ผมเป็นคนจังหวัดเพชรบุรี เป็นเด็กคนหนึ่งซึ่งโตมาในครอบครัวที่มีอาชีพค้าขาย ปู่ของผมค้าขายกับจีนตั้งแต่สมัยเมื่อ 50 ปีก่อน แต่ก็มีเหตุที่ต้องหยุดกิจการไป ธุรกิจภายในครอบครัวและญาติมิตร เติบโตขึ้นบ้าง เล็กลงบ้าง แต่ปัจจุบันก็ยังประกอบธุรกิจกันอยู่ บ้างก็ทำอาชีพค้าส่งของทะเลบ้างก็ร้านอาหาร บ้างก็โรงน้ำแข็ง มีแม้กระทั่งธุรกิจขายส่ง ปูม้า ไข่เค็ม ปลาเค็ม เรียกได้ว่าทุก ๆ คนมีธุรกิจด้านการขายทั้งสิ้น

ส่วนตัวผมตั้งแต่เด็กก็มีความสนใจเรื่องค้าขายมาก เพราะโดยอุปนิสัยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบพูดชอบคุย และชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อีกทั้งผมหวังว่าธุรกิจของบ้าน จะต้องเติบโตได้มากกว่านี้ ในทุก ๆสาขาธุรกิจ

การเริ่มต้นการขายของผมเริ่มการขายด้วยการไปเป็นลูกมือให้กับญาติที่ตลาดนัด ขายของทะเลหลายอย่าง ผมมีความสุขกับการขายครั้งนี้มาก เพราะได้ทำตามที่ใจอยากจะทำ คือได้ค้าขาย ได้พูดคุยได้เจอผู้คนมากมายรวมถึงการได้มาซึ่งผลกำไรจากการขายด้วย ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของผม

การขายต่อมาคือการขายในระหว่างเรียน ซึ่งเป็นการขายที่ยากขึ้นมาอีกหน่อยคือขายส่ง ผมจะต้องออกไปตลาดมืดกับแม่ออกขายประมาณ ตีสองครึ่งเพื่อไปส่งหอยให้กับแม่ค้าในตลาดเพชรบุรี ซึ่งการขายส่งก็เป็นเรื่องลำบากกว่าขายปลีก เพราะเราจำเป็นต้องให้เครติดแม้ค้าก่อน แถมผลิตภัณฑ์ที่ขายยังเป็นของสดอีก ขั้นตอนวิธีในการเก็บรักษาจึงมีมากขึ้นตามมา เพื่อให้ได้สินค้าที่สดและใหม่ให้กับลูกค้าของเรา

หน้าที่ของผมระหว่างเรียนยังไม่จบ เพราะจากสิ่งที่ผมบอกคือเราจะต้องทำการเก็บรักษาของให้สดและสามารถส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ วิธีการเบื้องต้นก็คือเมื่อเราได้หอยมาจากทะเลแล้ว เนื่องจากหอยเป็นของสด สามารถตายได้ เราจึงต้องทำการล้างตัวมันให้สะอาดเพราะหากมีดินโคลนแล้วสินค้าจะไม่สวยงาม ต่อมาคือทำการ แพ๊กใส่ถุงโดยวิธีการนี้จะสามารถทำให้ หอยตายช้ากว่าปรกติ คือสามารถรักษาความชื้นในถุงไว้ได้ การทำเช่นนี้ก็เพื่อลูกค้าคือเมื่อลูกค้าเอาไปขายแล้วหอยก็ยังมีชีวิตและสดอยู่ จนได้มาซึ่งการซื้อซ้ำ

พอโตขึ้นมาหน่อยผมก็มีหน้าที่ช่วยทุกอย่างในบ้าน ทั้งในส่วนของการทำไข่เค็มของย่า การส่งหอย และของทะเลของแม่ รวมถึงการไปช่วยญาติในร้านอาหารและการขายของตลาดนัดบ้างครั้งคราว และการดำรงชีวิตทั้งหมดนี้เองทำให้ผมติดนิสัยแม่ค้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร คือการชอบและรักการขาย การต่อรองเป็นชีวิตจิตใจ

