ผมได้มีโอกาสรู้จัก The parrot English Academy จากพี่ชายที่เคารพ และรู้จักกันมากว่า 20 ปี พี่ป๊อบเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ หุ้นส่วนชีวิตของ ครูแป๋ม เจ้าของกิจการนี้ครับ

พี่ป๊อบ เป็นคนเก่ง มีความสามารถ เป็นผู้ให้ และ เป็นคนที่ทุ่มเท และที่สำคัญคือ หลายต่อหลายครั้งที่พี่ป๊อบ สละความสุขส่วนตัวเพื่อความสุขส่วนรวม และเพื่อผลประโยชน์ของคนอื่นเป็นที่ตั้ง

ผมจึงมั่นใจครับว่า ธุรกิจที่พี่ป๊อบและภรรยา ครูแป๋ม เป็นธุรกิจที่ออกมาจาก “หัวใจ” ของ “ผู้ให้” อย่างแท้จริง

วันนี้เราพร้อมที่จะแข่งกับต่างประเทศหรือยัง ? ผมว่าความสามารถ ความรู้อะไรหลาย ๆ อย่างคนไทยไม่แพ้ใครในโลกครับ ทำได้ดีด้วยซ้ำไป แต่สิ่งที่พี่ไทย สู้ใครไม่ได้ก็ติดตรง “ภาษา” ที่ไม่กล้าพูดไม่กล้าคุยนี่แหละ ก็เลยเป็นเหมือน “กำแพง” ที่กั้นไม่ให้ใครเห็นความสามารถของเรา

เรื่องราวของ โรงเรียนสอนภาษา The parrot English Academy จึงน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เรา หันมาให้ความสำคัญกับ “การสื่อสาร” ให้มากยิ่งขึ้นครับ

ครูแป๋ม แนะนำตัวกับเพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่หน่อยครับ

สวัสดีค่ะ ชื่อ พรประไพ ธรรมรักษ์ หรือ นักเรียนจะเรียกกันว่า ครูแป๋ม ค่ะ ปัจจุบันออกมาทำธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของสถาบันฝึกอบรมภาษาอังกฤษ ชื่อ The Parrot English Academy ค่ะ

ครูแป๋ม ทำอะไรมาก่อนไหมครับก่อนมาเปิดสถาบัน

ก่อนมาทำสถาบันฝึกอบรมภาษาอังกฤษนี้ ส่วนใหญ่ก็เหมือนๆ กับทุกๆ คนแหล่ะค่ะ ก็ ทำงานประจำ เป็นมนุษย์เงินเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ทำมาหลากหลายสายงานมากเริ่มจากเป็น SAP Consultantที่บริษัท IBM ประเทศไทย หลังจากนั้น ได้โอกาสย้ายมาเป็น Salesดูแลลูกค้าในกลุ่ม SME โรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์ที่IBM เหมือนกัน ทำไปซักพักแล้วก็รู้สึกว่ายังไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองตามหา เลยออกไปตามหาฝันของตัวเอง โดยไปเรียนต่อ ปริญญาโท ที่ เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ทางด้านการตลาด หลังจากกลับมาได้ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็ได้งานที่ บริษัท Shell ประเทศไทย ค่ะในตำแหน่ง Project Coordinator โดยมีหน้าที่ประสานงาน กับเพื่อนพนักงานShell ที่อยู่ทีมเดียวกันแต่อยู่ต่างประเทศกัน ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซียทำอยู่เกือบ 4 ปี จากนั้นก็เปลี่ยนสายงานอีกครั้ง โดยย้ายเป็นผู้ช่วย Director ที่บริษัท Merck ประเทศไทย คราวนี้ได้โอกาสค้นหาที่ตัวเองอยากทำอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะได้ทำทุกอย่าง ประสานงานกับชาวต่างชาติรับผิดชอบโครงการ งานอีเวนท์ต่างชาติ ตรวจสอบยอดขาย ทำงบทำรายงาน และจากการทำงานที่ผ่านมาทั้งหมด ต้องใช้ภาษาอังกฤษอย่างหนักหน่วงมาโดยตลอดค่ะ เลยทำให้ได้รู้ใจตัวเองว่า จริงๆแล้วเป็นคนชอบภาษาอังกฤษและงานบริการ

