ร้านขายสินค้าออนไลน์รายใหญ่จากอเมริกาอย่าง Amazon มีแผนตีตลาดประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งานนี้ร้านค้าออนไลน์ในตลาดรายใหญ่คงจะต้องหนาว เพราะ Amazon จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งในตลาด เพื่อครองใจผู้บริโภคกว่า 600 ล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยคาดว่าแผนการตีตลาดของ Amazon นั้นจะเริ่มที่ประเทศสิงคโปร์ ต้นปี พ.ศ. 2560 เนื่องจาก ประเทศสิงคโปร์มีขนาดเล็กสำหรับการทดลองตลาด ผู้บริโภคมีกำลังจ่ายสูงและพร้อมที่จะใช้บริการสินค้าออนไลน์มากกว่าประเทศอื่นๆในแถบนี้ อีกทั้ง ระบบขนส่งและเทคโนโลยีของสิงคโปร์มีความทันเทียบกับอเมริกามากกว่าประเทศอื่น ดังนั้นสิงคโปร์จึงเป็นทางเลือกเดียวที่เหมาะสมกับกลยุทธ์ของ Amazon ในครั้งนี้
Amazon คืออะไร ?
สำหรับใครที่ไม่รู้จักว่า Amazon คืออะไร ก่อนอื่นเลย Amazon คือร้านขายสินค้าออนไลน์หลายประเภค ซึ่งมีชื่อเสียงมากที่สุดรายหนึ่งในอเมริกา โดยประเภทของสินค้ามีความหลากหลายตั้งแต่เสื้อผ้า, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, กล้อง และอื่นๆอีกมากมาย
โดยจุดขายของ Amazon คือการส่งสินค้าอย่างรวดเร็ว โดยบริการซึ่งเป็นที่นิยมของ Amazon คือ Amazon Prime ซึ่งเป็นสมัครสมาชิกเพื่อรับสิทธิพิเศษกว่าการบริการแบบปกติ โดยสมาชิกจะได้รับการส่งสินค้าข้ามคืนหรืออย่างมากที่สุดเพียง 2 วัน ซึ่งถือว่าเป็นบริการที่เข้ามาทำให้ตลาดอี-คอมเมิร์ซต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อกลยุทธ์นี้ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การส่งสินค้าข้ามคืนของ Amazon นั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการทดลองอย่างมากในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากยังไม่มีระบบการขนส่งที่ทันสมัยเทียบเท่าอเมริกา
การแข่งขันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ยักษ์ใหญ่อย่าง Lazada, Zalora, และ Alibaba ที่กำลังจะเข้ามาครองตลาดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ต้องจับตามองกับการเคลื่อนไหวของ Amazon ในครั้งนี้ ซึ่งการที่ Amazon เข้ามาร่วมเล่นในตลาดอี-คอมเมิร์ซ ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กและขนาดกลางจะได้ผลประโยชน์เต็มๆ
กล่าวคือ ร้านค้ามีช่องทางใหม่ในการนำเสนอสินค้า ซึ่งการันตีได้เลยว่า Amazon จะเป็นช่องทางที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ร้านค้าเพราะมีผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง และด้วยระบบการจัดซื้อจัดขายสินค้าที่มีมาตรฐาน ทำให้การขายสินค้าสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
หนึ่งสิ่งที่ทำให้ Amazon เป็นเจ้าตลาดในอเมริกาเพราะบริษัทมีการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยบริษัทจะมีการตรวจสอบผู้ขายสินค้าทุกรายอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าร้านค้านั้นมีสินค้าขายอยู่จริง ซึ่งข้อนี้เป็นการทำให้ผู้บริโภควางใจในการซื้อสินค้ากับทาง Amazon มากขึ้น
นอกจากนี้ ร้านขายสินค้าปลีกส่งและห้างสรรพสินค้าอาจจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการที่ Amazon เข้ามาเปิดตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน ซึ่งคาดการจากเทรนด์ในปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นเพราะทั้งสะดวกและประหยัดเวลา
ซึ่งถ้าหากมีตัวเลือกที่เป็นตัวท็อปของวงการเข้ามาให้เลือกใช้บริการ นี่น่าจะเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับห้างสรรพสินค้าที่น่าจับตามองเช่นกัน ทุกๆหน่วยงานก็ต้องงัดไม้เด็ดออกมาแก้ไขสถานการณ์ต่างกันออกไป
มุมมองของผู้บริโภค
เพราะการเป็นเจ้าตลาดในอเมริกาและเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ครองใจผู้บริโภคอาจจะทำให้ Amazon ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่เปิดรับวัฒนธรรมจากต่างชาติ และต้องการทดลองบริการใหม่ๆ
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทอย่าง Lazada, Zalora ที่กำเนิดในแถบเอเชีย ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคในแถบนี้มากกว่า อีกทั้งการเป็นเจ้าแรกในตลาดอี-คอมเมิร์ซ อาจจะชะลอการตีตลาดของ Amazon ได้ระยะหนึ่ง
การที่ Amazon เข้ามาในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคอย่างมาก เพราผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ต้องผูกมัดกับผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงเจ้าเดียว
ดังนั้นผู้บริโภคจึงสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตามรสนิยม (Consumer’s Taste) และกำลังซื้อ (Spending Power)ที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล
ผู้เขียน กันต์พจน์ สุริวงศ์ iPrice
www.ipricethailand.com
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube : Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME