กล่าวถึงปัญหาระดับชาติของเหล่านักช้อปออนไลน์ คือ เสียท่าให้กับร้านค้าที่ขาย “ของปลอม”  อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า หากคิดจะซื้อสินค้าออนไลน์ ก็ต้องยอมเสี่ยงที่จะได้ของปลอม แลกกับราคาสินค้าที่ถูกกว่าห้างเกือบเท่าตัว ซึ่งแน่นอนล่ะค่ะว่าที่ผ่านมาหลายคน “พลาด”

เพราะสินค้าออนไลน์ ไม่สามารถจับต้องได้ ไม่สามารถพลิกซ้ายพลิกขวาหาจุดตำหนิได้เหมือนกับซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้า หรือห้างร้านทั่วไป หากเจอร้านค้าที่ขายของแท้ราคาถูกจริง ๆ ก็ถือว่าโชคดีไป แต่หลายคน ไม่ได้โชคดีเช่นนั้น

ซื้อของแท้แต่จ่ายแพงยังไม่เสียเซล์ฟเท่าซื้อมาแล้วได้ของปลอม  ต่อให้ราคาถูกแสนถูกแค่ไหนก็ไม่มีทางรู้สึกดีขึ้นมาได้หรอกค่ะ…แล้วมีวิธีไหนที่จะลดความเสี่ยงในการช้อปแล้วต้องมาเสียความรู้สึกกับของ ก๊อปเกรด A, AA, AAA, AAAA ยันก๊อปเกรดมิลเล่อร์บ้าง?

1.ร้านเก่า อยู่ทนอยู่นาน ฐานลูกค้าแน่น

หากร้านค้าเหล่านี้ไม่ดีพอ หรือส่งของปลอมให้ลูกค้า คงไม่สามารถอยู่ทน อยู่นานมาจนถึงตอนนี้ได้หรอกค่ะ ร้านค้าเหล่านี้จะต้องมีอะไรดี และมีความซื่อสัตย์ต่อผู้ซื้อในระดับหนึ่ง ซึ่งเราสามารถเช็คประวัติของร้านค้าได้หลายวิธี เช่น

  1. Search หาชื่อร้านค้าใน กูเกิ้ล ดูว่ามีร้านไหนที่ถูกแนะนำ ในบล็อกหรือแม้กระทั่งในพันทิพบ้าง ซึ่งร้านค้าที่ชาวเน็ตแนะนำกัน ส่วนใหญ่ค่อนข้างประวัติดี ไม่ค่อยมีเรื่องเสียหาย ยิ่งถ้าของที่ขายเป็นสินค้าลิขสิทธิ์ ก็หมายความว่าร้านนี้น่าจะไม่มีประวัติส่งของปลอมให้ลูกค้ามาก่อน
  2. ได้รับการจดทะเบียนร้านค้ากับระบบร้านค้าออนไลน์ หรือหน่วยงานราชการหรือไม่ แม้จะไม่สามารถการันตีได้ 100% ว่าร้านที่จดทะเบียนจะไม่ขายของเก๊ แต่ก็เป็นการระบุตัวตนของผู้ขายผ่านระบบร้านค้าออนไลน์ และหากร้านนั้นได้จดทะเบียนการค้ากับกระทรวงพาณิชย์ถูกต้องตามกฏหมาย สามารถอุ่นใจไปเปลาะหนึ่ง

2.ราคาถูกเกินไป ควรสงสัยไว้ก่อน

สินค้าราคาถูกไม่ดีหรือ… ราคาถูกย่อมดี แต่คงไม่ดีหากคิดว่าราคาถูกแล้วดันได้ของปลอม ดึงสติก่อนกระโดดลงไปติดบ่วงราคาล่อตาล่อใจ โปรดใช้วิจารณญาณสักนิดว่า

  1. รับหิ้วของเข้ามา ราคาจึงถูก ลองคิดดูนะคะว่าราคาของแท้ตามห้างราคาเท่าไหร่ แล้วราคาหน้าเว็ปที่ถูกเกินครึ่งนั้น มีความเป็นไปได้มากขนาดไหน เช่น น้ำหอมที่ขายในช็อปห้างสรรพสินค้าราคา 7,500 บาท ในหน้าเว็ปราคา 2,300 บาท หากดูแล้วปริมาณเท่ากัน ลองคิดดูว่ามีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่จะสามารถ “หิ้ว”น้ำหอมของแท้จากช็อปต่างประเทศ มาในราคาที่ต่ำกว่า 2,300 บาท (เพราะคนขายจะบอกว่าขอบวกกำไรนิดหน่อย)ได้ตลอดทั้งปี
  2. เพราะปลอดภาษี ราคาจึงถูก จริงหรือ?  คุณคิดว่าอัตราภาษีสำหรับน้ำหอมอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์กันคะ ลองมาคำนวณเล่น ๆ หากเราซื้อน้ำหอมโดยปลอดภาษีเข้ามา ต้นทุนจะอยู่ที่เท่าไหร่กัน…ขอยกเคสน้ำหอมราคา 7,500 บาท เคสเดิม นะคะ