การงานก็ดี ทำไมจึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจส่วนตัวครับ

จุดเปลี่ยนจริงๆ แล้วก็ คือ หลังจากแต่งงานได้เดือนเดียว แป๋มกับคุณสามีก็มาเจอวิกฤติน้ำท่วมบ้าน จมน้ำอยู่เกือบ 2 เดือน ระหว่างนั้นเริ่มท้องลูกคนแรก รายจ่ายขยายวงกว้างมากกว่ารายรับ ก็เลยมานั่งคิดกันว่าเราต้องหาอะไรทำเพิ่มแล้วล่ะประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแรง การทำงานนอกบ้านอาจจะไม่ Secure หรือ ปลอดภัยในอาชีพอีกต่อไป วันนึง เราก็เลยไปบอกกับคุณสามี ผู้ซึ่งมีส่วนอย่างมากที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนว่า จะไปหางานเสริมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษทำละนะ ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือความฝันอีกอย่างมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วด้วย ว่าอยากสอนภาษาอังกฤษค่ะ พอเราบอกไป เค้าก็บอกว่าเอาสิ แต่จะไปเป็นครูสอนอย่างเดียวทำไม ทำไมไม่ เปิดทำกิจการของเราเองเลย ลงทุนตอนนี้แหละ  และเราก็จะได้มีเวลาในการรับส่งเองด้วย เดี๋ยวเค้าก็จะถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียนแล้วเราทั้ง 2 คนจึงเริ่มศึกษาธุรกิจด้านการฝึกอบรมภาษาอังกฤษ มาตั้งแต่นั้นค่ะ

จุดเริ่มต้นยากไหม ใช้เงินทุนเท่าไหร่ครับ

การเริ่มต้นเหรอค่ะ เริ่มจากการถามคำถามกับตัวเองว่า เอ๊… ทำยังไง เราถึงจะสามารถถ่ายทอดความรู้ภาษาอังกฤษที่เรามีให้คนอื่นๆเข้าใจได้แบบง่ายๆและมีความสุข เพื่อที่เค้าจะได้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อภาษาอังกฤษว่ายากนักหนา มีกำลังใจที่จะเรียนและฝึกฝน สุดท้ายคือให้เค้าสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องอย่างเราบ้าง จากนั้นเราจึงเริ่มศึกษาแนวทางการสอนของสถาบันต่างๆจากสื่อต่าง ๆ และการเข้าไปคุยตามสถาบันต่าง ๆ ด้วยตนเอง จนไปเจอกับเจ้าของแฟรนไชส์เจ้านึงที่ เราคิดว่า เฮ้ย! มันใช่อะ วิธีนี้แหละ ที่ได้ผล แน่ๆ เราจึงตัดสินใจลงทุนกับ แฟรนไชส์เจ้านั้น ตอนที่เริ่มลงทุนครั้งแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมากจริง ๆ อ่ะ คือทำด้วยใจล้วน ๆ อยากทำก็ทำเลย คุยกันรู้เรื่อง มีเงินเก็บ ก็จ่าย หาสถานที่ ตกแต่งสถานที่ หาคุณครู หานักเรียน ทำการตลาด ติดป้ายตามเสาไฟฟ้า ทำทุกอย่าง โดยลงทุนไปประมาณ เกือบๆ ล้าน ค่ะ พอทำมาได้ซักพักเริ่มติดลมและหลงรักมัน จนตอนนี้หยุดไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ

