เทคนิคปิดการขาย Facebook ผ่าน Inbox ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องไม่ยาก แต่พบว่ามือใหม่หัดขายออนไลน์หลายท่านไม่สามารถขายผ่าน Inbox เพราะต้องมาตกม้าตายในการปิดการขายนี่เอง

สินค้าที่ดูมีความน่าสนใจย่อมดึงดูดลูกค้าเข้ามาในรูปแบบต่าง ๆ ลูกค้าบางประเภทคือลูกค้าที่สนใจซื้อหาไปใช้เอง แต่ก็ยังมีลูกค้าอีกบางประเภทที่คอยมองหาสินค้าที่น่าสนใจเพื่อสมัครเป็นตัวแทนนำไปขายต่อเป็นธุรกิจหลักหรืองานเสริมเพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเองเช่นกัน ลูกค้าประเภทหลังนี้มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยครับ เพราะหากคุณปิดการขายได้สำเร็จ นั่นแทบจะการันตียอดขายที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจของคุณได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอีกเช่นกัน แต่ก็เช่นเคยที่ปัญหาในการปิดยอดขายกับลูกค้าประเภทนี้มักจะเกิดขึ้นกับเจ้าของธุรกิจ ที่ยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ จึงทำให้คุณต้องพลาดกับขุมทรัพย์ขนาดใหญ่นี้ไปอย่างน่าเสียดาย เพื่อให้การปิดยอดขายกับลูกค้าที่ต้องการเป็นตัวแทนแบรนด์ของเราเป็นไปอย่างราบรื่น วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากครับ

ลูกค้าที่ต้องการเป็นตัวแทนจำหน่ายเปรียบประดุจดั่งขุมทรัพย์ หากคุณทำดังต่อไปนี้เท่ากับคุณกำลังฝังกลบขุมทรัพย์นั้นให้จมหายไปกับดิน

วิธีการหนึ่งที่ลูกค้าที่ต้องการเป็นตัวแทนมักใช้ในการติดต่อกับเราคือการสอบถามข้อมูลผ่านทางโซเชี่ยลในช่องทาง inbox หรือที่เรามักจะรู้จักกันดีในชื่อเรียกที่ว่า “การหลังไมค์คุยกัน” โดยเฉพาะการสอบถามเรทราคาขายส่งสินค้าของเรา การที่ลูกค้าสอบถามเข้ามาเช่นนี้แสดงว่าลูกค้ามีความสนใจสินค้าของเราอยู่ไม่น้อย หากเจ้าของธุรกิจ ท่านใดมีประสบการณ์น้อยเกินไปในวงการขาย

สิ่งที่พวกเขามักจะทำต่อไปก็คือการส่งเรทราคาไปให้ลูกค้าเพียงเท่านี้ ซึ่งหากข้อมูลที่คุณส่งไปมีเพียงแค่เรทของราคา การขายนั้นมีโอกาสล้มเหลวสูงมาก ๆ ครับ เพราะทั้งคุณและลูกค้าไม่รู้เลยว่าควรจะไปต่อหรือทำอย่างไรต่อไปอีก และลูกค้าอาจเกิดความลังเลใจและตัดสินใจที่จะไม่ไปต่อกับแบรนด์ของคุณ นั้นก็เพราะว่าลูกค้าอาจมองว่าคุณไม่ได้สนใจเขาเท่าที่ควร หากคุณทำสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นก็เสมือนกับคุณกำลังโยนขุมทรัพย์ล้ำค่าลงดินแล้วขุดหลุมฝังกลบมันลงไปนั่นเอง

เทคนิคปิดการขาย Facebook ผ่าน Inbox

เมื่อวิธีการส่งเพียงแค่เรทสินค้าไม่ใช่วิธีการที่ดีในการปิดการขาย สิ่งที่คุณในฐานะที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ควรจะทำก็คือ “การแสดงความสนใจและใส่ใจในลูกค้าที่กำลังสอบถามเข้ามาทางอินบ๊อกซ์” วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการสอบถามพูดคุยรายละเอียดเบื้องต้นกับลูกค้า โดยคำถามที่คุณควรจะถามลูกค้าก่อนการจัดส่งเรทราคาสินค้าให้แก่ลูกค้าคือคำถามที่ว่า “ลูกค้าเคยขายสินค้าออนไลน์มาก่อนหรือไม่” คำถามนี้คือจุดเริ่มต้นในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้เป็นอย่างดีอันจะนำมาซึ่งคำตอบใน 2 แนวทางที่คุณสามารถไปต่อได้ดังต่อไปนี้

1.หากลูกค้าตอบว่า “เคยขายสินค้าออนไลน์มาก่อน” คำถามที่คุณควรจะถามต่อคือ

– ลูกค้าเคยขายแบรนด์อะไรมาก่อน: คำถามนี้เพื่อประเมินว่าสินค้าที่ลูกค้าเคยทำการขายมาก่อนเป็นสินค้าประเภทใด แสะสามารถจะไปในทางเดียวกันกับสินค้าของเราได้หรือไม่ หรือมีประสบการณ์ในการขายสินค้าในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับเรามาก่อนหรือไม่ จะได้ทราบถึงฐานลูกค้าดั้งเดิมของพวกเขาว่าสามารถจะกลายมาเป็นฐานลูกค้าของสินค้าของเราได้หรือไม่

