คนทำงานอิสระหลายๆ คนพากันตั้งคำถามว่า “ทำอย่างไรจึงจะสมัครบัตรเคนดิตผ่าน?” เพราะบัตรเครดิตนั้นสามารถช่วยให้เกิดความสะดวกกในการใช้จ่ายและหลายๆ ครั้งก็คุ้มค่ากว่าการจ่ายเงินสดจำนวนมากๆ

เป็นมนุษย์เงินเดือนก็ต้องปวดหัวดิ้นรนกับการทำงานแต่ชีวิตความมั่นคงดี แต่สำหรับมนุษย์อีกประเภทที่หลงไหลในความอิสระพวกมนุษย์ฟรีแลนซ์ที่เลือกทางเดินของตัวเองได้อย่างน่าท้าทายจนหลายคนอิจฉาที่ชีวิตได้ทำงานที่ตัวเองรักแถมยังมีอิสระไม่ต้องวิ่งเข้าที่ทำงานตอกบัตรให้ทันเช้าเย็นต้องฝ่าฟันอุปสรรคการจราจรอันบ้าคลั่งกลับบ้าน

แต่ในความอิสระของเหล่าคนทำงานอิสระ (Freelance) นี้ก็มีเรื่องให้ต้องปวดหัวกันอยู่ไม่ใช่น้อยๆ ที่นอกจากเรื่องของการหางานหาเงินแล้วยังมีเรื่องที่ทำให้ฟรีแลนซ์หลายๆ คนต้องเกิดอาการเบื่อๆ เซ็งๆ อยู่ไม่ใช่น้อย นั่นก็คือเรื่องของการสมัครบัตรเครดิตที่ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ฟรีแลนซ์หลายๆ คนนั้นมีรายได้ดีแตะหลักหมื่นหลักแสนกันทุกเดือน แต่ทำไมสมัครบัตรเครดิตกี่ทีๆ ธนาคารก็ไม่ยอมอนุมัติให้ผ่านเสียทีทั้งๆ ที่ประวัติการเงินก็ดีมาตลอด สมุดบัญชีเงินฝากก็มียอดเงินเข้าต่อเนื่องและมียอดคงเหลือ 6 หลักกันเลยทีเดียว

ทำอย่างไรจึงจะสมัครบัตรเครดิตผ่าน?

 

นี่เป็นที่มาที่คนทำงานอิสระหลายๆ คนพากันตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรจึงจะสมัครบัตรเคนดิตผ่าน?เพราะบัตรเครดิตนั้นสามารถช่วยให้เกิดความสะดวกกในการใช้จ่ายและหลายๆ ครั้งก็คุ้มค่ากว่าการจ่ายเงินสดจำนวนมากๆ

ขึ้นชื่อว่า การสมัครบัตรเครดิต นั้นทุกคนรู้อยู่แล้วว่าธนาคาร สถาบันการเงิน ต่างก็เข้มงวดเป็นอย่างมากในการอนุมัติบัตรเครดิต นั่นก็เพราะว่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีหนี้เสียจากบัตรเครดิตสูง โดยเฉพาะตัวเลขหนี้เสียรายย่อยทั้งระบบธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการด้านดารเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) ที่พุ่งแตะ 7.2% ทะลุ 7.3 แสนล้านบาท และมีการคาดการณ์กันว่าไตรมาส 2 ปี 2561 หนี้บัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคลจะยังเพิ่งสูงขึ้น ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มสินเชื่อบุคคล ซึ่งมีจำนวนบัญชีที่เป็นเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดมีบัญชีที่เป็นเอ็นพีแอลรวมถึง 2.5 ล้านบัญชี

ถ้าเราดูจากตัวเลขหนี้สูญที่ทางสถาบันการเงินต้องเจอที่พุ่งสูงขนาดนี้แล้วก็พอจะเริ่มเข้าใจได้บ้างแล้วว่า ทำไมคนทำงานฟรีแลนซ์ถึงขอบัตรเครดิตยากเย็นเสียเหลือเกิน แต่หลายคนก็บอกว่าตนเองอยู่นอกข่ายนะ เพราะตนเองมีศักยภาพเพียงพอหรือสูงด้วยซ้ำไปในการชำระค่าบัตรเครดิตเพราะรายได้ต่อเดือนนั้นแตะหลักแสนบาท ธนาคารไม่ต้องกลัวจะเป็นหนี้เสียหรอก ยอดเงินในบัญชีก็แสดงให้เห็นๆ อยู่ แต่ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะธนาคารหรือสถาบันผู้ออกบัตรเครดิตนั้นเขามองลึกลงไปถึงความแน่นอนของรายได้อีกด้วย สำหรับเหล่าคนทำงานฟรีแลนซ์แล้วสิ่งที่สถาบันการเงินพิจารณาควบคู่กันไปด้วยก็คือ ความแน่นอนของรายได้ แม้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาคนทำงานฟรีแลนซ์จะมีรายได้ดี จนมียอดเงินเก็บ 6-7 หลัก แต่ทางสถาบันการเงินไม่ได้มองว่ายอดรายได้และเงินในอดีตจะบ่งบอกถึงความแน่นอนของรายได้ในอนาคตด้วย เพราะความที่เป็นอิสระนั่หมายความว่ามีความไม่แน่นอนในการหารายได้ค่อยข้างสูง นี่จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คนขอบัตรเครดิตแล้วไม่ได้รับการอนุมัติ