ซื้อแฟรนไชส์ ติดปัญหาอะไรบ้างครับ

หลังจากเราเริ่มทำมาได้ระยะนึงกับแฟรนไชส์เจ้านี้ เราก็เริ่มเจอปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการไม่ได้รับการดูแล จากเจ้าของแฟรนไชส์เหมือนอย่างที่เคยตกลงกันไว้ในสัญญา วิธีการที่สอนที่เราเคยคิดว่าเจ๋ง พอนำมาสอนจริง พบว่ายังมีจุดอ่อนอีกหลายจุด การควมคุมคุณภาพสาขาของเจ้าของแฟรนไชส์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ถ้าจะให้อธิบายให้เห็นภาพก็คือธุรกิจ การสอนหรือฝึกอบรมภาษาแบบเราเนี่ย มันไม่เหมือนร้านอาหาร ที่เราสามารถหาสูตรตายตัวได้ ตวงได้เป๊ะ ก็อร่อยเท่ากันทุกชามถ้าคุณภาพของทุกสาขาไม่เท่ากัน จะเกิดอะไรขึ้นคะ? นักเรียนเริ่มบ่น แล้วเวลานร.บ่น เค้าบ่นอะไรคะ? บ่น “แบรนด์” ถูกมั้ยคะ? ดังนั้นแป๋มจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับคุณภาพของความสามารถในการถ่ายทอดของคุณครูผู้สอน เนื้อหาที่ปรับใช้ในแต่ละครั้งกับนร.ในแต่ละกลุ่ม ความสามารถในการรับมือและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในชั้นเรียนของคุณครูและทีมงาน การบริการหลังการขายอย่างทั่วถึงเพื่อให้มั่นใจว่า เราจะสามารถอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง ทำให้นร.ภายในสาขาเรามีการพัฒนาและมีความสุขที่สุดเท่าที่สาขาเราจะทำได้ ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุผลให้มีนร.จากสาขาอื่น ยอมนั่งรถไกล ไม่เรียนสาขาใกล้บ้าน แต่มาเรียนที่สาขาเรา เพียงเพราะเค้ายังเชื่อในคุณภาพของการสอนและการดูแลนร.ที่เรามีให้กับนร.ทุกคนอย่างต่อเนื่องยาวนาน

เมื่อเจอปัญหา แล้วดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงอย่างไรครับ

พอเปิดสอนมาได้ซักพัก กระแสตอบรับเริ่มเบาลงค่ะ ทั้งผู้ที่มาสนใจสอบถามรายละเอียดและนร.ที่มาลงสมัครเรียน แป๋มกับคุณสามีเลยมานั่งวิเคราะห์ถึงสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร นำฟีดแบคจากนร.ที่เราทำกันอยู่บ่อยๆมาปรับใช้ ว่าเราจะปรับปรุงคุณภาพการให้บริการของเราให้ดีขึ้นอย่างไรได้บ้าง จุดใหญ่ที่เจอคือ เรื่องข้อจำกัดของเนื้อหาและรูปแบบการสอนของแฟรนไชส์ที่มีให้อยู่เพียงแบบเดียว แต่เราต้องมาปรับสอนกับนร.ทุกกลุ่ม ทำให้ถึงแม้ทีมคุณครูของทางสาขาเราจะเก่งเพียงใด มันก็ยังมีช่องโหว่ในการตอบสนองความต้องการของนร.ในบางกลุ่มอยู่ดี นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการตลาดจากทางแฟรนไชส์เซอร์ที่ยังไม่แข็งแกร่ง ใช้ช่องทางการทำตลาดเพียงไม่กี่ช่องทางและซ้ำเดิม ไม่มีความแปลกใหม่ น่าดึงดูดใจ

เราจึงตัดสินใจปรึกษากับสำนักกฎหมาย ทำเรื่องยกเลิกสัญญาและแจ้งไปที่แฟรนไชส์ต้นสังกัดเนื่องจากเค้าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาเลย หลังจากนั้นแป๋มก็เลยคุยกับสามีว่า ถึงเวลาที่เราต้องออกมาทำเองแล้วล่ะ สร้างแบรนด์ สร้างตัวเอง ลุย! เริ่มต้นจากการคิดชื่อและโลโก้รร.ให้ สั้น จำง่าย และมีธีมของตัวเองชัดเจน ล้างหลักสูตรเก่าและทำหลักสูตรใหม่ขึ้นมา โดยใช้ประสบการณ์ในการสอนและฟีดแบคจากนร.เป็นสำคัญว่า ความต้องการเรียนภาษาอังกฤษของคนแต่ละกลุ่มคืออะไร? หลักสูตรใหม่นี้ จะต้องสามารถตอบโจทย์ที่มีอยู่ได้อย่างครบถ้วนกระบวนความค่ะ

