Meta สร้างโซเชี่ยลใหม่แข่ง Twitter เร็วๆ นี้

สำนักข่าว BBC ได้รายงานเรื่องเผยแผนการดำเนินการของ Meta ที่กำลังจะเปิดแพลตฟอร์มโซเชี่ยลใหม่ที่อาจจะเป็นคู่แข่งของ Twitter โดยมีรายละเอียดดังนี้

Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram กำลังพัฒนาแอปโซเชียลเน็ตเวิร์กในรูปแบบข้อความแบบสแตนด์อโลนที่มีความคล้ายคลึงกับ Twitter ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ในขณะนี้ โดยคาดการณ์กันว่าแอปพลิเคชั่นใหม่นี้จะสามารถแข่งขันกับตัวของ Twitter รวมถึงคู่แข่งอีกเจ้าอย่าง Mastodon ได้

แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกเอาไว้ว่าทาง Meta กำลังสำรวจและวิจัยรวมถึงกำลังพัฒนาเครือข่ายโซเชี่ยลแบบสแตนด์อโลนสำหรับการแชร์การอัปเดตข้อความโดยแหล่งข่าวยังระบุเอาไว้ว่า Meta ยังมีโอกาสสำหรับช่องว่างระหว่างผู้สร้างและบุคคลสาธารณะที่จะสามารถแบ่งปันข้อมูลหรืออัปเดตเกี่ยวกับความสนใจของพวกเขาได้ทันท่วงที

Twitter กำลังช่วยให้ Meta มีโอกาสในการแข่งขันจากความวุ่นวายภายในบริษัท Twitter เองโดยมีสาเหตุมาจากตัวของ Elon Musk ที่พยายามทำการลดต้นทุนของ Twitter ซึ่งเป็นไปอย่างอย่างทุลักทุเลไม่น้อย

อีกหนึ่งความปั่นป่วนของ Twitter เกิดจากการสูญเสียกลุ่มลูกค้าที่มาลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มซึ่งเป็นปัญหามาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วเพราะบริษัทต่าง ๆ พากันแห่ถอนตัวออกจาก twitter หลังจาก twitter กลับมามีนโยบายกู้คืนบัญชีที่ถูกระงับและปล่อยการยืนยันบัญชีแบบชำระเงินซึ่งนโยบายนี้ทำให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสแอบอ้างเป็นบริษัทเกี่ยวกับการเงิน

แอปใหม่ที่ทาง Meta พัฒนาจะมีชื่อรหัสว่า P92 และจะอนุญาตให้ผู้ใช้เข้าสู่ระบบผ่านข้อมูลรับรอง Instagram ที่มีอยู่โดยแอปของ Meta ที่กำลังพัฒนานี้จะใช้เฟรมเวิร์กที่คล้ายกับที่ใช้ในโซเชี่ยลมีเดียอย่าง Mastodon ซึ่งเป็นบริการที่คล้ายคลึงกับตัว Twitter ซึ่งเปิดตัวในปี 2559

แอปใหม่ที่กำลังถูกพัฒนานี้จะถูกกระจายอำนาจโดยไม่ขึ้นอยู่กับใครเพียงคนใดคนหนึ่งที่จะเข้ามาซื้อหรือขายได้โดยตรง โดยสาเหตุที่ Meta ต้องหันมาให้ความสนใจพัฒนาแอปใหม่นี้นั่นก็เพราะแพลตฟอร์มที่เป็นตัวชูโรงอย่าง Facebook กำลังพยายามและดิ้นรนอย่างหนักเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คน

นอกจากนี้ทาง Meta ยังลงทุนไปเป็นจำนวนมากใน metaverse ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริงและยังไม่ประสบความสำเร็จจนต้องลดความสนใจในการพัฒนา Metaverse ลง หรือแม้กระทั่ง Instagram เองก็กำลังเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่รุนแรงเช่นกันเพราะมีคู่แข่งอย่าง TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างคอนเทนต์แนววิดีโอที่ได้รับความนิยมมากอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง ขณะนี้ก็ต้องรอความคืบหน้าของ Meta อีกครั้งว่าพร้อมจะเปิดตัวแอปอย่างเป็นทางการเมื่อใด

ที่มา: https://www.bbc.com/news/technology-64917397

ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับข่าว Meta สร้างโซเชี่ยลใหม่แข่ง Twitter เร็วๆ นี้

แม้จะดูเหมือนว่าสิ่งที่ทาง Meta ทำคือความพยายามที่จะพัฒนาและขยายโอกาสทางธุรกิจของตนเองให้ครอบคลุมโซเชี่ยลแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจของตนเองแต่ทว่าเมื่อมองสิ่งที่ Meta กำลังเผชิญในช่วงที่ผ่านมานั้นผู้ประกอบการสามารถนำบทเรียนของ Meta มาเป็นข้อเตือนใจได้อย่างดีในเรื่องที่ว่าไม่ว่าคุณจะเคยยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตามคุณก็มีโอกาสถูกท้าทายจากคู่แข่งขันรายใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าตามเทรนด์ใหม่ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงรวมถึงการตัดสินใจผิดพลาดก็มีโอกาสทำให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

Meta ประสบปัญหาทั้ง 2 รูปแบบโดยไล่มาตั้งแต่กระแสของโซเชี่ยลมีเดียในปัจจุบันที่ผู้คนเริ่มหันมานิยมบริโภคคอนเทนต์ในรูปแบบของคลิปวิดีโอมากขึ้นทำให้ตัวของ Instagram ซึ่งเป็นโซเชี่ยลแอปพลิเคชั่นของ Meta ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง TikTok ที่นับวันกระแสความนิยมก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น รวมไปถึงนโยบายของ Facebook เองที่เริ่มสร้างความยุ่งยากให้กับธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่ใช้ Facebook ในการทำการตลาดที่ต่างก็เริ่มประสบปัญหาในการยิง ads หรือแม้แต่การมองเห็นที่ลดลงเหล่านี้ล้วนสร้างปัญหาให้กับ Meta เป็นอย่างมาก

ในเรื่องของนโยบายเองก็เช่นกันเมื่อการมาถึงของ Metaverse ทำให้ Meta คือบริษัทไอทีบริษัทแรก ๆ ที่มุ่งเข้าสู่สนามของ Metaverse ด้วยความพยายามที่จะพัฒนา Metaverse ขึ้นมาให้ได้ก่อนบริษัทอื่น ๆ แต่ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่ต้องการเพราะทาง Meta ต้องเสียงบไปในการพัฒนา Metaverse เป็นจำนวนมากแต่ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการกลับมาจึงต้องชะลอการลงทุนในด้านนี้ลงไปก่อนซึ่งไม่เพียงแค่ Meta เท่านั้นเพราะบริษัทไอทีใหญ่ ๆ ก็ต้องชะลอการลงทุนใน Metaverse ด้วยเช่นกันจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบกับโครงการ Metaverse

ดังนั้นการพัฒนาโซเชี่ยลแอปพลิเคชั่นตัวใหม่ขึ้นมาจากการที่เจ้าตลาดเดิมอย่าง Twitter กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายครั้งสำคัญจากนโยบายของเจ้าของใหม่อย่าง Elon Musk ที่ทำให้ตัวของ Twitter ปั่นป่วนไม่น้อยเช่นกันจึงน่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้ Meta บุกเข้ามาขยายฐานธุรกิจของตนได้ซึ่งทาง Meta จะทำได้มากน้อยเพียงใดและแอปพลิเคชั่นตัวใหม่จะได้รับความนิยมขนาดไหนก็เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามต่อในอนาคต