ต่อมาผมเรียนจบในสาขา Computer & Network Security จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี และได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ จากวันนั้นจนวันนี้ก็ 1 ปี 11เดือนแล้วครับ แต่ตั้งแต่ผมได้ทำงานในบริษัท ชีวิตผมเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ขาดการขายที่ตัวเองชอบ ขาดการเจรจาที่ตัวเองรัก ผมไม่ค่อย Happy สักเท่าไหร่กับการทำงานบริษัทแบบนี้ การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมันช่างจำกัดความคิดผมเสียเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ผมอยากจะขายโน่นทำนี่ แต่มันก็ทำไม่ได้

แต่ที่ผมเลือกทำงานบริษัทก่อนก็เพราะคิดว่ามันก็ดีที่มีเงินเดือนเข้ากระเป๋าทุกเดือน แถมยังมีเวลาเสาร์อาทิตย์ ไปเรียนต่อปริญญาโท ในสาขาที่ชอบอีกนั่นคือ MBA ซึ่งเหตุผลที่เลือกเรียนสาขานี้ก็เพราะในใจคิดเสมอว่าอยากจะเป็นนักธุรกิจดังนั้น MBA นี่แหละเหมาะสมกับผมที่สุด

แต่หลังจากการที่ทำงานมาสักระยะจนอยู่ตัว ความชอบและความรักในการขายในใจผุดขึ้นมาอีกครั้งแบบห้ามไม่อยู่ บวกกับการเรียนในส่วนของ MBA ทำให้ผมเปิดโลกของการทำธุรกิจให้กว้างขึ้น ผมจึงมีความคิดที่ว่า การจัดการที่ดีสามารถทำให้ผมทำงานไปด้วยแล้วก็ทำธุรกิจไปด้วยก็ได้นี่

และเมื่อผมเปิดใจที่จะทำธุรกิจแล้ว ผมเริ่มหาสินค้ารอบ ๆ ตัวผมที่ผมสามารถนำมันมาทำเป็นธุรกิจได้ และมองอนาคตไว้ว่ามันจะสามารถเติบโตมีมูลค่ามากมายได้ในอนาคต สุดท้ายแล้วผมเลือกที่จะเอาไข่เค็ม ของย่ามาทำธุรกิจ เพราะคิดว่าเป็นสินค้าที่บริหารง่าย แถมมีคุณสมบัติที่ครบถ้วนสำหรับการทำธุรกิจซะด้วย และหลังจากการคิดของผมเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ผมจัดการสร้างแบรด์นของตัวเองทันที ในชื่อ ”คุณชายไข่เค็ม” และเชื่อใหม่ว่า การขายไข่เค็ม ภายใต้แบรด์น“คุณชายไข่เค็ม” ของผมสามารถมียอดสั่งซื้อได้ภายในเวลาไม่ถึง สามวันหลังจากสร้างแบรด์น

สุดท้ายนี้ผม อยากที่จะแนะนำสำหรับคนที่อยากจะทำธุรกิจครับ คือให้มองข้ามเส้นบาง ๆ ระหว่างความกล้าและความกลัว ถึงแม้เราก้าวข้ามมันมาแล้วอาจจะมีล้ม หรือมีเส้นทางที่ไม่ราบเรียบบ้าง แต่ผมเชื่อมั่นว่าในอนาคต เราจะยืนและเดินได้อย่างสง่างามครับ

คุณชายไข่เค็ม
https://www.facebook.com/Khunchay.KaiKem

ภวัตพงศ์ ดำรงสัตยาภรณ์
ซุง line:sumsoong
Tel.0830148236
#เถ้าแก่ใหม่ใจถึง