ในวัยเด็กครอบครัวของเธอไม่ได้อบอุ่นอย่างคนที่มีฐานะทั่วไป เมื่อพ่อแม่ของเธอคือ Harry Guy Snyder และ Lynda Lau ได้ตัดสินใจแยกทางกันเมื่อเธอมีอายุได้เพียง 12 ปี

คำว่าอาถรรพ์ธุรกิจรุ่นที่ 1 ผู้บุกเบิก รุ่นที่ 2 ผู้สานต่อ และรุ่นที่ 3 ผู้ทำลายสิ้นคือภาพสะท้อนความล้มเหลวของธุรกิจครอบครัวหลาย ๆ ธุรกิจ อาจด้วยว่ารุ่นที่ 1ในช่วงที่ธุรกิจกำลังก่อร่างสร้างตัว ทายาทรุ่นที่ 2ได้เรียนรู้การดำเนินงานและรับรู้ความลำบาก เมื่อรุ่นที่ 2 สานต่อจึงเข้าใจกระบวนการทั้งหมด และในรุ่นที่ 3 เป็นช่วงที่ทุกอย่างลงตัว เป็นรุ่นที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง ครั้นถึงเวลาขึ้นมาบริหารเองก็นำพาให้ธุรกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย หรืออาจถึงขั้นล่มสลายไปเลยก็มี แต่ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับทายาทรุ่นที่ 3ของอาณาจักรธุรกิจครอบครัวผู้ทำลายอาถรรพ์รุ่นที่ 3 เธอผู้นี้คือ Lynsi Snyder ทายาทรุ่นที่ 3ของ In-N-Out Burger

รู้จักกับ In-N-Out ฟาสต์ฟู้ดชื่อดังฝั่งตะวันตกของอเมริกา

ก่อนที่จะไปรู้จักกับประวัติของเธอ เราควรทำความรู้จักกับธุรกิจของตระกูล Snyder กันเสียก่อน “In-N-Out” คือร้านอาหารแนวฟาสต์ฟู้ดที่ให้บริการจำหน่ายเบอร์เกอร์เป็นเมนูหลัก ก่อตั้งเมื่อ 22 ตุลาคม 1948 โดย Harry Snyder และ Esther Snyder ปู่และย่าของเธอ ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเออวิน รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยสาขาแรกตั้งอยู่ที่ชานเมืองโบลด์วิน พาร์ค รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นร้านแรกที่ใช้ระบบ Drive -Thru ให้บริการ มีสาขาทั้งสิ้น 18 สาขา ภายหลังภายใต้การบริหารของ Rich Snyder ลุงของเธอมีสาขาเพิ่มเป็น 83 สาขา และเพิ่มเป็น 140 สาขาในยุคของ Guy Snyder พ่อของเธอ

In-N-Out เป็นร้านอาหารไม่กี่แห่งที่ปฏิเสธการใช้ระบบแฟรนไชส์ด้วยเหตุผลที่ต้องการรักษาคุณภาพสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า และเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับพนักงานของร้านด้วยการให้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าค่าตอบแทนขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนด

ปัจจุบันถูกจัดให้เป็น 1ในร้านฟาสต์ฟู้ดยอดนิยมจากการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

Lynsi Snyder ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้มาจากครอบครัวที่แยกทาง

ลินซีย์ สไนเดอร์ เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1982 ที่เมืองเกล็นดอรา รัฐแคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันพักอยู่ที่แบรดเบอร์รี่ แคลิฟอร์เนีย

ในวัยเด็กครอบครัวของเธอไม่ได้อบอุ่นอย่างคนที่มีฐานะทั่วไป เมื่อพ่อแม่ของเธอคือ Harry Guy Snyder และ Lynda Lau ได้ตัดสินใจแยกทางกันเมื่อเธอมีอายุได้เพียง 12 ปี ทำให้เธอต้องย้ายไปอยู่กับแม่ที่เมืองซิงเกิลทาวน์ แคลิฟอร์เนียในฟาร์มปศุสัตว์ เธอจบการศึกษาจากโรงเรียนเอกชนคริสเตียน เรดดิง โรงเรียนที่พ่อของเธออุปถัมภ์ ภายหลังจบการศึกษาเธอไม่ได้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา

เธอมีพี่สาวต่างบิดา 2 คนคือ Traci และ Teri โดยในปัจจุบัน Traci ได้แต่งงานกับ Mark Taylor ประธานฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท