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% = 490.65 บาท
  • ค่าดำเนินการและค่าโฆษณา ประมาณ 25% หลังหักภาษีมูลค่าเพิ่ม = 1,401.87 บาท
  • กำไร อาจจะประมาณ 20% หลังหักค่าดำเนินการและค่าโฆษณา = 934.58 บาท
  • ค่าภาษีอากรขาเข้า 30% หลังหักกำไร = 1,078.36 บาท

คำนวณเบ็ดเสร็จแล้ว ราคาค่าน้ำหอม หักค่าภาษี  กำไร และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วจะเหลือ  3,594.54 บาท  แล้วจะเป็นไปได้หรือที่ร้านค้านี้จะสามารถขายน้ำหอมแท้ปลอดภาษีได้ในราคา 2,300 บาท

3.รีวิวร้านค้า สัญญาณที่จะบอกได้ว่าร้านไหนน่าเชื่อถือ

ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในระบบร้านค้าออนไลน์ทั่วไป หรือร้านค้าตามแหล่งชุมชนค้าขายต่าง ๆ ล้วนมีริวิวสินค้าและคอมเม้นต์จากเหล่าลูกค้าเก่า ๆ ว่า ได้รับสินค้าแล้ว  สินค้าถูกใจหรือไม่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่จะบอกว่าร้านค้านี้ค่อนข้างมีเครดิตดี น่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง แต่หากรีวิวส่วนใหญ่ออกมาในทิศทางลบ เช่น ได้สินค้าไม่ตรง พบตำหนิโน่นนี่ ก็เป็นสัญญาณบอกเราได้เช่นกัน ว่าไม่ควรเสี่ยงที่จะเลือกซื้อสินค้ากับร้านนี้   หากเราเสียเวลาเข้าไปหาอ่านสักนิด ก็เท่ากับลดความเสี่ยงที่จะถูกโกง หรือได้รับของก๊อปของเก๊ได้ในระดับหนึ่ง

4.สอบถามกับผู้ที่เคยเป็นลูกค้า

แล้วจะไปรู้ได้ยังไงกันว่าใครเคยซื้อ ใครไม่เคยซื้อ? … ในรีวิวร้านค้าต่าง ๆ  หรือในพันทิพ เราสามารถหลังไมค์ไปถามคน ๆ นั้นได้ เพราะเมื่อเขาคอมเม้นต์บอกว่าของร้านนั้นดี ร้านนี้ใช่ แสดงว่าครั้งหนึ่ง เขาต้องเคยเป็นลูกค้าร้านนั้น ๆ มาก่อน  ผู้คนในโซเชี่ยลยินดีตอบคำถามคุณอยู่แล้วค่ะ เพราะการที่เขากล้ารีวิวสินค้าตามแหล่งต่าง ๆ นั่นหมายถึงเขาอยากแชร์ประสบการณ์ให้คนอื่นรู้ ตราบใดที่คำถามของคุณไม่ทำให้เขารู้สึกคุกคามทางอารมณ์  เขายินดีสาธยายเกี่ยวกับสินค้าที่เขาซื้อไปจากร้านเป้าหมายของคุณอย่างเต็มใจแน่นอนค่ะ

5.นัดรับสินค้า วินวิน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

                หากสินค้าที่ต้องการซื้อมีราคาสูง เช่น กล้องถ่ายรูป หรือโทรศัพท์มือถือ ควรเลือกร้านที่อยู่ใกล้บ้าน สามารถนัดรับสินค้าได้จะดีกว่าร้านอยู่ไกลข้ามจังหวัด เพราะสินค้าพวกนี้หากส่งไปรษณีย์มา โอกาสที่สินค้าจะเสียหาย มีค่อนข้างสูง และคุณไม่สามารถที่จะขอดูสินค้าก่อนจ่ายเงินได้เลย วิธีการนัดรับสินค้า ถือเป็นวิธีสุดคลาสสิคที่ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผู้ซื้อที่สามารถขอดูสินค้าก่อนได้ จะของแท้หรือของเก๊ก็ขอดูได้ก่อนที่จะควักเงินจ่ายได้แน่นอน ส่วนทางฝ่ายผู้ขายก็สามารถลดข้อโต้แย้งของลูกค้าที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังได้อีกด้วย

ในโลกออนไลน์ที่เราไม่อาจรู้ว่า อะไรจริง อะไรปลอม ตั้งข้อสังเกตและสงสัยให้มาก จะทำให้คุณพลาดได้น้อยที่สุด  5 วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเลือกร้านค้าออนไลน์ในเบื้องต้น

อยากให้ทุกคนมีสติ อย่าเห็นแก่ของถูกจนลืมนึกถึงหลักความเป็นจริง และตรวจสอบประวัติร้านค้าให้มั่นใจก่อนตัดสินใจสั่งซื้อกันนะคะ

สติมีสตางค์ยังอยู่ สติอู้ฟู่ตังก์ไม่อยู่ให้ได้ใช้ !!!

บทความโดย ผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร “เขียนบทความสร้างรายได้ รุ่น 2”

คุณ สุภารัตน์  ศรีลา (แต)

ปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต

มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา

ปัจจุบัน พนักงานบริษัท และตัวแทนประกันชีวิต

บทความเกี่ยวกับ การตลาดออนไลน์