            – สินค้าที่ลูกค้าเคยขายนั้น ขายดีไหม หรือมียอดขายเป็นอย่างไรบ้าง: คำถามนี้ก็จะทำให้คุณได้คำตอบเป็นไปในอีก 2 แนวทางดังนี้

เมื่อลูกค้าตอบว่า “ขายดี” : เมื่อคำตอบเป็นไปในทางว่าแบรนด์เก่าของลูกค้าก็ขายดี คุณควรจะต้อง        รู้ว่าสินค้าเดิมของลูกค้ามีกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างไร หากลูกค้าไม่แน่ใจให้ลองเกริ่นนำว่าใช่กลุ่มลูกค้า       กลุ่มเดียวกับทางแบรนด์ของเราหรือไม่ แล้วชักจูงว่าหากเป็นลูกค้าในกลุ่มเดียวกันก็แทบไม่ต้อง          พยายามทำอะไรเพิ่มเติมเลยเพราะสามารถนำสินค้าของเราไปเสนอขายให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีได้             เลยก็จะสร้างรายได้เพิ่มได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ

เมื่อลูกค้าตอบว่า “ขายไม่ค่อยดี”: คุณต้องถามลูกค้าต่อไปว่าแล้วทางแบรนด์เดิมมีส่วนช่วยอะไร           แก่ลูกค้าบ้างเช่นการจัดเทรนนิ่งเพิ่มเติมหรือมีการสอน มีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการขาย      อะไรกับลูกค้าบ้างหรือมีการจัดโปรโมชั่นแนะนำสินค้าให้แก่ลูกค้าหรือไม่แล้วให้บอกว่าแบรนด์        ของเรามีอะไรที่แตกต่างไปจากแบรนด์เดิมที่ลูกค้าเคยขายรวมไปถึงเสนอสิ่งที่เราจะสามารถให้      ความช่วยเหลือในกรณีที่ลูกค้ามีปัญหาเกี่ยวกับยอดขายที่แตกต่างไปจากแบรนด์เดิมของลูกค้า                    เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นและเปรียบเทียบความแตกต่างครับ

2.หากลูกค้าตอบว่า “ไม่เคยขายสินค้าออนไลน์มาก่อน”

เมื่อลูกค้าของคุณเป็นมือใหม่ในการขาย นั่นหมายถึงเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการขายสินค้าอะไรมาก่อนเลย สิ่งที่คุณควรจะถามพวกเขาคือ “ลูกค้าทำไมถึงอยากจะขาย” ซึ่งส่วนมากลูกค้าก็มักจะตอบกลับมาว่า “เพราะต้องการรายได้เพิ่ม” หากเหตุผลในการเข้ามาขายสินค้าออนไลน์ของลูกค้าคือต้องการมีรายได้เพิ่มเติม คุณต้องถามเขาต่อไปว่าเขาต้องการรายได้เท่าไหร่เพื่อประเมินความคาดหวังของเขาต่อการลงทุนในการขายสินค้าในครั้งนี้ เมื่อคุณพอจะประเมินคร่าว ๆได้แล้วว่าลูกค้ามีความคาดหวังต่อการขายและต่อแบรนด์เป็นอย่างไร คุณต้องให้คำตอบในแนวทางที่ว่า “แบรนด์ของคุณนั้นหากลูกค้ามีความตั้งใจที่จะทำจริง ๆรายได้ที่ลูกค้าต้องการนั้นสามารถทำได้” จากนั้นคุณควรจะส่งรีวิวของตัวแทนรายอื่น ๆที่ทำได้และประสบความสำเร็จไปให้ลูกค้าดูเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า และหากคุณส่งข้อมูลยอดขายที่คุณทำได้ไปให้ลูกค้าดูด้วยแล้ว สิ่งนั้นก็จะยิ่งไปสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นไปอีก และโอกาสในการปิดการขายของคุณก็จะมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

การปิดการขายไม่ว่าจะเป็นการปิดการขายให้แก่ลูกค้ากลุ่มใด ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยประสบการณ์ เพราะการขายเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่คุณต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หากอยากประสบความสำเร็จและสร้างยอดขายได้ตามเป้า โดยเฉพาะหากคุณต้องการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองและต้องการมองหาผู้ที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนเพื่อขยายแบรนด์ของคุณแล้ว เทคนิควิธีการข้างต้นคือเทคนิคและวิธีการที่คุณต้องให้ความสนใจและเรียนรู้ให้ดีครับ เพราะมันช่วยสร้างโอกาสให้คุณปิดยอดขายได้ในทุก ๆกรณี

เทคนิคปิดการขาย Facebook