หลังจากที่เราเริ่มส่ง เดอะ แพรอท พร้อมหลักสูตรใหม่นี้ออกสู่ตลาด ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากนร.เก่าและนร.ใหม่ นร.เห็นภาพชัดเจนว่าเรียนกับเราแล้วจะได้อะไรบ้าง เมื่อไหร่ อย่างไร ปัจจุบันการตลาดที่สำคัญของเราจึงเป็นการบอกปากต่อปากของนร.เก่าไปสู่นร.ใหม่ค่ะ

ตอนนี้ The parrot English Academy มีลูกค้ากลุ่มไหนบ้างครับ

ธุรกิจของเราคือ การเป็นที่ปรึกษา เป็นโค้ช เป็นครู ให้กับผู้สนใจอยากที่จะฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษให้ได้ดีและยั่งยืน ซึ่งกลุ่มนักเรียนเป้าหมายของเรานั้น มีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆ

กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มน้องๆนักเรียน ที่ต้องการเสริมภาษาอังกฤษจากที่เรียนในโรงเรียน ปัจจุบันเวลาคุณครูในโรงเรียนสอนนักเรียน สอนยังไงคะ? ไล่ตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาวิทยาลัย สอนมายังไงไม่รู้ รู้แต่ก็ยังพูดไม่ได้ อยู่ดี ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนอย่างมากของระบบการเรียนการสอนในปัจจุบันดังนั้น หลักสูตรของเราจึงมาเติมเต็มช่องว่างนี้ เราจะสอนเด็กให้สามารถใช้งาน ภาษาอังกฤษ ได้อย่างคล่องแคล่ว พัฒนาทุกทักษะไปพร้อม ๆ กันอย่างยั่งยืน ขอเน้นย้ำตรงนี้ว่าหลักสูตรเรามาช่วยเติมเต็มนะคะ ไม่ได้มาล้างแนวทางการสอนปัจจุบันในโรงเรียน น้อง ๆ โดยมากมักจะมีความรู้ภาษาอังกฤษที่ดีมาจากทางโรงเรียน เราจะสอนให้น้องเค้าสามารถดึงเอาความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์และปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

กลุ่มที่ 2 คือ คนทำงาน ทั้งที่เป็นเจ้าของกิจการส่วนตัวและพนักงานบริษัท เราคงปฏิเสธกันไม่ได้ว่าตอนนี้กระแสเริ่มต้นการทำธุรกิจแบบใหม่ในยุคAEC นั้นรุนแรงและเข้มข้น หลายๆองค์กรหรือแม้แต่ห้างร้านเล็ก ๆ ก็เริ่มที่จะต้องขยับตัวเตรียมรับมือกับ AEC ให้ทันเวลาและทันกับคู่ค้าเจ้าอื่น ๆ ในตลาดสิ่งที่สำคัญที่สุดในการรับมือนี้ก็คือเรื่อง ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ แม้แต่รัฐบาลยังออกมาเตือนผ่านสื่ออยู่บ่อย ๆ ให้

ผู้ทำธุรกิจทุกคนอย่านิ่งนอนใจ รีบปรับปรุงและพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะได้มองเห็นการเข้ามาของ AEC

นี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ แทนที่จะเป็นข้อจำกัดในการทำธุรกิจ จึงเป็นที่มาของนร.กลุ่มนี้ค่ะ ที่ต้องดิ้นรนเพื่อเพิ่มพูนโอกาสทางธุรกิจและโอกาสในอาชีพการงานของตัวเค้าเองในอนาคต ธุรกิจจะเติบโต และโกอินเตอร์ได้ อย่างแรกต้องสื่อสารกันให้เข้าใจก่อนค่ะ ครูแป๋มเชื่อและมั่นใจว่ามันเป็นแบบนั้น

