หุ้นไทย 2566 ยังดิ่งต่อ ดร.นิเวศน์ชี้ 5 มรสุมกระชากหุ้นลงอีก 1 ปี

สำนักข่าว ประชาชาติธุรกิจ ได้รายงานเรื่อง ดร.นิเวศน์ประเมิน 5 มรสุมที่จะฟาดตลาดหุ้นให้เลวร้ายลงไปอีก 1 ปี โดยมีรายละเอียดดังนี้

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของโลกรวมถึงไทยยังดูไม่ค่อยเอื้ออำนวย จนทำให้หลายคนคาดการณ์เอาไว้ว่าคิดว่าปีนี้ตลาดหุ้นก็ไม่น่าจะดีเช่นเดิม และต่อไปนี้ก็คือมรสุมที่ตลาดหุ้นไทยอาจจะต้องเจอในความเห็นของดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

หุ้นไทย 2566 ยังดิ่งต่อ ดร.นิเวศน์ชี้ 5 มรสุมกระชากหุ้นลงอีก 1 ปี

สั่งซื้อหนังสือ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ได้ที่นี่

1. ส่งออกดิ่งหนัก

จาการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจึงคาดกันว่า GDP จะโตถึง 3.8% แต่กลับกลายเป็นว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาตัวเลขการส่งออกของไทยปรับลดลงไปมากกว่า 10% ซึ่งจะไปฉุดตัวเลข GDP ให้ลดลงเหลือเพียง 2.8% และทำให้เศรษฐกิจไทยยังไม่ดีไปอีก 1 ปี

2. กำไร บจ.หด ตามเศรษฐกิจโตช้า

เมื่อเศรษฐกิจโตช้าจึงส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนลดลง แต่ปัจจัยที่สำคัญก็คือการลดลงของผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มพลังงานจากราคาพลังงานโลกที่ลดลงเมื่อเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งคาดการณ์กันเอาไว้ว่ากำไรต่อหุ้นของตลาดในปี 2566 จะลดลงจากประมาณ 100 บาทต่อหุ้นเหลือประมาณ 90 บาทต้น ๆ เท่านั้น

3. ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

จากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังไม่สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้อย่างที่ต้องการทำให้ธนาคารกลางหรือเฟดไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยจากที่ปรับขึ้นไปมากเมื่อช่วงปีที่แล้วซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงเช่นนี้ไม่ส่งผลดีต่อดัชนีตลาดหุ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยไทยก็ลดลงไม่ได้และอาจจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นด้วยเพื่อลดการไหลออกของเงินดอลลาร์

4. ฟันด์โฟลว์ไหลออก

Fund Flow หรือการไหลออกของเงินลงทุนในตลาดหุ้นของชาวต่างชาติเป็นสิ่งที่น่ากังวลเพราะในปีที่แล้วตลาดหุ้นไทยมีการไหลเข้าของทุนจากต่างชาติสูงถึง 200,000 ล้านบาท แต่ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 จนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 นักลงทุนต่างประเทศกลับขายหุ้นสุทธิถึงประมาณ 38,000 ล้านบาทและเมื่อพิจารณาที่เดือนมกราคมที่ต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิอยู่ที่ 18,000 ล้านบาทก็เท่ากับว่าเงินทุนจากต่างประเทศลดลงไปกว่า 20,000 ล้านบาททีเดียว โดยหากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นสุทธิไปเรื่อย ๆ จนถึงสิ้นปีก็มีแนวโน้มที่จะมีเงินไหลออกไปกว่า 1 แสนล้านบาทซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีหุ้นลดลงไปมากทีเดียว

5. เลือกตั้งประเทศไทย

แม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะมองว่าน่าจะเป็นผลดีเพราะการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยมักจะ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” เพราะมีการใช้จ่ายเงินในช่วงการหาเสียงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นในช่วงประมาณ 3 เดือนก่อนวันเลือกตั้ง แต่ก็อย่าลืมว่าหากหลังการเลือกตั้งแล้วยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ยิ่งหากพรรคที่ชนะการเลือกตั้งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จากการที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ทั้งสภาผู้แทนและวุฒิสภาเป็นผู้โหวตนายกก็อาจเกิดโกลาหลและวิกฤตทางการเมืองที่ไม่ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นขึ้นมาได้

