พื้นฐาน 3 ไส้ครับ

คือ

1。Original (オリジナル)— ลาวาไข่เค็มผสมเนยธรรมชาติ

**ไม่ผสมเนยขาว ผงคัสตาร์ด สาร/สีสังเคราะห์ ใดๆทั้งสิ้น**

2。Matcha (抹茶)— มัตฉะลาวา ที่ผ่านการคัดเลือกด้วยทีมงานเราเอง

จากเมือง Uji จังหวัดเกียวโต มัจฉะที่ปลูกบนเขา

3。Sesame (黒ごま)— งาดำลาวา ที่เป็นลาวาเอกลักษณ์

และเป็นที่นิยมของคนญี่ปุ่นมานับชั่วอายุคน

4。** Special — ลาวารสชาติพิเศษตามฤดูกาล ทุกๆสองเดือน **
จำหน่ายคู่กับชาญี่ปุ่น ( ชามัตฉะ และ โฮจิฉะ )
ที่

ปัจจุบันทำมาได้ 1 ปี 3 เดือนแล้วครับ มีสามสาขา

(1) 本店ที่ The Sense ปิ่นเกล้า

(2) ISETAN — เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 5

(3) Central Westgate ชั้น G

ที่ร้านยังมี
—บริการส่ง EMS สำหรับลูกค้าต่างจังหวัด
—ทีมงาน Delivery ใน กรุงเทพฯ
—Full Catering Service (ยกทีมงานไปนึ่งให้ทานร้อนๆ)
เมื่อสั่ง 200 ชิ้นต่อวัน ขึ้นไปด้วยครับ

วางแผนการตลาดในอนาคตไว้อย่างไรครับ

ผมมีความเชื่อว่ายุคนี้ ไม่ใช่ยุคที่ small business ต้องจ่ายเงินเพื่อไปซื้อสื่อแล้วครับ กลับกัน … สิ่งที่ต้องทำคือ พยายามทำตัวให้
สื่อ “วิ่งเข้ามาหา”  อยากพูดคุยกับเรา ถึงสิ่งที่เราทำ

สิ่งที่เราเชื่อ

เพราะฉะนั้น สิ่งเล็กๆน้อยที่เราสื่อสารออกไป จึงสำคัญมากๆ
ที่ Phoenix Lava ให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เราสามารถควบคุมได้แน่ๆก่อนอย่างเช่น

1. Culture ในบริษัทเราที่เอาวิธีการฝึกพนักงานแบบญี่ปุ่นมาใช้
ทีมงานของ Phoenix Lava ถูกฝึกสอนให้บริการลูกค้า
ให้ดีเทียบเท่าหรือเหนือกว่าคนญี่ปุ่นให้ได้  ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็จะได้ความรู้สึกงานบริการ ที่อุบอุ่นแบบญี่ปุ่น

2. การทำขนมในยุคที่มี ‘ทางเลือก’ เต็มไปหมดแบบนี้ ความ ‘อร่อย’ อย่างเดียวไม่ใช่คำตอบแล้วครับ
ที่ Phoenix Lava เราจึงเน้นเรื่อง Packaging ที่สามารถยกระดับความรู้สึกของลูกค้า ให้รู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างที่สุดจาก “ซาลาเปา” แบบเดิม เพราะ Packaging เป็นเหมือนเสื้อผ้าของขนม  มันคือสิ่งแรกเลยที่ลูกค้าจะตัดสินใจ เข้า หรือ ไม่เข้ามาหาเรา

3.SMALL IS BEAUTIFUL. ทำสิ่งเล็กๆ แต่ใส่รายละเอียดให้มากๆ  ธุรกิจเล็กๆได้เปรียบตรงนี้ และสามารถทำได้ทันที ทีมงานเราพยายามทำสิ่งเล็กๆที่ใส่ความละเอียดอ่อนลงไปมากๆกับทุกๆสิ่งในร้านตั้งแต่รูปลักษณ์ สี เพลงในร้าน ของตกแต่ง ขั้นตอนการวางขนม ชนิดของไฟที่ลูกค้าชอบ ฯลฯ ใส่ความตั้งใจลงไปมากๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกอยากกลับมาหาเราอีก
ในอนาคต Phoenix Lava (2016)
1. ขยายสาขาเฉพาะใน กรุงเทพฯก่อนเพิ่มอีก 5 สาขา
ในปีหน้า
2. พยายามสร้างเวปไซต์ให้เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายของตัวเอง เพื่อลดการพึ่งสาขาหน้าร้านในห้าง

ซึ่งปัจจุบัน เวปไซต์ยังไม่ได้เป็น e-commerece integration
(www.lavabun.com)

3. และสร้างสินค้าใหม่ ที่มีอายุยาวนานขึ้น ให้เหมาะสมกับการเป็นของฝากมากขึ้น โดยมีเป้าหมายให้เป็น “ของฝาก” ที่ดีที่สุดในกรุงเทพมหานคร ครับ
อยากให้ฝาข้อคิดกับเพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่ครับ