กลุ่มที่ 3 พ่อแม่ผู้ปกครองแบบพวกเรานี่แหละค่ะ คนวัยกลางคนสมัยนี้ อายุประมาณ30 – 50 นั้น เติบโตมากับการเรียนภาษาอังกฤษแบบผิดๆมาตลอดชีวิต เรียนมา 16 ปีตั้งแต่ ป.1 จนจบมหาลัยก็ยังใช้งานจริงอะไรไม่ได้ แต่มีความมุ่งมั่นสูงในการดำเนินธุรกิจ เติมโตมากับความตั้งใจเอาจริงเอาจังในการทำงาน การแข่งขันทางธุรกิจที่ไม่รุนแรงเท่าทุกวันนี้ และโดยมากจะเป็นการแข่งขันกันเฉพาะภายในประเทศ กลุ่มนี้ ปัจจุบันมักจะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง และมีลูกอยู่ในGeneration Y-Z และผู้ปกครองกลุ่มนี้ เค้าจะพยายามส่งลูกให้เรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่กำลังจะมีส่งได้ เช่น ส่งลูกเรียนโรงเรียน Interหรือเรียนโรงเรียนไทยแต่เข้าระบบ 2 ภาษาแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือยังไงรู้มั๊ยคะ? ลูกพูดภาษาอังกฤษคล่องปรื่อเลยค่า แต่คุณพ่อคุณแม่ฟังไม่เข้าใจ จะให้ไปนั่งสอนการบ้านลูกเองก็ทำไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้พอน้อง ๆ เค้าอยู่ซักอนุบาล 2-3 เค้าก็เรียนกันแอ๊ดวานซ์แล้วนะคะ เกิดความห่างเหินขึ้นในครอบครัว ผู้ปกครองไม่สามารถสื่อสารกับคุณครูประจำชั้นที่โรงเรียนได้ บางคนเข้าใจแต่โต้ตอบไม่ได้ ในหลาย ๆ เรื่องคุณครูเข้าใจลูกเราผิด ปากกับใจอยากจะเถียงก็เถียงไม่ออก เพราะในสมองกำลังมึนงงกับการประมวลผลเรียบเรียงประโยคภาษาอังกฤษอยู่บ้านไหนมีญาติพี่น้องที่สื่อสารได้คล่องก็โชคดีหน่อย หนีบกันไปด้วยเวลาประชุมผู้ปกครอง

หลักสูตรของเราจะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ทุกข้อให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ที่กล่าวมา ช่วยสอน ประคับประคอง และผลักดันให้ประสบความสำเร็จกับการเรียนภาษาอังกฤษดังที่หวังไว้เน้นการเรียนการสอนแบบใช้งานได้จริง และสุดท้ายต้องเข้าใจแบบยั่งยืน เป็นแล้วเป็นเลย ไม่หายไปไหนเพื่อให้เป็นไปตามสโลแกนของ The Parrot ที่ว่า

“ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ที่เดียวครบ จบป่ะ!!”

ตอนนี้สถาบันเรามี อยู่ 2 สาขาแล้วค่ะ สาขาแรก อยู่ที่ FutureMart พระราม 3 ชั้น P3 ในโซนการศึกษา เริ่มจากสถาบันเล็ก ๆ มีห้องเรียนอยู่ 2  ห้อง แต่เนื่องจากได้รับการตอบรับอย่างดี เรากำลังขยายเพิ่มอีก 3 ห้องค่ะ ตกแต่งใกล้จะเสร็จแล้ว ส่วนสาขาที่ 2 ก็จะอยู่ที่หัวหินค่ะ ใกล้ๆกับห้างสรรพสินค้ามาร์เก็ตวิลเลจ มีห้องเรียน 2 ห้อง กำลังทำการตลาดเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นอยู่ค่ะ

บอกเคล็ดลับความสำเร็จของครูแป๋มหน่อยครับ

ข้อแรกคือ ความซื่อสัตย์ ค่ะ ซื่อสัตย์ทั้งกับนักเรียน คนที่สนใจจะลงคอร์สกับเรา คุณครูและทีมงานทุกคนที่เกี่ยวข้อง เรา 2 คนตั้งใจมากในการทำธุรกิจว่าต้องซื่อสัตย์กับนักเรียนที่ไว้วางใจมาเลือกใช้บริการที่สถาบันของเรา สิ่งที่เค้าได้กลับไปนั้นต้องคุ้มค่ากับเงินที่เค้าจ่ายให้เรา

