728x90-banner-ads

ขออนุญาตแนะนำตัวก่อนนะคะ

ชื่อ พนิดา หาญสงคราม ชื่อเล่น อี๊ด ค่ะ
การศึกษา : ป.ตรี ครุศาสตร์อุตสาหกรรม พระจอมเกล้าลาดกระบัง
ป.โท MBA ม. รามคำแหง
ประวัติการทำงาน : 12 ปีเต็มกับชีวิตสาวโรงงาน พนักงานประจำ
ตำแหน่งสุดท้าย Sr. Supply chain engineer
ปัจจุบัน : อาชีพอิสระ (Freelance)
– บริษัท ดีเวลท์ (2014) จำกัด ,
Wealth planner วางแผนการเงิน ภาษีบุคคลและองค์กร
www.deeweath.com
– เสื้อยืด Good word, เสื้อยืดพิมพ์ข้อความ คำคม
ข้อคิด แรงบันดาลใจ www.thaigoodword.com
– อื่นๆ Freelance sale, ขายเครื่องสำอาง , ขายของออนไลน์

10670084_380865722080192_9174775344950991617_n

1. สั่งสมประสบการณ์จากหนังสือและการลงมือทำ
เป็นคนชอบอ่านหนังสือ โชคมากมีคุณพ่อเป็นครูสอนอ่านหนังสือ
คนแรก ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านมาตั้งแต่เด็กๆ การอ่านหนังสือมาก
ทำให้เราเห็นโลกกว้าง เห็นความคิดแตกต่างของคนอื่นๆ
ช่วงเด็กเลยเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยเล่นกับเพื่อนแถวบ้าน จะสนิทกับเพื่อนที่โรงเรียนมากกว่า
เข้า ปวช.ปี 1 ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ สาขาช่างอิเล็กทรอนิกส์ หาโอกาสให้ตัวเอง

ได้ไปทำงาน part time ที่ร้านเซเว่นอิเลฟเว่นในช่วงปิดเทอม เป็นครั้งแรกที่หาเงินได้ด้วยตัวเอง
เงินห้าพันต่อเดือนนับมาเยอะมากในสมัยนั้น เริ่มรู้แล้วว่าการหาเงินไม่ใช่เรื่องยาก และถ้าเราขยันกว่าคนอื่น
เราจะได้เงินเพิ่มมากกว่าคนอื่น

2. จับเงินแสนตอนอายุ 19
เรียน ปวส. ที่ราชมงคล เทคนิคกรุงเทพ แผนกเทคนิคคอมพิวเตอร์ สมัยนั้นดังมากทั้งเรื่องวิชาการและนักเรียนตีกัน
ที่นี่เองค่ะ เหมือนเปิดโลกใหม่ให้กบในกะลา เทอมสองของ ปวส. 1 ต้องหาเงินรับน้อง
ซึ่งรุ่นเราก็ยังคงดำเนินกิจกรรมตามที่รุ่นพี่แนะนำคือทำหนังสือเตรียมสอบ และรุ่นเราสามารถหาเงิน
ได้จากการขายหนังสือเป็นหลักแสนบาทภายในเวลาแค่สองสัปดาห์ ด้วยกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง
โดยการกระจายทีมขาย เข้าวิทยาลัยเทคนิคของทุกจังหวัดที่มีเพื่อนในรุ่นเป็นศิษย์เก่า และแบ่งสายเดินทาง
แนะแนวการเรียนต่อสำหรับน้องๆ ที่กำลังจะจบปวช. พ่วงการขายหนังสือเตรียมสอบไปด้วย
และยังมีหน่วยกระตุ้นผลงานยอดขายด้วย SMS CENTER ที่เราเรียกว่า “ศูนย์บัญชาการ” มีการแจ้งยอดขายของแต่ละทีมเป็นระยะๆ รวมถึงส่งข้อความให้กำลังใจและสรุปยอดขาย
ในทุกๆ วัน ทำให้เรามีเงินสดในการรับน้องปีนั้นอย่างสบายๆ เหตุที่ได้จับเงินแสน เพราะตัวเองเป็น CENTER
ในการดูแลการเงินและดูแลค่าใช้จ่ายค่ะเงินแสนแค่ได้จับแต่ไม่ใช่ของเราหรอกแต่ประสบการณ์ที่ได้มีมูลค่ามหาศาล