  1. วิธีที่จะเริ่มทำธุรกิจอะไรบางอย่าง ให้เริ่มจาก “ความหงุดหงิด”
    ของตัวคุณเอง เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณ มีอารมณ์ร่วม, มีอารมณ์ที่อยากเข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงอยู่มาก
    ผมคิดว่าการเริ่มธุรกิจด้วยความคิดที่อยากจะ “แก้ปัญหา”
    เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
  2. ผมชอบคำพูดนึงของ Robert Kiyosaki ซึ่งคิดว่ามันสุดยอดมากๆ สำหรับคนที่จะเริ่มทำธุรกิจ

CHANGE YOUR FOCUS, FROM MAKING MONEY.
จงเปลี่ยนความตั้งใจของคุณจากการ ทำเงินมากๆ”.
TO SERVING MORE PEOPLE
เป็นการ รับใช้ผู้คนจำนวนมาก” แทน

SERVING MORE PEOPLE, MAKE THE MONEY COME IN. 

การรับใช้ผู้คนจำนวนมากต่างหาก ที่จะทำให้เงินไหลเข้ามาเอง

3.ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกๆคนที่เกิดมาบนโลกต้องเริ่มจากการทำ ‘สิ่งๆนึง’ ที่สำคัญที่สุดในชีวิตก่อนนั้นคือการ “ค้นหาตัวเอง”พยายามรู้ให้ได้ว่า เราอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร ชอบทำอะไร ไม่ชอบทำอะไร รัก หลงใหล ในการทำอะไรโดยไม่มี ความคิดของคนอื่น ค่านิยมของสังคมหรืออะไรก็แล้วแต่เข้ามามีอิทธิพลใดๆ ต่อความคิดเรานะครับเพราะ มันเป็นเรื่องปกติมากๆถ้าหากเราทำอะไรบางอย่างที่เราไม่ชอบ ไม่รัก ไม่หลงใหล วันนึงเราก็จะล้มเลิก  ล้มเลิกอย่างง่ายๆด้วย

ดังนั้นผมคิดว่าต้องเริ่มจากการค่อยๆ “ดมกลิ่น” สิ่งต่างๆรอบตัวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ใช้เวลาพูดคุยกับหัวใจตัวเอง ศึกษา ค้นหา ตัวเองในทุกๆวัน จนวันนึงที่เรา รู้แน่ชัด ว่าเราอยาก

ทำอะไร” สร้างอะไร” อเพื่อเปลี่ยนแปลงอะไร” ชีวิต จะเป็นเรื่องที่สนุกมาก

  1. เวลาของคุณมีจำกัด คุณต้องเป็นคนนำทัพ ความคิดของคุณเอง ต้องเป็น กัปตันแจค สแปโรว์ของเรือชีวิต คุณเอง

ต้อง ‘กล้า’ ที่จะเดินตาม ฝัน ของตัวเอง ผมใช้ชีวิตด้วยความคิดแบบนี้  มันทำให้ผมอยากจะตื่นขึ้น เพื่อทำงาน เพื่อใช้ชีวิต

ช่องทางติดต่อธุรกิจ

www.facebook.com/Phoenixlava

www.lavabun.com

Email — [email protected]

@LINE — phoenix_lava

เถ้าแก่ใหม่รีวิว : ใช่สิ ก็บ้านมีฐานะดีหนิ จึงทำธุรกิจได้สำเร็จ !! ผมเชื่อว่ามีหลายคนคิดแบบนี้ แต่ผมอยากให้เราลองเปิดใจ พื้นฐานคนต่างกัน แต่ถ้าคน ๆ นั้น “ไม่รักดี” ต่อให้ที่บ้านมีฐานะดีอย่างไร ทำอะไรก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย น้องปริญญ์คือ นักธุรกิจรุ่นใหม่ Gen-Y ที่เป็นแบบอย่างของการผสมผสาน ธุรกิจครอบครัว แล้วมาปลุกปั้นธุรกิจใหม่เป็นของตัวเอง อยากเป็นคนรวยแบบ Self Made คือทำเอง ลุยเอง สนุกกว่า มันส์กว่าเยอะ

ความลงตัวของรสชาติ นวัตกรรม และที่สำคัญคือ “ใส่ความเป็นตัวตน” ลงไปในซาลาเปาธรรมดา กลายเป็น ซาลาเปาลาวา ที่ทุกวันนี้ขายดิบขายดี

เถ้าแก่ใหม่ไม่เพียงจะมีสินค้า ดีเท่านั้น…แต่ต้องมี Vision หรือวิสัยทัศน์ที่ดีด้วย วันนี้น้องปริญญ์ ทำให้พวกเราเห็นแล้วว่า “ซาลาเปา” หน้าตาน่ารัก ๆ จะเติบโตไปไกลอีกแน่นอน