ข้อที่ 2 คือเรื่องของ คุณภาพ เราคัดเลือกคุณครูที่มีคุณภาพสูง สำเนียงเป๊ะ ฟังชัด และมีความสามารถในการถ่ายทอดภาษาอังกฤษให้กับผู้เรียนได้จริง มีการควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิดโดยครูแป๋มเองค่ะ ตรวจสอบความพึงพอใจของนักเรียนและรับฟังฟีดแบคต่างๆเสมอ สิ่งที่คุณครูท่านใดทำได้ดี แป๋มจะเอามาแชร์ให้กับคุณครูท่านอื่นๆได้ทราบตลอด เพื่อให้เค้าไปปรับใช้ในคลาสที่ตัวเองรับผิดชอบและในสไตล์ของตัวเอง นอกจากนี้ ปัญหาที่เจอใน Class เรียนเกี่ยวกับการเรียนการสอน เราก็นำมาปรึกษากันภายในก๊วนคุณครู ร่วมด้วยช่วยกันคิดว่าควรจะจัดการอย่างไรดี แบบนี้น่าจะดี แบบนั้นไม่ควร ซึ่งแป๋มและคุณสามีก็เปิดใจ100% ให้กับทางคุณครูทุกท่านที่อยู่ในสถาบันของเราให้มีส่วนช่วยแสดงความคิดเห็นทั้งรูปแบบและวิธีการสอนเพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย แป๋มจะทำบรรยากาศการอยู่ร่วมกันของทุกคนในสถาบันให้อบอุ่นและมีความเป็นกันเอง เพื่อที่ทุกคนจะได้สบายใจและอยู่ช่วยกันพัฒนาสถาบันไปนานๆค่ะ

ข้อที่3คือ ความเอาใจใส่ ความเอาใจใส่ที่ทีมงานมีให้กับนร.ทุกคน และความเอาใจใส่ที่แป๋มและคุณสามีมีให้กับทีมงาน แป๋มย้ำกับคุณครูทุกคนเสมอว่า ต้องรู้จักนร.ทุกคนที่อยู่ในคลาสเรียนเป็นอย่างดี ทำความเข้าใจถึงความต้องการของนักเรียนและของผู้ปกครองทุกคนว่าเค้าต้องการเน้นด้านไหนอย่างไร ตลอดช่วงระยะเวลาที่ลงเรียนกับเรา เค้าจะต้องเห็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือไปจากในสมุดประจำตัวนร.ที่ทุกคนต้องมี เพื่อเก็บผลสอบปลายเดือนและเก็บประวัติพัฒนาการด้านภาษาอังกฤษของตัวเองการเรียนการสอนในห้อง นร.ของเราทุกคนจะไม่รู้จักคำว่านั่งเฉย ๆ จด ๆ แล้วจากไป นร.จะต้องมีส่วนร่วมในการเรียนทุกครั้ง ต้องได้พูดจริง ฟังจริง อ่านออกเสียงจริง และเขียนจริงทุกคน ทุกครั้งที่มาเรียน

นอกเหนือจาก3 ข้อใหญ่นี้ จริงๆแล้วยังมีรายละเอียดอีกเยอะค่ะ แต่ถ้าถามถึงKey Success หลักๆของทาง The Parrot English Academy ก็จะเป็นตามที่เล่ามาเนี่ยแหล่ะค่ะ J

 บริหารทีมงาน อาจารย์ผู้สอนอย่างไรครับ

ตั้งใจ จริงใจ และซื่อสัตย์ค่ะ ให้โอกาสในการแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใด  รับฟังทุกปัญหา (จนบางครั้งลามไปเรื่องส่วนตัวบ่อย ๆ ค่ะ ฮ่าๆๆ)สุดท้าย คือการทำให้ทุกคนมีส่วนร่วม และครูแป๋มถือว่าทุกๆคนในองค์กร คือเจ้าของ The Parrot – English Academy ร่วมกันค่ะ

แนวคิดพื้นฐานธุรกิจแบบรากหญ้าของ The parrot English Academy เป็นอย่างไร

สถาบันสอนภาษาอังกฤษของเรานั้น จะต้องเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ด้วยคุณภาพเดียวกัน