เตรียมเอกสารด้านการเงินให้พร้อมก่อนสมัครบัตรเครดิต

นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเรื่องของ เอกสารหลักฐานที่บ่งบอกแหล่งที่มาของรายได้ (ใบรับรองเงินเดือน) ที่สามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่าบุคคลนั้นมีความสามารถในการชำระเงินคืนได้อย่างมั่นคงสม่ำเสมอจากรายได้

ทีนี้เราก็พอจะเข้าใจกันแล้วว่าทำไมคนทำงานฟรีแลนซ์ถึงสมัครบัตรเคดิตยากเย็นเหลือเกิน ทถ้าอยากสมัครบัตรเครดิตให้ได้รับการอนุมัติก็ยังมีวิธีที่สามารถทำได้ซึ่งปกติแล้วเอกสารในการสมัครบัตรเครดิตสำหรับคนทำงานอาชีพอิสระที่ทางสถาบันการเงินต้องการมี 3 อย่างคือ

  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน
  3. หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ตามมาตรา 50 ทวิ) แสดงรายได้ปีล่าสุด หรือย้อนหลัง 6 เดือน(แต่ละสถาบันการเงินอาจมีเงือนไขอื่นๆ แตกต่างกัน)

หรือจะใช้วิธีใช้เงินฝากของตัวเองเป็นหลักค้ำประกันก็ได้ โดยให้คนทำงานฟรีแลนซ์ฝากเงินบัญชีฝากประจำกับธนาคารแล้วใช้บัญชีนั้นเป็นหลักค้ำประกันในการขอบัตรเครดิต วิธีนี้วงเงินที่จะได้รับก็คือ 90-95% ของจำนวนเงินที่ฝากประจำเป็นรายเดือนนั่นเอง เช่น ถ้าคุณเปิดบัญชีฝากประจำเดือนละ 50,000 บาท ก็จะได้วงเงินบัตรเครดิต 90-95% ของเงิน 50,000 บาทนั่นเอง แต่การเปิดบัญชีเงินฝากแบบนี้นั้นผู้ฝากจะไม่สามารถเบิกเงินออกมาใช้ได้จนกว่าผู้ฝากจะยกเลิกบัตรเครดิต นั่นหมายความว่าเงินฝากจำนวนนี้จะเป็นเงินประกันให้ธนาคารนั่นเอง

ซึ่งบัตรเครดิตแบบที่ใช้บัญชีเงินฝากค้ำประกันนี้ทางธนาคารเปิดเอาไว้ให้สำหรับคนทำงานฟรีแลนซ์หรือไม่ได้มีรายได้ประจำได้มีบัตรเครดิตอยู่แล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารที่อาจมีไม่เหมือนกันและประวัติทางการเงินของแต่ละคน

การเป็นคนทำงานฟรีแลนซ์มีข้อดีที่มีอิสระในการทำงานสูง รายได้ขึ้นอยู่กับผลงานและความขยัน ได้ทำงานที่ตัวเองรัก บริหารจัดการเวลาของตัวเองได้ แต่ก็มีบางเรื่องอย่างการสมัครบัตรเครดิตที่คนทำงานฟรีแลนซ์ก็ไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นัก แต่ไม่ว่าจะทำงานเป็นพนักงานมีเงิรเดือนประจำหรือคนทำงานอิสระสิ่งหนึ่งที่ต้องรักษาให้ดีเหมือนๆ กันก็คือ ประวัติทางการเงิน เพราะหากเคยเสียประวัติแม้จะมีการชำระหนี้สินครบแล้วก็เป็นรอยด่างที่ทางสถาบันการเงินอาจไม่ผ่านการพิจารณาได้