หุ้นไทย 2566  Corner หุ้นแตกทุบตลาดหุ้นดิ่ง 4-5%

ประเด็นสุดท้ายที่ ดร.นิเวศน์แสดงความกังวลก็คือตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะเก็งกำไรสูงมานานและมีหุ้นที่อยู่ใน Corner อยู่หลายตัวรวมถึงหุ้นขนาดใหญ่ที่มีราคาสูงเกินพื้นฐาน และเมื่อใดที่ตลาดหุ้นซบเซาทำให้การเก็งกำไรหายไปก็มีโอกาสที่ Corner จะแตกและทำให้ดัชนีหุ้นตกลงได้มากถึง 4-5%

ดร.นิเวศน์สรุปเอาไว้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการประเมินถึงปัจจัยที่อาจจะมีผลต่อดัชนีหุ้นที่ควรจับตามอง แต่เหตุการณ์จริงนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ หรืออาจจะเกิดขึ้นบางเรื่องหรือบางส่วนและผลกระทบก็อาจจะไม่แรงอย่างที่คิดซึ่งไม่มีใครจะบอกได้ แต่ปัจจัยทั้งหมดนั้นดูเหมือนว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นทางด้านลบมากกว่าด้านบวก

สุดท้าย ดร.นิเวศน์เองก็ยังคงเชื่อถือตลาดหุ้นโดยไม่คิดจะขายหุ้นทิ้งเพราะแนวทางการซื้อหุ้นในลักษณะที่คล้ายเข้าไปเป็นเจ้าของธุรกิจทำให้ ดร.นิเวศน์มั่นใจว่าบริษัทจะอยู่ได้และมีกำไรและจ่ายปันผลได้แม้ว่าจะประสบปัญหาและอุปสรรค และเรื่องที่ไม่ว่าจะดีหรือร้ายที่เป็นเรื่องชั่วคราวไม่ช้ามันก็จะผ่านไป

ที่มา: https://www.prachachat.net/finance/news-1214544

ประเด็นที่น่าสนใจจาก หุ้นไทย 2566 ยังดิ่งต่อ ดร.นิเวศน์ชี้ 5 มรสุมกระชากหุ้นลงอีก 1 ปี

เทรด forex ให้ได้วันละ 1000 บาท

อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคำเตือนที่มาจากประสบการณ์ในการลงทุนของดร.นิเวศน์ก็ว่าได้เกี่ยวกับการออกมาคาดการณ์ถึงตลาดหุ้นไทยในปี 2566 นี้ที่มีแนวโน้มที่จะต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ทำให้ตลาดหุ้นผันผวนและซบเซาไปอีกอย่างน้อย 1 ปี แม้ว่าเราไม่อาจฟันธงได้ทั้งหมดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรือแม้แต่จะรุนแรงหรือเบาบางจากที่คาดการณ์แต่สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้นต้องเตรียมตัวคือการวางแผนการลงทุนด้วยความไม่ประมาทเพื่อรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นจากมรสุมทุกอย่างที่อาจเข้ามาสั่นคลอนตลาดหุ้น

วินัยในการลงทุนยังคงมีความสำคัญมากต่อทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ก่อนที่จะลงทุนทุกครั้งนักลงทุนควรกำหนดรูปแบบและแนวทางในการลงทุนให้ชัดเจนเสมอว่าในขณะนั้นเรากำลังมีวัตถุประสงค์อะไรในการลงทุน เพราะการลงทุนที่สะเปะสะปะ กลับไปกลับมาไม่เคยทำให้นักลงทุนประสบความสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว

นอกจากวินัยในการลงทุนอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากก็คืออย่าให้อารมณ์ของตลาดมาครอบงำจนทำให้กานลงทุนของคุณผิดพลาด การติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอคืออีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด

อย่าลืมแนวทาง อย่าลืมเป้าหมาย อย่าลืมวัตถุประสงค์ มีวินัยและทำตามแผนการลงทุนอย่างชัดเจนแล้วคุณจะไม่ตกลงสู่วังวนแห่งความล้มเหลวในการลงทุน