สู่เส้นทางการเป็นประธานบริษัท

ในช่วงที่เธอยังเป็นเด็ก ตำแหน่งประธานบริษัทเป็นของ Rich Snyder ผู้เป็นลุงของเธอ แต่แล้วในปี 1993 ลุงของเธอกลับประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกจนเสียชีวิต พ่อของเธอจึงขึ้นมารับช่วงต่อเป็นประธานบริษัทแต่ก็มาเสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี 1999ด้วยสาเหตุการใช้ยาแก้ปวดเกินขนาด ทำให้ Esther Snyder ผู้เป็นย่าของเธอต้องขึ้นเป็นประธานบริษัทแทน กระทั่งในปี 2006 ย่าของเธอเสียชีวิตในวัย 86 ปี ตำแหน่งประธานบริษัทจึงตกเป็นของ Mark Taylor คนนอกตระกูลผู้มีความผูกพันกับตระกูล Snyder ก่อนที่จะส่งต่อตำแหน่งประธานบริษัทคืนให้แก่ ลินซีย์ในวันที่ 1 มกราคม 2010เป็นประธานคนที่ 6 ของบริษัทและเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ภายหลัง มาร์คได้กลับไปรับตำแหน่งเป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทแทน

กล่าวกันว่าก่อนการขึ้นเป็นประธานบริษัทของเธอ มีข้อความบันทึกของเธอจากเทปได้ถูกถ่ายทอดไปยังทุก ๆหน่วยของบริษัท โดยเธอกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลง ทิศทางและอนาคตของบริษัท ในขณะที่ลายเซ็นของเอสเธอร์ย่าของเธอก็ถูกแทนที่ด้วยลายเซ็นของเธอในปี 2009 ภายหลังการเสียชีวิต 3 ปี

 

เผชิญปัญหาถูกฟ้องร้อง

ในปี 2003 เธอและมาร์ค เทเลอร์ถูก Rich Boyd อดีตฝ่ายบริหารของบริษัทผู้ซึ่งถูกไล่ออกจากกรณีทุจริตฟ้องร้อง โดยเธอและมาร์คถูกกล่าวหาว่ามีความพยายามที่จะกดดันและบีบบังคับให้ย่าของเธอออกจากการเป็นประธานบริษัท อย่างไรก็ดีภายหลังศาลได้ยกฟ้องข้อกล่าวหาดังกล่าวในปี 2006 หลังการต่อสู้กัน 3 ปี

 

ได้รับสิทธิ์ขาดในการดูแลบริษัท

ลินซีย์ สไนเดอร์ได้กลายมาเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดในบริษัทภายหลังได้รับหุ้นกว่า 50 % ของพ่อเมื่อมีอายุได้ 30 ปีในปี 2012 นั่นทำให้เธอมีสิทธิ์ที่จะกำหนดทิศทางของบริษัทได้อย่างเต็มที่นับจากการเสียชีวิตของเอสเธอร์ ผู้เป็นย่าของเธอ

และในปี 2017 เธอกลายมาเป็นเศรษฐีพันล้านเป็นครั้งแรกในวัย 35 ปีภายหลังได้รับมรดกส่วนสุดท้ายของเธอ

In-N-Out ภายใต้การบริหารของลินซีย์ สไนเดอร์

แม้ว่าเธอจะมีอำนาจบริหารเด็ดขาดและมีสิทธิ์ที่จะกำหนดทิศทางบริษัทอย่างเต็มที่ แต่เธอก็ไม่ได้ใช้อำนาจนั้นตามอำเภอใจ โดยการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของบริษัทเธอยังคงให้ทีมผู้บริหารระดับสูง 7 รายเป็นผู้มีส่วนกำหนดทิศทางของบริษัทเช่นเดิม ภายใต้การนำการบริหารของเธอ In-N-Out มีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตเป็นอย่างมาก

ในปี 2010

  • ขยายสาขาไปยัง เวสต์ วัลลี ซิตี้, เวสต์ ซอแดน, เซนเตอร์วิลล์, ริเวอร์ตัน
  • มีแผนขยายไปที่ เท็กซัส ที่เมือง ดัลลัส ฟอร์ท เวิร์ธ และฟริสโก, อัลเลน

ในปี 2013

  • ขยายสาขาไปที่ ออสติน ทำให้มีสาขาทั้งสิ้น 21 สาขาใน ดัลลัส ฟอร์ท เวิร์ธ และ 4สาขาที่ ออสติน

ในปี 2014

  • เปิดสาขาแรกที่ ซาน แอนโตนิโอ
  • เปิดสาขาที่ 22 ในเมือง คิลลีน ใน เท็กซัส
  • มีทรัพย์สินรวมกว่า 575 ล้านเหรียญ

ในปี 2015

  • เปิดสาขาแรกที่ วาโก
  • เปิดสาขาที่ 300 ใน อัมไฮน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
  • มีพนักงานกว่า 18000คนและมียอดขายกว่า 585 ล้านเหรียญ
  • เปิดสาขาแรกใน โอเรกอน ภายใต้ศูนย์กระจายสินค้า ลาธรอพ แคลิฟอร์เนีย

