สรุป 6 ขั้นตอนเคลียร์หนี้บัตรเครดิต ที่ทำได้จริง

เคลียร์หนี้บัตรเครดิต

             “ไม่มีหนี้ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด” เชื่อเหลือเกินว่าประโยค ประโยคนี้คงเป็นประโยคที่ใครหลายๆ คนน่าจะเห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่เมื่อมองถึงซึ่งความเป็นจริงในสังคมปัจจุบันนี้ จะมีสักกี่คนกันที่ไม่มีหนี้บัตรเครดิตเลยแม้แต่ใบเดียว ส่วนใหญ่แล้วนั้นน่าจะมีหนี้มากกว่า 1 ใบอย่างแน่นอน ส่วนน้อยนั้นอาจะมีเพียงแค่ 1 ใบ หรือไม่ก็อาจมีคนที่ไม่เป็นหนี้บัตรเครดิตแม้แต่ใบเดียวก็เป็นไปได้

บัตรเครดิต คือเครื่องมือที่แสนพิเศษที่สามารถทำให้เรานั้นนำเงินจากอนาคตมาใช้ล่วงหน้าก่อนได้ จนบางครั้งบางที ที่อาจทำให้ใครหลายคน เผลอไผลเผลอใจ นำเงินในอนาคตเหล่านั้นออกมาใช้หลายต่อหลายใบ โดยที่อาจลืมคิดไปว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้คืนเขา เราจะเอาเงินจากไหนมาใช้คืน นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้บัตรเครดิต แบบติดอยู่ในหล่ม

บทความนี้จะเป็นบทความที่มาช่วยบอกถึงขั้นตอน วิธีการจัดการกับหนี้บัตรเครดิตที่เรามีอยู่ให้หมดไป แบบคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตทุกคน ทุกท่านนั้นสามารถนำไปใช้ได้จริง

  1. ต้องไม่ก่อหนี้ใหม่ ไม่ทำบัตรเพิ่ม

บันไดขั้นแรกคือต้องหยุดการสร้างหนี้เพิ่ม เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราหยุด มันก็จะไม่มีอะไรที่จะเพิ่มขึ้นมาได้ เมื่อหยุดสร้างหนี้ ก็จะไม่มีหนี้เพิ่ม มาเติมภาระเดิมที่หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ดังนั้นแล้วใครก็ตามที่ต้องการจะเคลียร์หนี้บัตรเครดิตให้ได้ ต้องหยุดก่อหนี้ใหม่ให้ได้

  1. ต้องเรียงลำดับการชำระหนี้

สำหรับคนที่มีหนี้จากบัตรหลายใบ วิธีการนี้ก็คือต้องเรียงลำดับว่า บัตรใบไหนที่มีหนี้เยอะ ดอกเบี้ยสูง ก็ต้องให้ความสำคัญ ต้องจัดการชำระหนี้บัตรใบนั้นก่อน ส่วนบัตรที่มีดอกเบี้ยรองลงมาหรือดอกเบี้ยต่ำ ก็ให้ใช้วีธีชำระขั้นต่ำไว้ก่อนเพื่อที่จะให้หลุดพ้นจากบัตรที่มีหนี้เยอะ ดอกเบี้ยสูงให้ได้ก่อน

  1. ต้องจ่ายให้ได้มากกว่าอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ

แม้ว่าการที่เรานั้นผ่อนชำระในอัตราขั้นต่ำถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากดูให้ดี คิดให้ดีก็จะเห็นว่าในความเป็นจริงอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นมันค่อนข้างสูงขั้นต่ำที่เราจ่ายไปนั้นมันเป็นเหมือนการจ่ายดอกเบี้ยของจำนวนเงินที่เราเป็นหนี้อยู่เท่านั้นเอง ดังนั้นหากเราอยากเคลียร์หนี้บัตรเครดิตให้ได้ ต้องหยุดการจ่ายชำระแค่เพียงขั้นต่ำ

  1. ต้องเจรจาหากว่าติดปัญหาไม่สามารถชำระได้ตามเงื่อนไข

ชำระมากกว่าขั้นต่ำ ก็ทำให้ไม่ได้ จะจ่ายขั้นต่ำ ก็ทำให้ไม่ไหว ก็คงต้องไปเจรจาต่อรองกับทางสถาบันทางการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ของเรา เข้าไปเจรจาต่อรองอย่างเป็นทางการเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะการเจรจานั้นสามารถทำให้เราจ่ายต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำที่เราต้องชำระในปัจจุบันได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยระยะเวลาในการผ่อนชำระที่ยาวขึ้น ซึ่งข้อดีก็คือเราจะมีสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละเดือนเพิ่มมากขึ้น

ข้อดีของการเจรจาคือ

  • ช่วยขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ให้ยาวนานขึ้นได้
  • ช่วยลดอัตราดอกเบี้ยได้ แต่อาจมีเงื่อนไขที่เรานั้นห้ามผิดนัดชำระ
  • ช่วยหยุดคิดดอกเบี้ยชั่วคราวได้ เพื่อให้เราผ่อนเงินต้นให้ลดลงได้ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
  • ช่วยลดหนี้ที่ยังค้างชำระบางส่วนได้ โดยกรณีนี้ส่วนมากทางธนาคารจะเป็นผู้ยื่นเงื่อนไขนี้มาให้เราเมื่อเขามองแล้วว่าเรานั้นไม่น่าที่จะสามารถชำระหนี้คืนได้ทั้งหมด
  1. ต้องรวมหนี้ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เพื่อลดดอกเบี้ย

ต้องบอกก่อนว่า การรวมหนี้ไม่ใช่การแก้หนี้ แต่เป็นการแก้สภาพคล่อง การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ก็คือ การรวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดที่เรานั้นมี แล้วไปยื่นขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคลจากสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อนำมาชำระหนี้ที่มีอยู่เดิม ซึ่งการขอสินเชื่อใหม่จะเป็นการผ่อนชำระหนี้แบบที่มีระยะเวลาในการผ่อนชำระที่ชัดเจนตั้งแต่ 12 เดือน ไปจนกระทั่งถึง 72 เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร

  1. สร้างวินัยทางการเงินที่ดี ด้วยการที่จ่ายให้ได้เต็มจำนวน

สำหรับข้อนี้นั้น อาจเป็นเพียงแค่ภาพฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งแท้จริงแล้วนั้นหากเราสามารถทำมันได้ เราจะไม่มีทางที่จะเป็นหนี้บัตรเครดิตแบบที่ไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระได้ การที่เรานั้นจะสามารถจ่ายเต็มจำนวนได้ แสดงว่าเรานั้นมีการวางแผนทางการเงินที่ดี โดยก่อนที่จะนำบัตรเครดิตออกไปใช้ เรามั่นใจว่าเราสามารถจ่ายเต็มจำนวนได้โดยที่ไม่มีผลกระทบกับรายได้ของเรา

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือขั้นตอนที่สามารถนำมาใช้ได้จริงเพื่อช่วยจัดการหนี้ที่เกิดจากบัตรเครดิตให้หมดไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งสำคัญที่อยากให้เราเข้าใจจริงๆ ก็คือหากไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องใช้เงินจากอนาคต ก็ไม่ควรที่จะต้องมีบัตรเครดิต หรือหากว่าจำเป็นจริงๆ ก็ต้องมั่นใจว่าเรามีความสามารถที่จะชำระหนี้ก้อนนั้นได้ เพราะการวางแผนและวินัยทางการเงินถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในการใช้ชีวิตของเรา

ลงทะเบียนรวมหนี้เป็นก้อนเดียว คลิ๊กที่นี่