โดยทางสถาบันThe Parrot English Academy ได้ออกโปรแกรมมาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการให้นักเรียน ที่มีความตั้งใจอยากจะเรียน แต่อาจจะมีปัญหาทางทุนทรัพย์ เราก็เปิดโอกาสในการเข้าถึง โดยให้เลือกผ่อนกับทางสถาบันโดยไม่คิดดอกเบี้ย เป็นเวลา 3-6 งวด โดยขึ้นอยู่กับระดับ ที่เค้าเลือกลงเรียน และ การสร้างความหลากหลายของแพ็คเกจระยะเวลาเรียน การออกโปรโมชั่นพิเศษตามเทศกาลต่าง ๆ ที่มีหลายรูปแบบ รองรับความต้องการจากทุกๆ ความต้องการ

 ตอนนี้ ครูแป๋ม มีแผนการขยายธุรกิจอย่างไรบ้างเอ่ย

ปัจจุบันนี้โลก social media มีบทบาทและอำนาจในการตัดสินใจซื้อสูง เราจึงเน้นทำการตลาดแบบส่งตรงไปถึงหน้าจอมือถือหรือหน้าจอคอมของทุกคนผ่านโลกโซเชี่ยลนี้ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์, facebookหรือ IG นอกจากนี้ทางสถาบันกำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการหรือ application เฉพาะของทางสถาบัน เปิดให้ผู้สนใจทุกคนสามารถโหลดเก็บไว้ในเครื่องได้ฟรี โดยเราจะมีข้อมูลแนวทางการฝึกภาษาอังกฤษในรูปแบบต่าง ๆ อัพเดทอยู่เรื่อย ๆ นร.ของทางสถาบันสามารถเข้าไปเปิดดูเอกสารการเรียนการสอนเก่าๆได้โดยตรงผ่าน application นี้ มีรายงานการพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษแบ่งเป็นแต่ละทักษะขึ้นให้ดูย้อนหลังอย่างชัดเจน นอกจากนี้เรายังเล็งที่จะขยายสาขาเพิ่มเติมในเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมองไว้ว่าอาจจะก้าวไปเป็น Franchiser มองหาผู้สนใจที่อยากจะเปิดสถาบันของเราในอนาคตค่ะฝันให้ไกลและไปให้ถึงค่ะ! คติประจำใจ… เราอยากให้คนไทยทุกคนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี ไม่แพ้ชาติใดในโลก และแน่นอนว่า ก่อนจะก้าวไปทำระบบ Franchise ครูแป๋มต้องมั่นใจก่อนว่า คุณภาพ ต้องสามารถควบคุมได้จริงๆ ถึงจะทำค่ะ ตอนนี้ขอทำภายในสาขาตัวเองให้แข็งแรงล่ำบึ๊กก่อน

อ้อ อีกอย่าง เราก็มีแผนที่จะนำหลักสูตรนี้ไปเสนอตาม บริษัท ห้างร้าน ด้วยค่ะ ตอนนี้กำลังทำแผนงานและรายละเอียดเพื่อยื่นให้กับบริษัทต่างๆอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พี่ที่ยุ่งกับงานประจำและไม่สะดวกเดินทาง แต่มีใจที่อยากจะเรียนอยากจะพัฒนาภาษาอังกฤษ เราสามารถDelivery หลักสูตร และ วิธีการของเรา ไปให้ พนักงานบริษัท ถึงที่ค่ะ

นอกจากนั้นนะคะ เรากำลังพัฒนาเว๊บไซต์ และ Mobile Application ที่ให้ทุกคนสามารถเข้าถึง วิธีการและแนวทางการสอนของเรา รวมไปถึงหลักสูตร เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่สนใจสามารถหาข้อมูลได้ก่อนการตัดสินใจ แต่ในช่วงนี้สามารถติดตามความเคลื่อนไหวทาง Facebook ไปก่อนค่ะ

ฝากแนวคิดการทำธุรกิจให้กับเพื่อน ๆ เถ้าแก่ใหม่หน่อยครับ

ที่สำคัญๆ คิดว่ามีอยู่ 2 ข้อค่ะ คือ

ข้อ 1 ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจด้านนี้ จะต้องมีความรู้ ความสามารถด้านภาษาอังกฤษได้ดี พอสมควร เพราะ ถ้าคุณจะทำ แต่ไม่มีความรู้เพียงพอ คุณจะกลายเป็นแค่นายทุน ไม่ใช้ เจ้าของธุรกิจ คุณจะมองไม่ออกอย่างถ่องแท้ว่าสื่อการเรียนการสอนต่าง ๆ ที่กำลังใช้อยู่ถือว่าดีพอหรือยัง? และจะปรับปรุงให้มันดียิ่งๆขึ้นไปได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าคุณไม่เข้าใจในสินค้าที่คุณกำลังขายอย่างถ่องแท้ทะลุปรุโปร่ง คุณก็จะไม่สามารถแนะนำการใช้งานที่เหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละคนได้ การควมคุมคุณภาพที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนก็จะไม่เกิดค่ะ

