ธุรกิจเหมือนการสร้างบ้านที่รากฐานต้องมั่นคงแล้วบ้านที่คุณสร้างก็จะมั่นคงแข็งแรง ฐานรากของธุรกิจคือลูกค้าเก่า ๆ ที่คุณต้องพยายามรักษาเอาไว้ เพราะพวกเขาคือขาประจำที่ภักดีของคุณ

หากคุณมีธุรกิจเป็นของตนเองสัก 1 ธุรกิจ มันจะดีแค่ไหนหากธุรกิจของคุณถูกนึกถึงเสมอจากกลุ่มลูกค้าที่เคยมาซื้อหรือมาใช้บริการจากคุณ และจะสุดยอดขนาดไหนถ้ากลุ่มลูกค้าเหล่านั้นกลับมาใช้บริการหรือมาซื้อของของคุณอยู่เรื่อย ๆ หากทำได้ดังว่าธุรกิจการค้าของคุณย่อมพบเจออนาคตที่สดใสรออยู่อย่างแน่นอน

ดังคำโบราณที่ว่า “การสร้างสิ่งใดขึ้นมาว่ายากแล้ว แต่การจะรักษามันยิ่งยากกว่า” คำโบราณนี้ใช้ได้เสมอในทุก ๆ แวดวง และแวดวงการค้าและธุรกิจคำพูดนี้ก็ดันเป็นจริงเสมอเสียด้วย เพราะการสร้างฐานลูกค้าว่าโหดแล้วแต่การรักษาลูกค้าเอาไว้ยิ่งยากกว่า ฐานลูกค้าเก่าคือเครื่องชี้วัดความสำเร็จที่ไม่อาจมองข้ามได้เลย เพราะถ้าคุณพลาดไม่สนใจหรือคอยมองหาแต่ลูกค้าใหม่ ๆ อย่างเดียว เชื่อขนมกินได้เลยว่าคุณต้องเหนื่อยยากแสนสาหัสแน่ ๆ การจะรักษาฐานลูกค้าหรือเปลี่ยนจากลูกค้าขาจรให้เป็นขาประจำเขามีวิธีการทำอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบ

เปลี่ยนมุมมองเสียใหม่เปลี่ยนคำว่าลูกค้าให้กลายเป็นเพื่อนสนิท

แม้ว่าคุณตั้งธุรกิจขึ้นมาเพื่อหวังผลกำไรมาเลี้ยงตัวเองก็จริง แต่การแสดงออกมากเกินไปว่าคุณเป็นพ่อค้า แม่ค้าที่พยายามจะขายและปิดยอดการขายให้สำเร็จ หากลูกค้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ลูกค้าก็แขยงและหนีไปจากร้านของคุณแน่นอน ไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วมใจเช่นนี้ ลองปรับมุมมองเสียใหม่และมองว่าลูกค้าเหล่านั้นเป็นเพื่อนที่เข้ามาขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือ หากคุณมองในมุมมองนี้และปฏิบัติต่อลูกค้าเช่นการให้คำแนะนำ ให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมและลูกค้าไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกยัดเยียดให้ต้องซื้อ เราก็สบายใจที่จะขายของ ลูกค้าก็สบายใจที่จะซื้อ พึงระลึกเสมอว่าหากเราเปลี่ยนลูกค้าสักคนให้กลายมาเป็นเพื่อนได้ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่คุณจะได้ลูกค้าขาประจำที่ภักดีกับแบรนด์ของคุณไปตลอด

10 กลยุทธ์เพิ่มยอดขายด้วย กิจกรรมรักษาฐานลูกค้า

1. ต้องเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำให้ถ่องแท้

หากคิดจะทำธุรกิจ คุณต้องมีความเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ให้ทะลุปรุโปร่ง คุณถึงจะทำมันได้ดี และจะตอบคำถามรวมถึงให้คำแนะนำกับลูกค้าได้อย่างถูกต้องเหมาะสม การขายสินค้าโดยที่เจ้าของเองก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองขายคือความผิดพลาดที่ร้ายแรง เพราะคุณจะตอบคำถามและให้คำแนะนำอะไรแก่ลูกค้าไม่ได้เลย คำตอบและคำแนะนำที่ไม่เคลียร์คืออีกหนึ่งตัวไล่ลูกค้าให้ออกไปจากร้าน

