ปัญหารายได้และหนี้สินเป็นปัญหาสำคัญสำหรับเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน แม้ในปัจจุบันที่โลกได้เปลี่ยนเข้าสู่ยุคออนไลน์แต่กระนั้นเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนหลายรายก็ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงไปสู่ออนไลน์นี้ และทำให้พวกเขายังคงประสบปัญหารายได้จากการขายสินค้าที่ถูกเอาเปรียบรวมถึงหนี้สินที่พอกพูนจากราคาสินค้าที่ไม่แน่นอน สิ่งทั้งหมดนี้คือปัญหาสำคัญที่เกาะกินเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนของไทยมาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาขึ้นมาแค่ไหนก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้ที่ต้องการเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาโดยการนำเทคโนโลยีออนไลน์เข้ามามีบทบาทในด้านการจำหน่ายสินค้ามากขึ้น ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกันว่าสำหรับเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ เราจะนำเอาเทคโนโลยีออนไลน์มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง

รายได้ที่ไม่แน่นอนและหนี้สินคือปัญหาสำคัญของเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนของไทย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องของรายได้และหนี้สินคือปัญหาที่ฝังรากลึกสำหรับเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนมาอย่างยาวนาน เพราะเกษตรกรไทยส่วนใหญ่มักจะต้องทำการกู้หนี้ยืมสินจากสถาบันการเงินภาครัฐเพื่อนำมาเป็นทุนในการทำการเกษตร หนี้สินจึงเป็นสิ่งตายตัวที่เกษตรกรไทยต้องเผชิญหน้าในแต่ละปี แต่ตลกร้ายกลับอยู่ที่ว่าในด้านหนี้สินเกษตรกรไทยพอจะรับรู้หนี้สินที่ต้องชำระคืนเป็นจำนวนที่ค่อนข้างแน่นอน แต่ในเรื่องของรายได้ที่เข้ามานั้นกลับไม่สามารถประเมินออกมาเป็นตัวเลขที่ชัดเจนได้ นั่นก็เพราะว่าราคาของพืชผลการเกษตรมีปัจจัยหลายอย่างมาเป็นตัวกำหนดทั้งจากสภาพอากาศในแต่ละปี รวมถึงจำนวนของผลผลิตที่ออกมาในแต่ละปี สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดรายได้ของเกษตรกรไทยและวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ และส่งผลต่อไปยังหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอันเป็นสิ่งฉุดรั้งคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนเป็นอย่างมาก

แม้โลกจะเข้าสู่ยุคออนไลน์ แต่เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนแทบไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้เท่าที่ควร

เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคออนไลน์ที่ทำให้หลายธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก สร้างรายได้และความมั่นคงให้กับตนเองแต่กลับกลายเป็นว่ากลุ่มของเกษตรกรส่วนใหญ่รวมถึงวิสาหกิจชุมชนหลายแห่งกลับไม่สามารถเข้าถึงประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย แม้ว่าจะมีเกษตรกรหรือวิสาหกิจชุมชนบางส่วนที่ได้ประโยชน์จากออนไลน์แต่นั่นก็เป็นส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนทั้งหมดในประเทศไทย เหตุที่เป็นเช่นนี้นั่นก็เพราะว่าแม้ว่าช่องทางออนไลน์จะเข้าถึงได้ง่ายผ่านโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีศักยภาพมากพอที่จะใช้ประโยชน์จากมัน ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของการขายสินค้าและการทำการตลาดออนไลน์ ผลก็คือแม้ว่าออนไลน์จะพัฒนามากเพียงใด คนกลุ่มนี้ก็ยังคงเป็นกลุ่มชายขอบที่ไม่ได้รับประโยชน์จากโลกออนไลน์เลย

นอกจากนี้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนไทยยังตกอยู่ภายใต้กรอบแนวความคิดเดิมคือการคิดการทำเกษตรแบบการเกษตรไม่ใช่การธุรกิจเกษตรจึงไม่ได้สนใจที่จะศึกษาเรื่องของต้นทุนในการผลิต ความคุ้มค่าในการลงทุน การมองหาตลาดก่อนที่ผลผลิตจะออกมารวมถึงไม่รู้จักการทำการตลาดออนไลน์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนประสบปัญหาทั้งเรื่องของรายได้และหนี้สินอย่างที่กล่าวมาแล้ว