ข้อ 2 ผู้ที่อยากจะเข้ามาธุรกิจนี้ ต้องมีใจรักในการบริการ เข้าใจถึงความลำบากและปัญหาของนร.แต่ละคนที่เข้ามาหาเรา และมีจิตสำนึกของความเป็นครู ดังนั้นถ้าคุณเริ่มทำธุรกิจโดยตั้งเป้าว่าทำแล้วจะต้องรวยเป็นอย่างแรกความเชื่อในเรื่องของคุณภาพและใจรักในการให้บริการมันจะหดหายไปโดยอัตโนมัติคุณต้องตั้งใจว่า เราต้องช่วยให้เค้าสามารถฟังพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ จริงๆ ได้ผลลัพธ์จริงๆ ทำให้นร.มั่นใจในตัวเราให้ได้ก่อน และถ้านักเรียนเค้ามั่นใจแล้ว มันจะกลายเป็นเหตุ ให้เกิดผลลัพธ์ คือ ธุรกิจอยู่รอดได้ดี  คุณครูอยู่ได้อย่างสบาย นักเรียนทำได้ในสิ่งที่หวังค่ะ

 ช่องทางติดต่อธุรกิจ

ตอนนี้ เราก็มีเปิดให้สอบถาม Facebook, Line และ เบอร์โทรศัพท์ ตามนี้ค่ะ

www.facebook.com/theparrotenglish

www.facebook.com/theparrotenglish.huahin

หรือ ติดตามสาระ หรือ tips การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ที่ถูกต้องทาง Page ครูแป๋ม ได้ที่

www.facebook.com/krupam.parrot

เบอร์โทรศัพท์ พระราม 3 085-635-5572  ส่วนที่ หัวหิน 087-955-3738

หรือ Add Line ID: theparrotenglishและ theparrot-huahin

 

เถ้าแก่ใหม่รีวิว

ปัญหาหนึ่งที่ผมเคยประสบคือเรื่อง การซื้อแฟรนไชส์  ถามว่า ซื้อแฟรนไชส์ ดีไหม คำตอบคือดีครับ เพราะเราได้ซื้อสูตรความสำเร็จในการทำธุรกิจของเขา จะทำให้เราทำงานง่ายขึ้น แต่ปัญหาคือ ถ้าแฟรนไชส์นั้น ๆ ยังอยู่ในช่วงปรับตัว ยังไม่นิ่ง คนที่ไปซื้อจะลำบาก ทำงานยากมาก ถึงยากที่สุด เรียกได้ว่า สาขาแรก ๆ ที่ซื้อต่อเขามานี่เหนื่อยหรือเป็นหนูลองยาว่ากันอย่างนั้น

วันนี้ครูแป๋ม ก็เจอปัญหานั้นครับ ท้ายสุดก็ต้องออกมาลุยทำ “แบรนด์” ของตัวเอง แม้อนาคตวางแผนไว้ที่จะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์เอง ประสบการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้ The Parrot English Academy ได้รู้ว่าเขาต้องเตรียมการ เตรียมพร้อมอะไรเพื่อเป็น เจ้าของแฟรนไชส์ที่ดี มีระบบ

ธุรกิจคือการ “เรียนรู้ ปรับปรุง และพัฒนา” ไม่ว่าคนที่คิดจะเริ่มทำ ทำไปบ้างแล้ว หรือทำมานาน หลายท่านย่อมรู้ดีถึงเรื่องนี้ครับ แต่มีไม่น้อยที่ ไม่สนใจ ไม่ใส่ ท้ายสุดธุรกิจก็จะปิดตัวลงครับ

ได้เวลามาพัฒนาทักษะ ทางด้านภาษา เพื่อต่อยอดธุรกิจกันแล้วครับ