ในปี 2017

  • ประกาศขยายสาขาไปที่ ฮุสตัน
  • ประกาศแผนสร้างศูนย์กระจายสินค้าและโรงงานที่ โคโรลาโด ก่อนเปิดสาขาแรกที่ โคโรลาโด ในปี 2021

ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 329 สาขากระจายอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาดา อริโซนา ยูทาห์ เท็กซัสและโอเรกอน

 

สิ่งที่ SMEs ควรเรียนรู้จาก ลินซีย์ สไนเดอร์

1. นักธุรกิจมือใหม่ต้องเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์

บ่อยครั้งที่ความล้มเหลวของการบริหารธุรกิจอยู่ที่การขาดประสบการณ์ นักธุรกิจมือใหม่และผู้สืบทอดธุรกิจที่เข้ารับหน้าที่ต่อก็อยู่ในข่ายนั้นเช่นกัน ด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยทำให้การตัดสินใจในเรื่องสำคัญยังไม่ดี จึงต้องเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์รอบ ๆตัวให้มาก อย่าคิดทระนงตนว่าเป็นเจ้าของจนไม่ฟังเสียงทัดทานจากผู้ใด เพราะเมื่อนั้นธุรกิจของคุณก็อาจพังทลายได้ในพริบตาเดียว ลินซีย์ สไนเดอร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการเปิดโอกาสให้ผู้บริหารระดับสูงมีส่วนในการตัดสินใจเรื่องสำคัญโดยไม่เข้าไปแทรกแซงจะให้ผลลัพธ์เป็นอย่างไร นอกจากผลดีจะตกอยู่กับองค์กร ตัวเธอเองยังได้เรียนรู้อันเป็นการช่วยเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่เธอในอนาคต

2. อย่าลืมเป้าหมาย และทิศทางขององค์กร

บ่อยครั้งที่เหล่าหน้าใหม่และผู้สืบทอดเมื่อได้ขึ้นมาบริหารแล้วกลับลืมเป้าหมายและทิศทางองค์กรของตนไปเสียได้ ทั้ง ๆที่สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนเข็มทิศที่ชี้นำให้องค์กรเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบ การหลงลืมทั้งเป้าหมายและทิศทางก็เสมือนคุณได้โยนเข็มทิศทิ้งไป ความสับสนย่อมเกิดขึ้นในองค์กรของคุณ นี่คือสาเหตุหนึ่งของการล่มสลายของธุรกิจ อย่าละทิ้งเป้าหมายและทิศทางแล้วจงผสานระหว่างสิ่งเก่าและสิ่งใหม่เข้าด้วยกัน ธุรกิจของคุณก็จะเดินทางไปข้างหน้าด้วยความราบรื่น

3. รักษาคุณภาพจากรุ่นสู่รุ่น

คุณภาพที่คนรุ่นก่อนสั่งสมมาคือสิ่งที่ต้องรักษาให้คงอยู่เหนือสิ่งอื่นใด การขึ้นมาเป็นผู้บริหารแล้วเปลี่ยนแปลงคุณภาพโดยมุ่งหวังแต่เพียงผลกำไร นอกจากจะทำลายความน่าเชื่อถือที่สั่งสมมานาน ยังเป็นการบ่อนทำลายธุรกิจไปอย่างช้า ๆ และนี่ก็คือสาเหตุของความล่มสลาย จงรักษาคุณภาพให้ทัดเทียมกับรุ่นก่อน และมองหาสิ่งใหม่ ๆมานำเสนอนี่ก็คือวิธีการรักษาธุรกิจของตระกูลเอาไว้ได้

ในทำนองเดียวกับนักธุรกิจหน้าใหม่ เมื่อสินค้าติดตลาดก็จงอย่าละเลยในเรื่องของคุณภาพ รักษามันเอาไว้ตลอด ธุรกิจของคุณก็จะเติบโตและเป็นที่ยอมรับเช่นกัน

            ลินซีย์ สไนเดอร์ คือตัวอย่างของทายาทรุ่นที่ 3 ที่ไม่เพียงไม่ทำลายธุรกิจให้ล่มสลาย แต่ยังทำให้ธุรกิจเติบโตขยายตัวไปมากกว่าที่รุ่นก่อนทำไว้ ก็ไม่แน่ว่า In-N-Out ของเธอที่ได้รับความนิยมในฝั่งตะวันตกของอเมริกาอาจได้รับความนิยมไปทั่วอเมริกาในอนาคตและกลายเป็น Global Brand ในวันหนึ่งก็เป็นได้

เจ้าของแฟรนไชส์ที่ต้องการติดต่อลงโฆษณาเพื่อขยายสาขาให้เติบโตยิ่งขึ้น

ติดต่อลงโฆษณา พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษ ได้ที่นี่

บทความโดย

ผู้ผ่านรับการฝึกอบรม “ใช้เวลาว่างเขียนบทความสร้างรายได้”

คุณ  นรินทร์พล ตรีรัตน์สกุล

นักกายภาพบำบัด