สินค้าเกษตรออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์คือคนกลางที่เข้ามาช่วยอุดช่องโหว่และทำให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก

เมื่อเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนส่วนใหญ่ไม่พร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากโลกออนไลน์ได้อย่างเต็มที่ จึงต้องมีตัวกลางที่เข้ามาเป็นสะพานเชื่อมให้กับตัวของเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและลูกค้า โดยตัวกลางที่ว่านั่นก็คือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทั้งเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและผู้บริโภคได้เข้ามาเจอกันภายใต้กรอบกติกาที่เป็นที่ยอมรับกันทั่ง 3 ฝ่าย โดยมีแพลตฟอร์มที่น่าสนใจและมีแนวความคิดและรูปแบบการทำงานที่ใกล้เคียงกันอยู่ 2 แพลตฟอร์มคือ

  • Khonthai.com: เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นเพื่อให้เกษตรกรได้มีโอกาสบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ของตนทั้งในส่วนของรายได้ รายจ่าย ผลผลิตที่กำลังจะออกสู่ตลาดในอนาคตเพื่อนำไปใช้ในการกำหนดราคาของผลผลิตต่าง ๆได้ จากการที่ตัวแพลตฟอร์มรับรู้ปริมาณของผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดนี้ และเป็นสื่อกลางให้ผู้ที่สนใจสินค้าเกษตรได้เข้ามาซื้อขายกับทางเกษตรกรโดยตรงในราคาที่เป็นธรรม นอกจากนี้เกษตรกรยังสามารถนำข้อมูลที่บันทึกนี้ไปเป็นหลักฐานเพื่อแสดงต่อสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้อีกด้วย
  • Nakhonsistation: เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องของการทำการตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์เพื่อโปรโมตสินค้าทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าจากวิสาหกิจชุมชนรวมถึงผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่มีจุดอ่อนในเรื่องของการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้รับประโยชน์จากโลกออนไลน์นี้

โดยสิ่งที่ทั้งสองแพลตฟอร์มให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันก็คือความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูล การนำเสนอข้อมูลของสินค้าออกมาสู่กลุ่มเป้าหมายในรูปแบบของการทำการตลาดออนไลน์ รวมถึงการมองหากลุ่มลูกค้าของสินค้าซึ่งทั้งตัวของเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เลย จึงจำเป็นที่จะต้องมีแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางเข้ามาช่วยจัดการให้นั่นเอง

เพราะใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าสู่ออนไลน์ได้ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ คือผู้ที่จะเข้ามายกระดับให้กับเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนอย่างแท้จริง

ความเชี่ยวชาญที่แท้จริงของเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนอยู่ที่ภาคการผลิต ดังนั้นหน่วยงานเอกชนหรือภาครัฐที่มีศักยภาพในเรื่องของเทคโนโลยีออนไลน์จึงควรเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์ม การทำการตลาดออนไลน์เพื่อช่วยให้สินค้าภาคการเกษตรหรือจากวิสาหกิจชุมชนมีโอกาสออกสู่โลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพราะในเรื่องดังกล่าวนี้เอกชนหรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมีทักษะและความเชี่ยวชาญชำนาญที่มากกว่า และหากในอนาคตมีความร่วมมือกันระหว่างตัวแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้อง มีการนำข้อมูลที่ได้มาใช้ประโยชน์ร่วมกันก็จะยิ่งเป็นการช่วยเหลือให้ทั้งเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนมีรายได้มากขึ้นและช่วยแก้ปัญหาหนี้สินของพวกเขาได้อย่างยั่งยืน

ท้ายที่สุดนี้ผู้ประกอบการรวมถึงเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนต้องเปิดใจยอมรับว่าเรายังมีจุดอ่อนในเรื่องใดและมองหาผู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือและกลบจุดอ่อนนี้ของเราให้ได้ก็จะทำให้ธุรกิจที่เราทำสามารถไปต่อได้ เช่นเดียวกับที่หน่วยงานภาครัฐควรให้การสนับสนุนตัวกลางอย่างแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ต้องการพัฒนาเครื่องมือเพื่อสร้างประโยชน์แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชนหรือผู้ประกอบการที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านี้ เพียงเท่านี้ก็เป็นการช่วยเหลือให้พวกเขาเติบโตและมีรายได้อย่างยั่งยืนแล้ว