3 กิจการส่วนตัวครั้งแรก เจ๊ง!
เรียนจบปวส. ก็ต่อป.ตรี จบแล้วก็ได้ทำงานโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ทำงานสองปีบริษัทก็มีการเลิกจ้าง ก็เลยขอรับเงินและออกมา เงินที่ได้นำมาลงทุนเปิดร้านกิ๊ฟช็อปในห้างสรรพสินค้า ไม่มีความรู้การตลาด ไม่มีการวางแผน จ่ายค่าเช่า
รับของมาจากสำเพ็งมาขาย ขายได้วันละ สองชิ้น สามชิ้น กำไรไม่ต้องพูดถึง 6 เดือนผ่านไป ปิดกิจการ
กลับมาทำงานประจำเหมือนเดิม

4. งานประจำเหมือนเดิม แต่แนวไม่เหมือนเดิม
คราวนี้ได้งานประจำใหม่ เป็นบริษัทฝรั่ง ยักษ์ใหญ่ระดับโลก ในตำแหน่ง Procurement Engineer
มีหน้าที่ติดต่อหาผู้ขาย (supplier) ทั้งในและนอกประเทศ บริษัทใหม่เป็นองค์การระดับโลก ที่มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากร
ให้เรียนฟรีมากมายๆ ผ่านไป 2 ปีกับที่นี่ มีความสุขกับงานที่ทำ ภูมิใจ และพอใจกับผลตอบแทนที่ได้
มีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีหัวหน้างานที่ให้โอกาส ให้ความรู้ จนเราเก่ง และมั่นใจมากในสายงานที่ทำ
ทุกวันนี้ยังรู้สึกสำนึกบุญคุณของหัวหน้าตลอดมา ไม่กี่ปีก็ได้งานใหม่ ย้ายไปบริษัทฝรั่งอีก เงินเดือนเยอะขึ้น
ย้ายมาครั้งนี้เพราะเงินอย่างเดียวจริงๆ งานเหมือนเดิมแต่หนักขึ้น เยอะขึ้น โชคดีที่ประสบการณ์เก่าๆที่ สั่งสมมา
ทำให้เราทำงานได้ง่าย ช่วงระหว่างทำงาน ทำให้เราเห็นโอกาสการทำกำไรจากของนำเข้าที่ราคาต่ำกว่าของในประเทศ
เลยลองสั่งพวกอุปกรณ์กล้องจากฮ่องกง มาลองโพสขายตามเวปตากล้อง ชมรมคนถ่ายรูปบ้าง
ปรากฎว่าขายได้หมด ทำกำไรหลายหมื่นหลังจากนั้นก็จับงานที่ทำเงินทางออนไลน์หลายอย่าง
ทั้ง Pre order ,Ebay,Amazon,Alibaba, Etsy
เผลอแป๊ปๆ ผ่านไป 7 ปีและแล้ววันหนึ่งเมื่อระบบขององค์กรเปลี่ยนไป พนักงานเริ่มจะไม่มีความสุขในการทำงาน
มีการเลิกจ้างพนักงานต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกันในปีที่ 3 เลยขออนุญาตหัวหน้ารับแพคเก
และเดินออกจากบริษัทมา เป็นครั้งที่ 2ของชีวิตการทำงาน

5. ออกจากงานประจำ เหมือนจะเคว้งแต่ไม่คว้าง
เริ่มต้นชีวิตงานไม่ประจำด้วยการลงเรียน Financial advisor ของบริษัท เอไอเอ จำกัด จากการชักชวนของเพื่อน
ที่ปรึกษาทางการเงิน สอบ Investment Consult License ของกลต. จากนั้นก็เริ่มทำงานอิสระงานนี้ ให้เวลากับมัน ผ่านไปครบ 1 ปี มานั่งวิเคราะห์งานที่ทำปรากฏว่ารายได้พอๆ กับตอนที่ทำงานประจำ แต่มีเวลาว่างถึง 2 ใน 3
มีเวลากลับบ้านต่างจังหวัด มีเวลาอ่านหนังสือและเข้าคอร์สอบรมต่างๆ ในวันธรรมดา แต่รายได้มันเข้ามาทางเดียว

5. เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยน
วันหนึ่งได้อ่านหนังสือของคุณบอยวิสูตร “งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า” จึงได้เข้าใจคำว่า “รายได้หลายทาง” และตอกย้ำด้วยคำว่า “Multiple source” ของคุณบัณฑิต อึ้งรังษี ทำให้เปิดใจคิดได้ว่า เราควรจะใช้เวลา 2 ใน 3 ที่เหลืออยู่ให้เกิดรายได้หลังจากนั้นก็มีคนรู้จักเก่าทั้งคนไทยและเทศติดต่อมาให้ไปทำงานที่บริษัทบ้าง จ้างให้ทำโน้นทำ ก็รับบ้างแต่ต้องเผื่อเวลาให้ตัวเอง เพราะส่วนตัว ยังมีโปรเจคที่อยากทำ ซึ่งคงต้องค่อยๆ ทำไปทีละอย่าง ก้าวช้าๆ แต่ชัดเจน

6. หลักคิดในการทำงานและธุรกิจ
ที่ผ่านมาชอบเรียนรู้และลองทำอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลาบางอย่างทำได้ดี แต่ก็ปล่อยให้หลุดลอยไป
อาจจะเพราะว่าตอนนั้นคิดว่างานประจำก็ดีอยู่แล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วโอกาสดีๆ ไม่ได้มีมาบ่อยๆ
เจอเมื่อไหร่ ต้องรีบตะครุบ ทำมันให้เต็มที่ เห็นภาพความสำเร็จอยู่ข้างหน้า แล้วปล่อยว่าง
และมีความ เชื่อว่าการทำงานหรือทำธุรกิจยุคใหม่ เป็นเริ่มต้นของยุคของการเกื้อกูลกัน
Connection เป็นสิ่งสำคัญความไว้เนื้อเชื่อใจ ความซื่อสัตย์ จำเป็นที่สุด
เพราะฉะนั้นเราต้องวางตำแหน่งของตัวเองให้ชัด ว่าจะยืนอยู่ตรงไหน รักษาคุณภาพ
และบริการไว้จนถึงระยะของมัน วันนี้ยังไม่มีลูกค้า แต่ไม่นานลูกค้าจะเดินเข้ามาหาเราเอง

7. สุดท้ายฝากไว้
คนเราต้องมีฝัน ฝันให้ใหญ่ และไปให้ถึง จะได้ไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ยังไม่มีคำว่าแพ้ค่ะ
อย่ากลัวความล้มเหลว อย่ากลัวคำพูดไม่ดีของคนอื่น และอยากฝากให้อ่านหนังสือกันค่ะ
หนังสือ 1 เล่ม บางครั้งกลั่นกรองมาจากชีวิตคน 1 คนทั้งชีวิต ไม่แน่ว่าสักวันเราอาจจะเจอหนังสือที่เปลี่ยนชีวิเราไปทั้งชีวิตแม้แต่เราอ่านหนังสือ 1 เล่ม ได้ใจความที่โดนใจเรา 1 ประโยคก็สุดคุ้มแล้วค่ะ

น้องอี๊ดเป็นน้องที่มีน้ำใจฉลาด วันนี้เธอได้มาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต ตั้งแต่ช่วงการเรียน ทำงาน และออกมาทำกิจการของเธอเอง

ผมเห็นอย่างหนึ่งครับ “คนเราไม่จำเป็นต้องทำได้อย่างเดียว”
เราทำอะไรได้หลายอย่างนะครับ ขอเพียงเรา สนใจ ตั้งใจ ที่จะทำ

น้องอี๊ดพิสูจน์ให้เห็นแล้วครับ !! แถมเธอยังมีเวลาเหลือให้กับตัวเอง
เธอยังคงพัฒนาความรู้เธออย่างต่อเนื่อง

อย่าหยุดเรียนรู้ อย่าหยุดฝัน อย่าหยุดพัฒนาครับ