กรณีศีกษาแก้หนี้เกษตรกร โดยสหกรณ์การเกษตรบางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา ปล่อยกู้ 3.5% ต่อปี

สำนักข่าวไทยรัฐได้รายงานเรื่อง พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสแก้หนี้แนวทางปล่อยกู้ดอกต่ำปลูกผักแก้จนโดยสหกรณ์การเกษตรบางเหรียงโดยมีรายละเอียดดังนี้

สหกรณ์การเกษตรบางเหรียงจำกัด ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา เป็นสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิกทำให้สมาชิกของสหกรณ์สามารถปลดหนี้ที่มีได้แทบทั้งหมดและตรงกับนโยบายของอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ต้องการให้สมาชิกของสหกรณ์ปลดหนี้สินและมีความเป็นอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ปัญหาที่ทำให้สมาชิกประสบปัญหาหนี้สินกันมากส่วนหนึ่งมาจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่ราคาขึ้นลงไม่แน่นอน เมื่อราคาพืชผลประสบปัญหาก็กระทบถึงหนี้สินและความเป็นอยู่ ดังนั้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วสหกรณ์จึงมีแนวคิดที่น่าสนใจคือการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกหันมาปลูกผักระยะสั้นเพื่อนำเงินมาปลดหนี้กับสหกรณ์ โดยสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการทางสหกรณ์จะปล่อยเงินกู้ให้รายละไม่เกิน 10,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกมากเพียงแค่ร้อยละ 3.50 บาทต่อปีเท่านั้น

สมาชิกส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการจะเลือกที่ปลูกพืชผักที่มีอายุเก็บเกี่ยวเร็วและนำไปส่งขายให้กับตลาดในพื้นที่ ในขณะที่บางส่วนจะมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ รวมถึงมีการส่งขายที่ตลาดนัดเกษตรอินทรีย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทุกสัปดาห์

นายสุทิน แก้วมณีซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรบางเหรียง จำกัด เล่าว่าตนเองยึดอาชีพปลูกพืชผักระยะสั้นมาอย่างยาวนานโดยจะปลูกผักสลับกันไปบนเนื้อที่ 5 ไร่ อาทิ ต้นหอม ผักชีฝรั่ง ผักกาดหอม แมงลัก มะเขือ พริก และอื่น ๆ ตามความต้องการของตลาด ซึ่งสาเหตุที่เขาเลือกทำอาชีพนี้เพราะมองว่าผักสวนครัวทุกบ้านต้องกินต้องใช้ซึ่งในช่วงที่ยังไม่มีโครงการเขาต้องออกค่าใช้จ่ายเองทุกอย่างทำให้บางครั้งก็ขาดทุน หรือกำไรน้อยจากค่าปุ๋ย ค่ายาที่เป็นต้นทุนที่มีราคาสูงจนเป็นหนี้สหกรณ์จำนวนหนึ่ง

แต่เมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นมาจากเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ทำให้เขามีเงินมาหมุนใช้หนี้สหกรณ์ได้ เมื่อรวมกับความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่แล้วจึงหันมาปลูกผักชีฝรั่ง ผักกาดหอม และแมงลัก แบบระบบอินทรีย์ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเพราะพืชผลเหล่านั้นได้ราคาดีและมีแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ และเมื่อมีการวางแผนการปลูกล่วงหน้าตามความต้องการของตลาด ณ ห้วงเวลานั้น ๆ  และปลูกสลับกันไปเรื่อย ๆ ทำให้มีผลผลิตออกมาสู่ตลาดเกือบทุกวันทำให้มีรายได้อย่างต่อเนื่องในที่สุด

นอกจากพืชผักสวนครัวที่สมาชิกปลูก สหกรณ์ยังมีไฮไลต์ของ ต.บางเหรียงก็คือการปลูก“บรอกโคลี” ผักที่สามารถเติบโตได้ดีในพื้นที่นี้ในขณะที่พื้นที่อื่นปลูกบรอกโคลี่ไม่ได้หรือหากปลูกได้ก็สู้คุณภาพสู้บรอกโคลีของบางเหรียงไม่ได้ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพราะดินที่มีความแตกต่างกันทำให้สมาชิกของสหกรณ์หันมาปลูกบรอกโคลี่กันค่อนข้างเยอะ ด้วยเหตุนี้ทางสหกรณ์จึงได้ร่วมมือกับเทศบาลเพื่อจัดงานวันกินผักเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/south/2649745

ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับข่าวกรณีศีกษาแก้หนี้เกษตรกร โดยสหกรณ์การเกษตรบางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา

แนวทางการทำงานของสหกรณ์การเกษตรบางเหรียงถือเป็นแนวทางที่ควรค่าแก่การเรียนรู้เป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ได้อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน

ปัญหาสำคัญที่ทำให้เกษตรกรไทยยังไม่สามารถหลุดพ้นจากหนี้สินนั่นก็คือวิธีการเพาะปลูกที่ยังคงเน้นการปลูกพืชเชิงเดี่ยวมากเกินไปจนเมื่อใดที่เกิดปัญหาราคาพืชผลตกต่ำก็ทำให้รายได้จากการขายพืชผลเหล่านั้นไม่เพียงพอและทำให้เกษตรประสบปัญหาจนเกิดเป็นหนี้สินในที่สุด

นอกจากนี้อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้เกษตรไทยไม่สามารถหลุดพ้นจากปัญหาหนี้สินได้ก็คือการใช้สารเคมีและปุ๋ยที่มีราคาแพงจนทำให้ต้นทุนในการปลูกพืชผลเพิ่มสูงขึ้นซึ่งหากในปีใดที่ราคาพืชผลเป็นไปอย่างที่คิดไว้ก็จะไม่ส่งผลเท่าไหร่นัก แต่หากราคาในปีนั้นตกต่ำต้นทุนในเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นสิ่งที่เกษตรกรต้องแบกรับ

แต่แนวคิดของสหกรณ์ที่เน้นส่งเสริมให้สมาชิกปลูกพืชหมุนเวียนที่เป็นที่ต้องการของตลาดในแต่ละช่วงและเน้นไปที่การปลูกพืชที่ไม่เน้นการใช้สารเคมีและไม่ทำให้ดินเกิดปัญหาในภายหลังและเมื่อรวมกับที่การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแนวความคิดที่ดูเรียบง่ายเช่นนี้กลับทำให้สมาชิกมีรายได้อย่างต่อเนื่องและทำให้สมาชิกสามารถปลดหนี้สินที่มีได้ทั้งหมด แนวความคิดเช่นนี้คือสิ่งที่ภาครัฐควรให้การสนับสนุนและเผยแพร่ต่อไปสู่สหกรณ์การเกษตรอื่น ๆ รวมถึงเกษตรกรทั่วประเทศเพื่อให้การเกษตรของประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

สรุปอัตราเงินสมทบประกันสังคม 2564 ล่าสุด