2. สินค้าคุณต้องตอบโจทย์หรือช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้า

ลองเปลี่ยนมามองในฐานะลูกค้าดู คุณเองจะพบว่าหากคุณเจอสินค้าที่มันใช่และตอบโจทย์ความต้องการและช่วยแก้ปัญหาให้คุณ คุณเองก็ย่อมซื้อสินค้านั้นแน่นอน จงตั้งโจทย์และแก้โจทย์ปัญหานี้ให้ได้ว่า “ทำไมลูกค้าต้องกลับมาซื้อของของคุณ” และ “สินค้าคุณมีอะไรดีคนถึงต้องมาซื้อซ้ำ” ถ้าคุณเข้าใจ 2 คำถามนี้อย่างแตกฉานนั่นแหละคือโอกาสของคุณ

3. คุณภาพต้องเสมอต้นเสมอปลายจะใช้กี่ปีต้องเหมือนเดิม

สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือการรักษาคุณภาพให้เหมือนเกลือรักษาความเค็ม สินค้าทุกชิ้นต้องได้คุณภาพชนิดที่ว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด คุณภาพต้องเหมือนเดิม ลูกค้า sensitive ในเรื่องนี้มากนะครับ หากคุณทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณไม่จริงใจโดยลดคุณภาพของลง ลูกค้าเขาก็ไม่ทนอยู่กับคุณหรอก หากเขาเจอสิ่งที่ดีกว่า

4. FEEDBACK เป็นเรื่องสำคัญ จงใส่ใจทุก ๆ ความคิดเห็น

จงหาวิธีสื่อสารกับลูกค้าในรูปแบบของการให้ feedback เพราะสิ่งนี้คือเสียงสะท้อนว่าลูกค้าคิดเห็นอย่างไรกับสินค้าของคุณ เพื่อที่ว่าคุณจะได้นำไปปรับปรุงพัฒนาให้ตอบโจทย์พวกเขามากยิ่งขึ้น การรับ feedback มีได้หลายวิธีและหนึ่งในนั้นคือการแฝงตัวเข้าไปอ่านความคิดเห็นตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ ครับ

5. ดูแลลูกค้าเสมือนญาติมิตรแล้วเขาจะไม่ทิ้งคุณไปไหน

จงเข้าใจธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่ว่า “เราจะรู้สึกดีถ้ามีคนมาปฏิบัติต่อเราเป็นอย่างดี” ลูกค้าก็เช่นกันหากคุณให้ความใส่ใจ ช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้กับเขา สิ่งเหล่านี้คือความประทับใจที่คุณประทับเข้าไปในใจเขาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เมื่อเกิดปัญหาหรืออยากได้ความช่วยเหลืออะไรเขาจะนึกถึงคุณเป็นคนแรก

6. อีเมล์ เบอร์โทรและข้อมูลสำคัญของลูกค้า ตัวเชื่อมโยงระหว่างคุณและลูกค้า

จงอย่าละเลยข้อมูลสำคัญของลูกค้าเป็นอันขาดโดยเฉพาะอีเมล์และเบอร์โทรศัพท์ เพราะมันคือช่องทางติดต่อประชาสัมพันธ์และแนะนำสินค้าของคุณให้กับลูกค้า การติดต่อกับลูกค้าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่คุณควรจะเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะไม่ทำให้ลูกค้าอึดอัดหรือถูกยัดเยียด อย่าพยามยามขายแต่จงใช้คำแนะนำและวิธีการแก้ปัญหาแล้วอีเมล์และ sms ที่คุณส่งจึงจะน่าสนใจและไม่กลายเป็นขยะสำหรับลูกค้า

7. ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณใส่ใจและเขากลายเป็นคนพิเศษ

ระบบสะสมแต้มออนไลน์

ใคร ๆ ก็อยากเป็นคนสำคัญ ใคร ๆ ก็อยากมีสิทธิพิเศษ การจะออกโปรโมชั่นใด ๆ คุณควรจะคำนึงถึงลูกค้าเก่า ๆ ก่อนเป็นลำดับแรก จงให้สิทธิพิเศษแก่เขาจนเขารู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษสำหรับคุณไม่ว่าจะด้วยรูปแบบของส่วนลดสมาชิก บัตรสะสมแต้ม ซึ่งปัจจุบันก็มีระบบบัตรสะสมแต้มออนไลน์ให้ลูกค้าได้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น หรืออะไรก็ตาม อีกวิธีที่เป็นที่นิยมก็คือ “โปรโมชั่นเดือนเกิด” ที่คุณจะมอบส่วนลดพิเศษหรือบริการดี ๆ ให้แก่เขา และจะยิ่งดียิ่งกว่าหากคุณเป็นผู้แจ้งเขาผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยตรง เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าคุณใส่ใจเขามาก ๆ ครับ

8. พัฒนาและปรับตัวเองให้ดีขึ้นตลอดเวลา

แม้คุณจะมีสิ่งที่ดีให้แก่ลูกค้า แต่หากคุณสามารถนำเสนอสิ่งที่ดีกว่ายิ่งขึ้นไปอีก มันก็สร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าเป็นอย่างมาก อย่าได้หยุดพัฒนาตนเองเป็นอันขาด ธุรกิจใดที่หยุดพัฒนาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ธุรกิจนั้นกำลังถอยหลังลงคลองและในไม่ช้าคุณจะเสียลูกค้าให้กับคู่แข่งไป

9. ยุคนี้คือยุคออนไลน์จงใช้ทุก ๆ เครื่องมือออนไลน์เข้ามาช่วยติดต่อกับลูกค้า

จงอย่าลืมข้อนี้เด็ดขาดเพราะพลังการตลาดออนไลน์ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด จะสร้างการติดต่อกับกลุ่มลูกค้าเก่าเอาไว้ทุก ๆ ช่องทางไม่ว่าจะเป็น แฟนเพจ, line@ หรือหน้าเว็บไซต์ เพราะช่องทางเหล่านี้มันช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่คุณ และทำให้ลูกค้าหาคุณได้ง่ายขึ้นมากครับ

10. เปลี่ยนคำพูดโอ้อวดเป็นลงมือทำและเมื่อทำแล้วต้องทำให้ดีที่สุด

เมื่อคุณได้ลูกค้าใหม่เข้ามาสักคนหนึ่ง คุณไม่จำเป็นที่จะต้องโอ้อวดสรรพคุณใด ๆ ให้มากเกินพอดี แค่เพียงให้เขารู้ว่าสินค้าและบริการของคุณให้อะไรกับเขาก็พอ แต่สิ่งที่คุณควรจะโฟกัสให้มากก็คือ คุณจะทำอย่างไรให้ลูกค้าต้องร้องว้าวเมื่อใช้ของของคุณ จงให้ในสิ่งที่เกินไปจากความต้องการของเขา ทำให้เขาทึ่งในสิ่งที่คุณทำโปรดจำไว้ว่า “ของจริงไม่ต้องพูดเยอะให้เจ็บคอ

ธุรกิจเหมือนการสร้างบ้านที่รากฐานต้องมั่นคงแล้วบ้านที่คุณสร้างก็จะมั่นคงแข็งแรง ฐานรากของธุรกิจคือลูกค้าเก่า ๆ ที่คุณต้องพยายามรักษาเอาไว้ เพราะพวกเขาคือขาประจำที่ภักดีของคุณ

หากฐานรากนี้มั่นคงและแข็งแกร่งมันก็มีโอกาสจะขยายรากฐานนี้ไปหาลูกค้าหน้าใหม่ได้ง่าย ความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้อยู่ที่คุณจะหาลูกค้าใหม่ได้กี่รายแต่มันอยู่ที่คุณจะเก็บลูกค้าเก่าไว้ได้กี่รายต่างหาก